บทที่ 80 ยมโลกลึกลับ การคาดเดาของตัวนหยุนเชิง !

จอมบงการเทพยุทธ์

อากาศสงบนิ่ง และภาพก็จางหายไป

เบื้องหน้าแท่นบูชา ร่างในชุดสีขาวไร้ที่ติก็ได้หายไป หลงเหลือเพียงชิ้นส่วนของบรรทัดจักรพรรดิอสูรที่แตกออกเป็นห้าส่วน

แม้ภาพจะหายไปแล้ว แต่ความตื่นตระหนกในใจของเหล่าจักรพรรดิก็ยากจะสงบลง

มันมีข้อมูลมากเกินกว่าที่พวกเขาจะประมวลผลได้ทัน

ทุกภาพเปี่ยมไปด้วยความลับอันน่าตกใจ!

จอมจักรพรรดิอสูรที่แก่ชรากลับเลือกที่จะสละเส้นทางนิรันดร์อีกครา แต่ในครั้งนี้ มิใช่เพื่อตัวเองแต่เพื่อส่งบรรทัดจักรพรรดิอสูรที่อยู่คู่เคียงกับเขามานับหลายหมื่นปีออกไป

และในท้ายที่สุด จอมจักรพรรดิชราก็ได้ส่งบรรทัดจักรพรรดิอสูรครึ่งหนึ่งไปยังแดนสวรรค์ได้ในที่สุด

บรรทัดจักรพรรดิอสรอีกครึ่งหนึ่งก็ได้แตกสลายเป็นห้าชิ้นและกระจัดกระจาย

ทําสําเร็จแล้วเช่นนั้น?

เหล่าจักรพรรดิ์ไม่รู้

แต่สิ่งเดียวที่รู้ได้อย่างแน่แท้คือ ในตอนที่จอมจักรพรรดิอสูรได้ก้าวเดินบนเส้นทางนิรันดร์เขาได้พบกับศัตรูที่กล้าแกร่งอย่างหาที่เปรียบมิได้

เบื้องหน้าคือทัณฑ์สวรรค์อันโหดร้ายของเส้นทางนิรันดร์ และเบื้องหลังคือสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวที่ไล่ตามจอมจักรพรรดิอสูรอย่างไม่ลดละ

เป็นเรื่องที่น่าเศร้ายิ่งนัก

จอมจักรพรรดิ์อสูรนั้นแข็งแกร่งยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน แม้เขาจะต่อสู้กับเส้นทางนิรันดร์แต่ก็ไม่บาดเจ็บเพียงนิดทว่าในยามที่เขาแก่ชรานี้กลับได้พบกับการต่อสู้อันยากเย็นสาหัสยิ่ง

ช่างน่าเสียดาย ที่คู่ต่อสู้นั้นไม่ปรากฏอยู่บนภาพนี้

มีเพียงกระแสพลังอันยิ่งใหญ่และน่าตกใจพอๆ กันที่แผ่ออกมา ที่เป็นข้อพิสูจน์ความแข็งแกร่งของศัตรูผู้นั้น

“ชั่วช้ายิ่งนัก! เจ้านั่นคือผู้ใดกัน โจมตีจอมจักรพรรดิอสูรในขณะที่เขาแก่ชราและอ่อนแอแต่ในตอนที่ปราณของเขามีมากมายราวกับท้องทะเลและยืนอยู่เหนือทุกสรรพชีวิตทําไมไม่กล้าโจมตีกันเล่า!”

จักรพรรดิอสูรทั้งสามเบิกตาโพลง เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

ชะตากรรมของจอมจักรพรรดิอสูรรุ่นแรกจบลงเช่นนี้ในท้ายที่สุด ในฐานะเผ่าพันธุ์อสูรแล้วพวกมันรู้สึกอึดอัดใจ

อยากจะรู้เหลือเกินว่าในตอนที่จอมจักรพรรดิอสูรอยู่ในจุดสูงสุด เคยมีศัตรูมาโจมตีหรือไม่?!

มันกล้าจะโจมตีในตอนที่จอมจักรพรรดิอสูรอ่อนแอและแก่ชราเท่านั้น เจ้านั่นไม่ได้เก่งไปกว่าจอมจักรพรรดิอสูรหรอก!

“เราต้องไม่มองโลกในแง่ร้าย ผลการต่อสู้ในครั้งนี้จอมจักรพรรดิอสูรต้องชนะเป็นแน่”

จีต้าวชครุ่นคิดขณะมองดูบรรทัดจักรพรรดิอสูรที่แตกเป็นห้าชิ้นและรอยเท้าจางๆ

หากจอมจักรพรรดิอสูรพ่ายแพ้ในการต่อสู้ครั้งนั้น ทําไมมันจึงกลับมารวมตัวกันอีกครั้งได้อย่างไรกันเล่า?

คนผู้นั้นจะมาเพื่อสังหารเฉยๆ และพลาดยุทธ์ภัณฑ์จักรพรรดิระดับสุดยอดในอดีตไปได้อย่างไร?

ดังนั้นแล้ว มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นคือในการต่อสู้ครั้งนี้ ผู้ชนะคือจอมจักรพรรดิอสูร!

แม้จะแก่ชราและอ่อนแอ อีกทั้งยังบาดเจ็บสาหัส เขายังสามารถลากสังขารที่อ่อนแรงนั้นด้วยพลังและส่งบรรทัดจักรพรรดิอสูรครึ่งหนึ่งไปยังแดนสวรรค์ได้สําเร็จก่อนจะกลับมาต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตปริศนา

แม้จะเป็นผู้ไร้เทียมทานเช่นจอมจักรพรรดิอสูร แต่เกรงว่าในท้ายที่สุดดวงไฟในตะเกียงชีวิตก็ถึงคราวมอดดับลง

“ในภาพสุดท้าย จอมจักรพรรดิอสูรลงมือบดแผ่นสําริดที่มีคําว่า”ยมโลก”จนกลายเป็นผุยผง

ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีอยู่จริง หรือศัตรูผู้ต่อสู้กับจอมจักรพรรดิอสูรนั้นจะมาจากยมโลกในตํานานนั้นกัน?”

ราชันโบราณเหม่อลอยและกล่าวออกมาเบาๆ

ยมโลก นับตั้งแต่โบราณ คําๆนี้มีความหมายเหมือนกับสิ่งลี้ลับที่ยากจะคาดเดาหาคําตอบมิได้

แม้จะไม่เคยปรากฏขึ้นมาให้เห็นบนโลกใบนี้ แต่มีจอมยุทธมากมายในจักรวาลแห่งนี้เชื่อว่ายมโลกมีอยู่จริง

ก่อนที่จะถือกําเนิดใหม่ยมโลกจะเป็นบ้านของเหล่าวิญญาณทั้งปวง

หลังจากที่ชีวิตหนึ่งได้ตายลงไป วิญญาณจะมุ่งลงสู่ยมโลกและกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง

นี่เป็นความเชื่อที่จอมยุทธมากมายในจักรวาลมีอยู่ในใจ

พวกเขารู้ว่าการจะอยู่ยงคงกระพันนั้นเป็นเรื่องเพ้อฝัน ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งความหวังเอาไว้ที่แดนยมโลกที่ไม่รู้ว่ามีอยู่จริงหรือไม่ ด้วยความเชื่อที่ว่า
แดนแห่งนั้นคือสิ่งที่ชี้นําการกําเนิดใหม่ ของโลกใบนี้ และเป็นที่ที่คนตายเท่านั้นจะไปถึง

อย่างไรก็ตาม ความเชื่อในแดนยมโลกก็เป็นเพียงภาพลวงตา ไม่เคยมีผู้ใดพบเจอมาก่อน

แม้กระทั่งในอดีต เมื่อจอมจักรพรรดิยังมีชีวิต เขาก็ไม่เคยกล่าวถึงมันเพียงสักครั้ง

ดังนั้นแล้วจึงมีการโต้แย้งกันมากมายว่าแดนยมโลกนั้นมีจริงหรือไม่

แต่ในตอนนี้ จอมจักรพรรดิอสูรชราได้ต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตอันยิ่งใหญ่ และได้บีบแผ่นสําริดที่มีคําว่า “ยมโลก” จารึกเอาไว้

ดูเหมือนเป็นการพิสูจน์ว่ายมโลกนั้นไม่ได้เพียงแค่มีอยู่จริง แต่ยังมีประวัติศาสตร์อันแสนยาวนานนับล้านปี!

และสิ่งมีชีวิตที่ต่อสู้กับจอมจักรพรรดิอสูรนั้นมาจากยมโลกด้วยหรือไม่?

เหล่าจักรพรรดินึกถึงจารึกโบราณอันงดงามสองอันที่เห็นก่อนหน้านี้

ชายผู้ที่ราวกับเป็นจอมจักรพรรดิ์จากสวรรค์ได้ทิ้งคํากล่าวเอาไว้ “เฝ้าเส้นทางสู่ยมโลกเพียงลําพังสองชั่วชีวิตแบกรับความทุกข์ทนของผู้คนไว้บนบ่าชั่วนิรันดร์” ซึ่งเหมือนจะเป็นคําเปรียบเปรยของจอมจักรพรรดิอสูร

เส้นทางสู่ยมโลกคือส่วนหนึ่งของยมโลกด้วยหรือไม่?

เหตุผลที่จอมจักรพรรดิอสูรไม่เข้าสู่แดนสวรรค์ แต่ยังคงอยู่ในโลกใบนี้ก็เพื่อจะกําราบความโกลาหลภายในยมโลกหรือไม่?

ภายในใจของเหล่าจักรพรรดิเปี่ยมไปด้วยความสับสนงนงงมากมาย

ในขณะเดียวกัน ภายในหัวใจของพวกเขาเองก็เปี่ยมไปด้วยความตกใจนับตั้งแต่ที่พวกเขาได้มาถึงวังจอมจักรพรรดิอสูรพวกมันก็ได้พบเห็นและรู้มากเกินไป

ประวัติศาสตร์นับล้านปีก่อนนั้นยังคงเป็นปริศนา สิ่งที่ถูกเปิดเผยออกมานั้นเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยว!

“ช่างน่าเสียดาย ยุทธภัณฑ์จักรพรรดินั้นมีจิตวิญญาณ เราไม่สามารถเอามันไปได้

เหล่าจักรพรรดิโบราณมองไปยังเศษเสี้ยวของบรรทัดจักรพรรดิอสูรบนแท่นบูชาและกล่าวออกมาด้วยน้ําเสียงที่เศร้าสร้อย

ยุทธภัณฑ์จักรพรรดินั้นมีจิตวิญญาณ และมันจะสังหารผู้ใดก็ตามที่ไม่ใช่เจ้าของที่คิดจะครอบครองพวกมัน

หากจิตวิญญาณของบรรทัดจักรพรรดิอสูรนั้นยังคงอยู่ แม้จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวแต่มันก็คงจะสังหารพวกเขาได้อย่างง่ายดายเป็นแน่แท้

อย่างไรก็ตาม แม้เหล่าจักรพรรดิจะรู้สึกเสียใจและไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกลับไปเตรียมพร้อมจะเดินออกจากวังจักรพรรดิอสูรและเตรียมแผนการต่อไป

“บางที่ต้องบอกเรื่องนี้กับราชวงศ์ดึกดําบรรพ์เกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ และให้พวกเขาเข้ามาพร้อมกับยุทธภัณฑ์จักรพรรดิสูงสุด ยุทธภัณฑ์ที่เหลือเพียงครึ่งนี้คงจะทนพลังของยุทธภัณฑ์ที่มีพลังเต็มที่ไม่ได้แน่”

ในตอนนี้ ไม่มีวิญญาณภายในบรรทัดจักรพรรดิอสูรนี้ มีเพียงความรู้สึกติดค้างดั้งเดิมที่ยังคงอยู่

ตราบใดก็ตามที่ไม่มีวิญญาณภายในบรรทัดจักรพรรดิอสูรนี้ เพียงแค่ชาระความรู้สึกติดค้าง!นออกไปก็จะสามารถใช้งานมันได้!

ดวงตาของเหล่าจักรพรรดิกระพริบเร็ว ในใจคิดคํานวนอย่างรวดเร็ว

แม้จะเป็นเพียงยุทธภัณฑ์จักรพรรดิที่แตกหัก แต่มูลค่าของมันนั้นมากมายเหนือจินตนาการและคุ้มค่าที่จะต่อสู้เพื่อมัน

แม้จะไม่ใช่ยุทธ์ภัณฑ์จักรพรรดิที่สมบูรณ์ แม้จะเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยว แต่พลังของมันก็เหนือกว่ายุทธ์ภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ธรรมดามากนัก!

จักรพรรดิทุกตนมีเรื่องมากมายในใจ และในตอนที่มีสิ่งล้ำค่าอยู่ตรงหน้าเช่นนี้แล้วไม่มีผู้ใดที่คิดจะปล่อยให้มันหลุดลอยไปง่ายๆ

เหล่าจักรพรรดิเริ่มปรึกษากัน

กระทั่งจักรพรรดิโบราณทั้งสามของเผ่าอสูรเองก็พูดคุยกัน และในที่สุดพวกมันก็สรุปได้ว่าต้องเรียกจักรพรรดิอสรที่แข็งแกร่งกว่านี้มามิฉะนั้นพวกเขาจะไม่สามารถจัดการกับเผ่าพันธุ์โบราณอื่นได้อย่างแน่นอน

เหล่าจักรพรรดิของเผ่าอสูรและจักรพรรดิโบราณทั้งหลายต่างเคร่งเครียดและครุ่นคิดหนัก

ในทางกลับกัน จักรพรรดิของเผ่ามนุษย์ จีต้าวชูและตัวนหยุนเชิงต่างทําตัวสบายๆ

จีต้าวชนั้นทําตัวสบายๆเพราะเขาไม่คิดที่จะไปแย่งชิงบรรทัดจักรพรรดิอสูรอยู่แล้ว

กลับกัน ตัวนหยุนเชิงคิดอีกแบบ

เขายังไม่ลืมสุสานโบราณอันเล็กที่ดูไม่เตะตาก่อนจะเข้ามายังวังจักรรพรรดิอสูรแห่งนี้

เขามีลางสังหรณ์ว่า เมื่อเทียบกับวังจักรพรรดิอสูรแห่งนี้แล้ว บางที่สุสานโบราณนั้นอาจเป็นสิ่งของล้ำค่ามากกว่าอยู่ในนั้น!

สําหรับวังจอมจักรพรรดิอสูรแห่งนี้ มันเป็นเพียงเหยื่อล่อ ทําให้สับสนเท่านั้น

สิ่งที่ล้ำค่าจริงๆ นั้นอยู่ในสุสานนั้นที่ดูธรรมดาและโดดเดี่ยว!

หลังจากที่ออกไปแล้ว ปล่อยให้เจ้าพวกนี้ต่อสู้กันไปเพื่อแย่งชิงชิ้นส่วนยุทธ์ภัณฑ์จักรพรรดินี้จะดีกว่า

เพื่อโชคลาภในแดนแห่งนี้ ข้าจะต้องไปสํารวจด้วยตัวเอง!