ตอนที่ 29 แยกบ้าน (3)

จำนวนรวมทั้งสิ้น 982 หยวน กับ 7 เหมา หากไม่นับเศษ ปัดเศษทิ้งไปก็จะเป็นการแบ่งจากเงินทั้งหมด 982 หยวน

คุณพ่อจ้าวและคุณแม่จ้าวย่อมต้องการเก็บเงินบำนาญนี้ไว้ พวกเขาทั้งสองรับเงินจำนวน 282 หยวนไป กล่าวว่า “อนาคตพ่อกับแม่จะไปอยู่กับครอบครัวของเจ้ารอง แต่ตอนนี้พ่อกับแม่ยังไม่อยากอาศัยร่วมกับพวกเขา พวกเรายังพอทำงานได้ ดังนั้น พวกเราจะไปตามทางของตัวเอง เงินจำนวน 282 หยวนนี้ พ่อกับแม่จะเก็บไว้ใช้ ส่วนที่เหลืออีก 700 หยวนจะถูกแบ่งให้กับครอบครัวของพวกเธอทั้งสี่อย่างเท่าเทียมกัน”

“พ่อกับแม่จะไม่อยู่กับผมเหรอครับ?” พี่รองจ้าวกล่าวด้วยความร้อนใจ

เขาเป็นลูกชายคนโต ถ้าพ่อแม่ของเขาไม่อาศัยอยู่กับเขา เขาจะไม่ถูกคนในหมู่บ้านนินทาลับหลังหรอกเหรอ

“แม่ไม่ได้บอกว่าจะไม่อยู่กับพวกเธอ บ้านก็อยู่ที่นี่ไง ถ้าไม่อาศัยอยู่ที่นี่แล้วจะไปอยู่ที่ไหน? แต่ตอนนี้แม่กับพ่อคิดไว้แล้วว่าจะไม่กินข้าวร่วมกับพวกเธอ พวกเราจะทำกับข้าวกินกันเอง” คุณแม่จ้าวกล่าวพร้อมกับโบกมือ

พี่รองจ้าวได้ยินเช่นนี้ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เงินที่เหลืออยู่กับผู้อาวุโสของตระกูล หัวหน้าหมู่บ้านและเลขาธิการเป็นพยานในการแบ่งเงินอย่างเท่าเทียมกัน เงินที่เหลือจำนวน 700 หยวนถูกแบ่งให้แต่ละครอบครัวเป็นจำนวนเงินบ้านละ 175 หยวน

“แบ่งแบบนี้พวกเธอไม่มีความคิดเห็นอะไรแล้วใช่ไหม?” คุณแม่จ้าวกล่าวเบา ๆ

ครอบครัวใหญ่ได้แยกบ้านกันเช่นนี้แล้ว ในใจของคุณแม่จ้าวเองก็ทำใจไม่ค่อยได้เท่าไรนัก แต่นางเตรียมใจไว้ก่อนแล้ว การยอมรับเรื่องนี้จึงไม่ได้ยากเย็นขนาดนั้น

แน่นอนว่าแต่ละบ้านต่างไม่มีปัญหาอะไร

ดังนั้นคุณแม่จ้าวจึงแบ่งเงินให้กับพวกเขา แต่ละครอบครัวได้รับเงินบ้านละ 175 หยวน ในยุคที่ต้องใช้เงินตลอดเวลา แน่นอนว่านี่เป็นเงินก้อนโตก้อนหนึ่งเลย

แต่มันก็ทำให้คนรับมีความสุขได้

พี่สะใภ้รองจ้าวอดยิ้มไม่ได้หลังจากได้รับเงินที่พี่รองจ้าวมอบให้ จากนี้ไปหล่อนก็จะได้เป็นหัวหน้าครอบครัวแล้ว!

แม้ว่าพี่สะใภ้สามจ้าวจะไม่ต้องการแยกบ้าน แต่เมื่อได้รับเงินจำนวนมหาศาลนี้ ก็ทำให้หล่อนมีความสุขเช่นกัน

ส่วนพี่สะใภ้สี่จ้าว แม้ว่าจะได้รับเงินจากพี่สี่จ้าว แต่สีหน้าของหล่อนกลับไม่มีความสุข หลังจากนี้ครอบครัวของหล่อนจะทำอย่างไร?

ในขณะที่จ้าวเหวินเทาแสดงออกทางสีหน้าอย่างไม่มีอะไรชัดเจนไปกว่านี้อีกแล้ว เขารับเงินจากมือของแม่ด้วยรอยยิ้ม

คุณแม่จ้าวกล่าวอย่างแง่งอน “แยกบ้านไปแล้ว แกก็จะเป็นหัวหน้าครอบครัวแล้วนะ ต้องขยันทำงานหาเงินเลี้ยงดูภรรยาด้วยล่ะ!”

จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม่ แม่กับพ่อวางใจได้เลย ผมจะปล่อยให้ภรรยาหิวได้ยังไง? รอผมสร้างบ้านอิฐก่อน ถึงเวลานั้นพ่อกับแม่ค่อยมาอยู่กับผมนะ ไม่ต้องไปอยู่กับพี่รองหรอก มาอยู่กับผมก็ได้เหมือนกัน!”

มุมปากของพี่รองจ้าวกระตุกเมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกมา

พี่สามจ้าวเบ้ปาก กล่าวได้ว่าในบรรดาพี่น้องคนที่พูดเก่งที่สุดก็เป็นเจ้าหกนี่แหละ ช่างปากหวานเสียจนทำให้พ่อกับแม่ลำเอียงไปทางฝั่งเขา!

ราวกับว่าบ้านอิฐมันจะมีกันได้ง่าย ๆ เหมือนการกินข้าวดื่มน้ำอย่างนั้นแหละ!

ผู้อาวุโสของตระกูล หัวหน้าหมู่บ้านและเลขาธิการต่างพากันหัวเราะ แม้ว่าเหล่าลิ่วคนนี้จะพูดจาไร้สาระ แต่คำพูดนั้นก็ฟังดูรื่นหู

อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้รังเกียจพ่อแม่ของตัวเองไม่ใช่เหรอ?

แน่นอนว่าคุณพ่อจ้าวและคุณแม่จ้าวต่างรู้สึกโล่งใจเช่นกัน เมื่อพี่สามจ้าวเห็นดังนั้นในใจของเขาจึงรู้สึกคลื่นไส้ แต่เมื่อคิดถึงเรื่องแยกบ้านแล้ว เขาจึงรู้สึกดีขึ้น เขาและภรรยาไม่มีทางแย่กว่าสองคนนั้น!

หลังจากเย่ฉูฉู่ได้รับเงินจากเหวินเทา ใบหน้าของเธอจึงมีรอยยิ้มประดับ เพราะเมื่อมีเงินจำนวนนี้แล้ว ในอนาคตหากเหวินเทาอยากทำอะไรก็สามารถทำได้ เงินจำนวนนี้ต้องเพียงพอสำหรับการทำธุรกิจขนาดเล็กอย่างแน่นอน

หลังจากแบ่งเงินเสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการแบ่งอาหาร การแบ่งอาหารง่ายกว่ามาก ไม่เหมือนกับการแบ่งเงิน เพราะอาหารจะถูกแบ่งตามจำนวนคน

จ้าวเหวินเทาและเย่ฉูฉู่มีกันแค่สองคน ดังนั้นจึงได้ส่วนแบ่งไม่มาก ทั้งสองคนได้ไป 360 ชั่ง เมื่ออิงตามปริมาณการรับประทานอาหาร อาหารจำนวนนี้สามารถอยู่ได้ถึงฤดูร้อนของปีหน้า

กล่าวได้ว่าพวกเขาจะต้องรัดเข็มขัดกันแล้ว

ฤดูหนาวไม่ได้ทำงาน คนจำนวนมากจึงไม่กล้ากินจนอิ่มท้อง กินเพียงสามถึงสี่ส่วนก็พอแล้ว ไม่เช่นนั้นปีหน้าจะเหลืออะไรให้กิน?

หลังต้นฤดูใบไม้ผลิปีหน้ายังไม่สามารถเก็บเกี่ยวข้าวที่เพิ่งปลูกได้นะ

เมื่อแจกจ่ายอาหารเสร็จก็หมดเรื่องหมดราวแล้ว คุณพ่อจ้าวเขียนเงื่อนไขของการแยกบ้านต่อหน้าผู้อาวุโสของตระกูล หัวหน้าหมู่บ้านและเลขาธิการตรวจสอบเสร็จ พวกเขาจึงเซ็นชื่อลงนาม นับว่าการแยกบ้านของครอบครัวนี้เป็นอันเสร็จสิ้น

แน่นอนว่าพวกของใช้บนโต๊ะอาหารภายในบ้านก็ถูกแบ่งอย่างง่าย ๆ ของเหล่านี้ไม่ได้มีค่าอะไร จึงถูกแจกจ่ายอย่างง่ายดาย

นอกจากนี้ยังมีไข่ไก่และไก่ในบ้านด้วย ไข่ไก่พ่อกับแม่เป็นคนเก็บไว้ ส่วนไก่ก็แจกจ่ายกันไป

ที่บ้านเลี้ยงไก่ไว้ไม่มาก มีแค่ 8 ตัว คุณพ่อและคุณแม่เก็บไว้คนละตัว ส่วนที่เหลืออีก 6 ตัวถูกแจกจ่ายให้กับพวกเขา

ไก่ 6 ตัวนี้แน่นอนว่าไม่สามารถแบ่งได้ง่าย ๆ ดังนั้นจึงต้องมีคนนำเงินมาจ่ายเพิ่มเพื่อให้สมดุลกัน

ยกตัวอย่างเช่น จ้าวเหวินเทาต้องการไก่ 2 ตัว เขาจึงต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 2 หยวน พี่สะใภ้รองจ้าวต้องการไก่เพิ่มอีก 1 ตัวเพราะหล่อนมีลูกมากกว่าคนอื่น จึงต้องจ่ายเพิ่ม 2 หยวน เงินเหล่านี้ก็จะถูกนำไปแบ่งให้พี่สะใภ้สามจ้าวและพี่สะใภ้สี่จ้าวอย่างเท่าเทียมกัน

หลังจากแยกบ้านเสร็จ ผู้อาวุโสของตระกูล หัวหน้าหมู่บ้านและเลขาธิการก็เดินทางกลับ การแยกบ้านเป็นไปอย่างราบรื่นไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง และไม่มีความยุ่งยากใด ๆ

เหล่าพี่น้องตระกูลจ้าวและลูกสะใภ้ต่างแยกย้ายกันกลับห้องของตัวเองเพื่อนับเงินที่ได้รับมาและซ่อนเงินไว้

จ้าวเหวินเทาและเย่ฉูฉู่ก็นับเงินที่ได้จากการประชุมครั้งนี้อยู่ในห้องของพวกเขาเช่นกัน วันนี้พวกเขาเงินส่วนแบ่งมา 175 หยวน รวมเข้ากับเงินอีก 20 กว่าหยวนจากการขายโสมป่า ครอบครัวของพวกเขาจึงมีเงินเก็บเกือบ 200 หยวน

“เงินเยอะขนาดนี้เลยนะเนี่ย” จ้าวเหวินเทาดีใจมาก

“เงินแค่นี้มันยังไม่พอใช้หรอกค่ะ” เย่ฉูฉู่ไม่ค่อยมีความสุขเท่าไรนัก

เพราะจ้าวเหวินเทาของเธอยังต้องการซื้อจักรยาน ต้องใช้เงินอีกร้อยกว่าหยวน ไหนจะเรื่องธุรกิจอีก เรื่องนี้ก็ต้องใช้เงิน แถมยังมีเรื่องจิปาถะอื่น ๆ เช่นพวกหม้อและกระทะของครอบครัวที่ต้องซื้อใหม่ ของเหล่านี้ต้องใช้เงินทั้งนั้น

“ภรรยา คุณไม่ต้องกังวล ถึงเวลานั้นผมจะหาเงินกลับมาคืนให้คุณอย่างแน่นอน!” จ้าวเหวินเทารีบปลอบประโลม

“อืม ฉันเชื่อคุณค่ะ” เย่ฉูฉู่ยิ้ม จากนั้นจึงหยิบเสื้อบุฝ้ายมาเพื่อเริ่มลงมือเย็บผ้า

ตอนนี้ว่างแล้ว ต้องทำเสื้อบุฝ้ายสำหรับฤดูหนาวให้เสร็จถึงจะดี ส่วนเรื่องผ้านวมนั้นไม่เป็นไร เพราะของที่ใช้ในปีนี้เป็นของจากงานแต่งงาน ของทั้งหมดจึงยังใหม่เอี่ยมและอบอุ่นอยู่

เธอมีผ้านวมสี่ผืน สองผืนเป็นสินสอดของทางบ้านเธอให้มา นอกจากนี้ยังมีอีกสองผืนที่พี่สาวอีกสองคนที่อยู่ในหมู่บ้านให้มาคนละผืน ไม่ต้องหนาวจนตัวแข็งแล้ว

“ภรรยา คุณมีอะไรอยากจะซื้อไหมครับ?” แน่นอนว่าจ้าวเหวินเทาไม่สามารถปฏิบัติต่อภรรยาของเขาอย่างไม่เป็นธรรมได้ เงินทั้งหมดให้เขาใช้ไปแล้ว ส่วนภรรยาของเขากลับไม่ได้เงินใช้แม้แต่หยวนเดียว ทำแบบนี้ได้อย่างไรกันล่ะ?

“มีสิคะ ครั้งหน้าถ้าคุณเข้าไปในเมืองช่วยซื้อครีมทาหน้ากลับมาให้ฉันหน่อยก็แล้วกันนะคะ” เย่ฉูฉู่จึงพูดกับเขาอย่างไม่เกรงใจ

ตอนนี้อากาศยิ่งหนาวขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะวันนี้ที่หนาวกว่าเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่อยากให้ผิวหน้าตัวเองต้องพังเพราะลมหนาว ต้องทาเครื่องประทินผิวบ้างถึงจะดี

“ได้เลย รอผมเข้าเมืองก่อน ผมจะไปซื้อที่ห้างสรรพสินค้ามาให้คุณนะ!” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม

เย่ฉูฉู่เริ่มเย็บเสื้อบุฝ้ายไปพลางกล่าวไปพลางว่า “เงินเหล่านี้ฉันจะเก็บไว้ คุณจะใช้ตอนไหนก็ค่อยมาเอาที่ฉันก็แล้วกันนะคะ”

จ้าวเหวินเทาตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ภรรยา ตอนเที่ยงพวกเรากินอะไรกันดี? แม่บอกว่าหลังจากนี้พวกเราต้องทำอาหารกินเองแล้วนะครับ”

“กินบะหมี่แล้วกันค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปถามที่บ้านคุณยายฟางนะคะว่ามีไข่ไก่ขายไหม” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ได้ งั้นเดี๋ยวผมเอาไก่สองตัวของเราไปเลี้ยงที่สวนหลังบ้านก่อน ไม่เลี้ยงร่วมกับคนพวกนั้นแล้ว!” เมื่อจ้าวเหวินเทากล่าวจบ ก็ไปหาพ่อเพื่อขอเล้าไก่

คุณพ่อจ้าวเพิ่งสร้างเล้าไก่เสร็จ จึงยกมันให้เขา

จ้าวเหวินเทาตกอยู่ภายใต้การจ้องมองของเหล่าพี่สะใภ้ เขาเลือกแม่ไก่ที่ร่าเริงสองตัวใส่เล้าไก่

แม่ไก่ตัวอื่น ๆ ก็ร่าเริงดี ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาอะไร

ไก่ทั้ง 2 ตัวถูกจ้าวเหวินเทาอุ้มกลับมายังห้องด้านหลังบ้านเรียบร้อยแล้ว

เย่ฉูฉู่มองจ้าวเหวินเทาที่อยู่ด้านนอกประตูกำลังพูดคุยกับไก่และกระต่าย เธอจึงอดยิ้มไม่ได้

แม้เธอจะแอบรู้สึกไม่สบายที่ต้องมาอยู่ในประเทศที่แปลกประหลาดนี้ แต่สถานที่ที่มีเขาอยู่ก็นับว่าเป็นบ้านแล้ว ในเมื่อมีเขาอยู่เธอก็อุ่นใจ

อีกอย่างตอนนี้ก็แยกบ้านออกมาแล้ว เธอตั้งตารอคอยที่จะได้ใช้ชีวิตกับครอบครัวตัวเองเป็นอย่างมาก

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เหวินเทาฉีกแนวพระเอกอาจารย์หนานฟางฯมาก เป็นพระเอกที่ปากแจ๋วสุดเลยค่ะ

รอดูบะหมี่ของฉูฉู่เลยค่ะ หลังแยกบ้านแล้วจะใส่ฝีมือไปเต็มที่ขนาดไหน

ไหหม่า(海馬)