บทที่ 161 แดนพรสวรรค์ขั้น 8
ประการแรกเพื่อทำให้หังเซี่ยงเฉินระมัดระวังตัวน้อยลง และเกิดความประมาท จากนั้นตนเองจึงอาศัยโอกาสนี้เคลื่อนไหวพลังแปรเสวียนเทียน และใช้กระบี่ฆ่าศัตรูด้วยพลังที่รวดเร็วและรุนแรงปานสายฟ้า
ประการที่สอง และเพื่อกระตุ้นผู้เป็นอมตะ
เพียงแต่ว่าอาการบาดเจ็บในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่รุนแรงเท่ากับคราวที่ถูกมังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วงไล่ฆ่า ไม่ถึงขั้นบาดเจ็บจนอาจถึงแก่ชีวิต ผู้เป็นอมตะจึงไม่ถูกกระตุ้น ผลการฝึกตนจึงไม่พัฒนาขึ้นแม้แต่น้อย
ครั้งนี้หลัวซิวใช้เวลาสามวันในการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ แต่กลับหมดคำจะพูด เพราะเท่ากับว่าครั้งนี้ถูกแทงโดยเปล่าประโยชน์
ทว่าหลังจากการทดลองในครั้งนี้ ก็ทำให้เขารู้วิธีกระตุ้นผู้เป็นอมตะ จะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ได้รับบาดเจ็บจนอาจถึงแก่ชีวิต และใช้ความคิดที่แน่วแน่ในการเอาชีวิตรอด ประคองร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บเอาไว้ได้โดยไม่ตาย ผู้เป็นอมตะจึงจะถูกกระตุ้น
กระตุ้นผู้เป็นอมตะ ข้อดีนั้นคงไม่ต้องพูดถึง แต่นั่นเท่ากับการเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง หากไม่ระวัง อาจจะต้องตายจริง ๆ ก็ได้ !
“ข้าสัมผัสได้ถึงต้นแบบบางส่วนของห้วงกระบี่แล้ว แต่ที่ยังขาดอยู่ก็คือพลังของการสำนึก !”
การผสมผสานระหว่างไอสังหารและวิชากระบี่ ทำให้หลัวซิวคว้าโอกาสนี้เอาไว้ได้อย่างเฉียบขาด
ดังนั้นหลังจากการฟื้นฟูอากรบาดเจ็บ เขาก็หลบซ่อนตัวอยู่ในเทือกเขากวนเหลย และตั้งใจฝึกตนพลังก่อรวมวิญญาณ
นี่เป็นวรยุทธืการึกวิญญาณระดับ 8 ซึ่งมีค่ายิ่งกว่าวิชาวัชรยักษ์ครองร่าง และพลังทมิฬซวนโหลวมากนัก
เวลาค่าย ๆ ผ่านไป หลัวซิวซึ่งกำลังหมกมุ่นอยู่กับการฝึกตน ไม่รู้ว่าวันเกิดครบรอบสิบห้าปีของเขานั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว
เขาอยู่ในเทือกเขากวนเหลย ใช้เวลาฝึกฝนสามเดือนเต็ม !
ประการแรกคือผลการฝึกตน เพิ่มขึ้นจากแดนพรสวรรค์ขั้น 6 เป็นแดนพรสวรรค์ขั้น 8 ภายในแหวนเก็บของ หินพลังจิตหายไปกว่าครึ่ง เพราะต้องเก็บบางส่วนเอาไว้ใช้งาน ประกอบกับหินพลังจิตที่เหลืออยู่ก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาบรรลุถึงขั้น 9 ได้
หลัวซิวเชื่อว่าตนเองจะใช้เวลาไม่นานเพื่อไปถึงแดนพรสวรรค์ขั้น 9 เมื่อไปถึงแดนจอมยุทธ์ใหญ่ขั้นเก้า สิ่งที่เขาต้องเผชิญหน้าก็คือ บรรลุการฝึกจิต
ทั่วทั้งประเทศเทียนหวู ปรมาจารย์ยุทธ์ฝึกจิตมีอยู่เป็นจำนวนน้อย เพราะแดนพรสวรรค์สามารถฝึกตนได้ง่าย แต่ถ้าหากคิดจะบรรลุถึงการฝึกจิต ถือว่าเป็นเรื่องยากกว่าหลายเท่าตัวนัก
จอมยุทธ์แดนพรสวรร๕มีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ปรมาจารย์ยุทธ์ฝึกจิตกลับมีอยู่เพียงหยิบมือ แต่ละคนเมื่ออยู่ในกองกำลังหลัก ล้วนแล้วแต่เป็นศูนย์กลางของพลังและมีอำนาจสูงสุด
ไม่รู้ว่ามีผู้ฝึกตนจำนวนเท่าไหร่ที่ต้องติดอยู่ในแดนพรสวรรค์ขั้น 9 และฝึกจิตครึ่ง และในที่สุดก็ไม่อาจผ่านพ้นไปได้
สถานที่ที่หลัวซิวเลือดฝึกตนปิดขัง คือส่วนลึกของเทือกเขากวนเหล่ย
ระยะเวลาสามเดือน นอกจากผลการฝึกตนที่เพิ่มขึ้นถึงแดนพรสวรรค์ขั้น 8 แล้ว เขาฝึกตนพลังก่อวิญญาณ ก็ทำให้การรับรู้จิตวิญญาณแข็งแกร่งขึ้น จนเกือบจะรวมตัวเป็นการสำนึก
และหากต้องการบรรลุแดนฝึกจิต การฝึกฝนการสำนึกออกมาได้ก็ถือเป็นก้าวแรก เมื่อมาถึงขั้นนี้ก็คือแดนฝึกจิตครึ่ง
ก้าวที่ยากที่สุดในการบรรลุการฝึกจิตก้าวที่สองก็คือ การรวมตัวปราณแท้แดนพรสวรรค์ให้เป็นพลังจิตแท้
การรวมตัวพลังจิตแท้จะต้องอาศัยทรัพยากรสมบัติมากมาย หรือไม่ก็ยา หรืออาจจะเป็นสมบัติล้ำค่าจากสวรรค์และโลก ไม่มีสิ่งใดเลยที่ไม่ใช่ของล้ำค่า
แม้แต่ผู้มีอำนาจอย่างสำนักเหลยหวู่ การจะฝึกฝนปรมาจารย์ยุทธ์ฝึกจิตออกมาสักคน ก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายเลย
แต่ทรัพยากรที่หลัวซิวจำเป็นต้องใช้ในการฝึกกลั่นร่างวรยุทธ์วิชาวัชรยักษ์ครองร่าง ประกอบกับการบรรลุผลการฝึกตน ถือว่าเป็นจำนวนที่มากมายมหาศาล
หากไม่มีกองกำลังหลักคอยสนับสนุน หากต้องการทรัพยากรที่เพียงพอต่อการฝึกตนของตนเองมาไว้ในมือ คงจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากอย่างไม่ต้องสงสัย
อีกทั้งยิ่งเป็นทรัพยากรในการฝึกตนระดับสูง ก็ยิ่งหาได้ยาก และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมบรรดาผู้ฝึกตนจึงมักเกิดเรื่องเข่นฆ่ากันเพื่อแย่งชิงทรัพยากรสมบัติ
หากไม่คว้าโอกาสที่จะได้ครอบครองสมบัติ ทำเพียงแค่เดินผ่านไป คนอื่นก็จะพัฒนาไปข้างหน้า ส่วนตนเองนั้นก็ต้องย่ำอยู่ที่เดิม
ผู้แข็งแกร่งเป็นที่เคารพนับถือ ส่วนผู้ที่ชนะจึงจะอยู่รอด นี่คือความจริง
เคลื่อนไหววิชาวัชรยักษ์ครองร่างเพื่อปลอมตัว จากนั้นหวังซิวจึงเดินทางออกจากเทือกเขากวนเหลย
ร่างเนื้อของเขาฝึกฝนจนถึงร่างยุทธ์ชั้นสูง จึงเคลื่อนย้ายกล้ามเนื้อและโครงสร้างภายในร่างกายเพื่อปลอมตัว แต่วิธีการเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้ยา
เพียงแต่วิธีการที่ง่ายดายนี้ เมื่อต้องพบกับผู้ที่มีการรับรู้จิตวิญญาณที่แข็งแกร่งกว่าตนเอง ก็จะถูกมองเห็น
ความแข็งแกร่งในการรับรู้จิตวิญญาณของหลัวซิวในตอนนี้ มีเพียงแค่ปรมาจารย์ยุทธ์ฝึกจิตระดับการสำนึกเท่านั้น ที่จะสามารถมองเห็นได้
ในสถานการณ์ปกติ ไม่มีปรมาจารย์ยุทธ์ฝึกจิตคนไหน ว่างถึงขนาดจะใช้การสำนึกคอยสอดส่องดูใบหน้าที่แท้จริงของผู้อื่น
ดังนั้น หลัวซิวจึงเดินเข้าเมืองไปอย่างเปิดเผย และไม่ถูกสงสัยเลยสักนิด
คนที่สวมใส่ชุดคลุมยาวสีดำมีอยู่เป็นจำนวนมาก ใครจะไปคิดว่า ซิวหลัว ชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำที่มีชื่อเสียงโด่งดังจะเป็นเขา ?
มาถึงองค์กรนักล่ายุทธ์สาขาเมืองโจว๋ชิง หลัวซิวก็นั่งรถม้ามาถึงเขตการปกครองโตว้ไห่
เมื่อนับดูเวลา เขาอายุสิบห้าปีแล้ว ตามกฎขององค์กรนักล่ายุทธ์ ทุกปีสมาชิกที่มีพรสวรรค์จะต้องเข้าร่วมการทดสอบการประเมินระดับอัจฉริยะ
และที่ที่มีคุณสมบัติในการจัดการประเมิน มีเพียงหน่วยงานใหญ่ ๆ เท่านั้น ส่วนสาขาย่อยธรรมดา ๆ ไม่มีอำนาจในการจัด
เดินทางมาไกลเป็นพันลี้ ถึงเขตการปกครองหยุนหลงเพื่อเข้าร่วมการทดสอบ ช่างไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย ดังนั้นหลัวซิวจึงเดินทางมายังสาขาขององค์กรในเขตการปกครองโตว้ไห่
ใส่ป้ายนักล่าเข้าไปในกลไก ทางเดินพิเศษสำหรับสมาชิกที่อยู่ภายในประตูหินถูกเปิดออก จากนั้นหลัวซิวจึงเดินเข้าไป
ชายชราเดินเข้ามาต้อนรับ “ท่านชายหลัว เชิญทางนี้ครับ”
จากการรับรู้ของหลัวซิว ผลการฝึกตนของชายชราผู้นี้อยู่ในระดับการฝึกจิตขั้น 1 ด้วยความเย่อหยิ่งของปรมาจารย์ยุทธ์ฝึกจิต แต่กลับต้อนรับเขาด้วยท่าทีเช่นนี้ ถือว่าน่านับถือ
แต่เขาก็ไม่ได้สนใจนัก ด้วยความสามารถในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารขององค์กรนักล่ายุทธ์ การที่เขาใช่ชื่อซิวหลัวในการสร้างเรื่องที่วัดกวนเหลย เกรงว่าจะถูกรู้เข้านานแล้ว
ความสามารถของเขา เทียบได้กับผู้ฝึกจิตทั่วไป แต่ที่สำคัญก็คือผลการฝึกตนของเขานั้นไม่สูง อีกทั้งอายุยังน้อย และมีศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัด จึงเป็นธรรมดาที่จะได้รับความเคารพ
อีกทั้ง เขาเป็นสมาชิกอัจฉริยะขั้นเหลืองระดับกลาง มีฐานะในองค์กรนักล่ายุทธ์ เทียบเท่าได้กับปรมาจารย์ยุทธ์ที่อยู่ระดับการฝึกจิตช่วงกลาง
เมื่อนำทางหลัวซิวเข้าไปถึงห้องลับ ชายชราก็เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม : “ท่านชายหลัวมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการประเมินประจำปีหรือ ?”
“ใช่แล้ว” หลัวซิวพูดพลางพยักหน้า
“ตามข้อมูลที่ปรากฏอยู่ของท่านชายหลัว ท่านอยู่ในขั้นเหลืองระดับกลาง ปีนี้อายุครบสิบห้าปี จะต้องมีผลการฝึกตนถึงระดับแดรพรสวรรค์ขั้น 3”
ขณะที่พูดอยู่นั้น ชายชราก็หยิบลูกแก้วคริสทัลออกมาวางบนโต๊ะ “เชิญท่านชายหลัวส่งพลังปราณแท้เข้าไปในลูกแก้วคริสทัล เพื่อวัดระดับผลการฝึกตนของท่าน”
ลำดับขั้นตอนเหล่านี้ หลัวซิวเองไม่ได้สนใจนัก เขาเดินไปด้านหน้าตามคำสั่ง จากนั้นจึงวางฝ่ามือลงบนลูกแก้วคริสทัล
หลังจากส่งผ่านพลังปราณแท้ แสงสีดำก็สว่างวาบขึ้น หลัวซิวปิดบังแก่นแท้ของปราณแท้ปราณเป็นตาย 2 ระดับเอาไว้ เอาถ่ายทอดเพียงแค่ปราณแท้ทมิฬของAttrความตาย
ขั้นแรกลูกแก้วคริสทัลส่องแสงเป็นประกายออกมาสามครั้ง แสดงให้เห็นว่าผลการฝึกตนของหลัวซิวบรรลุถึงระดับแดนพรสวรรค์แล้ว
จากนั้น ลูกแก้วคริสทัลก็ส่องแสงเป็นประกายต่อเนื่องอีกแปดครั้ง หมายความว่าในแดนพรสวรรค์ เขามีผลการฝึกตนอยู่ในขั้น 8 แล้ว
“แดนพรสวรรค์ขั้น 8 ?”
สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไปเล็กน้อย แน่นอนว่าเขารู้ดีว่าหลัวซิวคือซิวหลัว แต่จากข่าวสารที่ได้รับมา สามเดือนก่อน เขายังอยู่ในแดนพรสวรรค์ขั้น 6 นี่เขาสามารถบรรลุถึงแดนพรสวรรค์ขั้น 8 ได้รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ ?
แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องถึงความเป็นส่วนตัวของหลัวซิว ชายชราจึงไม่สะดวกที่จะเอ่ยถาม มิเช่นนั้นจะเป็นการทำลายกฎได้
ทุกคนต่างมีความลับของตนเอง เพียงแต่จะเป็นความลับที่ใหญ่หรือเล็กเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะเป็นความลับใหญ่หรือเล็ก การซักถามความลับของผู้อื่น ก็ถือเป็นเรื่องต้องห้าม
“สิบห้าปี แดนพรสวรรค์ขั้น 8 ท่านชายหลัวสามารถขึ้นสู่ขั้นเหลืองระดับสูงได้แล้ว แต่เรื่องของอำนาจในการเลื่อนระดับนั้นต้องให้ท่านหัวหน้าแก๊งเป็นผู้ตัดสินใจ” ชายชรากล่าว
“ท่านชายหลัวโปรดรอสักครู่” ชายชราหันไปทำความเคารพหลัวซิว จากนั้นจึงไปแจ้งเรื่องต่อหัวหน้าสาขาของเขตการปกครองโตว้ไห่