ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 86
“แต่…” หลิงหลงฟูเหรินในใจปั่นป่วน แต่คิดไปคิดมาก็ไม่เห็นมีอะไรให้น่าตื่นเต้น แม้ว่าเมื่อครู่หวงไท่โฮ่วบอกแล้วว่าจะไม่สอบสวนเรื่องล้มงานอภิเษกอีก เพราะงั้นฮองเฮาก็คงจะไม่สร้างความลำบากใจให้นางอีกสำหรับเรื่องนี้
ที่เรียกให้นางไป อย่างมากก็แค่ต่อว่า นางก็แค่ต้องทนเท่านั้น
“งั้นเอาเถอะ ข้าจะไป” หลิงหลงฟูเหรินกล่าว
นางหมุนตัวและมองมาที่แม่นมหยาง จากนั้นกล่าวด้วยท่าทีที่วางอำนาจบาตรใหญ่ “ไปสิ นำทางไป”
แม่นมหยางโค้งตัวคำนับ และกล่าวอย่างแหน็บแนมว่า “เชิญคุณฟูเหรินเสนาบดีเจ้าค่ะ”
มหาเสนาบดีเซี่ยโมโหถึงขีดสุด แต่ก็ไม่สามารถมีปัญหาได้อีก จึงได้แต่จากไปด้วยความโกรธที่ต้องเก็บความรู้สึกเอาไว้
หลังจากที่มหาเสนาบดีเซี่ยจากไปแล้ว แม่นมหยางหยุดนิ่งอยู่กับที่ และมองมายังหลิงหลงฟูเหริน “ฮองเฮามีรับสั่ง เนื่องจากเดือนนี้เป็นเป็นเดือนประสูติของเจ้าแม่กวนอิมและเพื่ออธิษฐานแด่หวงไท่โฮ่วแล้ว หญิงสามัญชนทุกคนที่เข้าวัง จะต้องเดินเข่าสามก้าว แล้วหน้าผากแตะพื้นเก้าครั้งเข้าวังจิ้งหนิง”
หลิงหลงฟูเหรินได้ฟังมาถึงตรงนี้ ก็โกรธจนแทบบ้าคลั่ง “จะอธิษฐานทำไมจะต้องเดินเข่าสามก้าว แล้วเอาหน้าผากแตะพื้นเก้าครั้งไปจนถึงวังจิ้งหนิง? นี่มันแกล้งกันเห็น ๆ”
แม่นมหยางกล่าวด้วยท่าทีที่เย็นชา “นี่ไม่ได้เป็นการเล็งเป้ามาที่ฟูเหริน เมื่อวันที่คุณหนูใหญ่เข้าวัง นางเองก็ต้องเดินเข่าสามก้าว และเอาหน้าผากแตะพื้นเก้าครั้งเข้าวังจิ้งหนิงเช่นเดียวกัน และอีกอย่างคือเริ่มคุกเข่าตั้งแต่ประตูวัง คิดว่าฟูเหรินจะทราบเรื่องนี้แล้วเสียอีก แม้แต่คุณหนูใหญ่ยังต้องเข้าวังแบบนี้ แล้วผู้ที่อยู่ในฐานะภรรยารองอย่างท่าน จะมีอภิสิทธิ์ได้เหรอ?”
แม่นมหยางจงใจกล่าวเน้นคำว่าฟูเหริน แสดงถึงอาการแหน็บแนม
“เจ้า…” หลิงหลงฟูเหรินโกรธจนหน้าเขียว แต่ยังไง ๆ ก็จะไม่ยอมคุกเข่า นางกำหมัดแน่นพลางกล่าว “ข้าจะไม่คุกเข่า นอกเสียจากฮองเฮาจะออกคำสั่งด้วยตัวพระองค์เอง”
แม่นมหยางกล่าว “บ่าวแทนคำสั่งของฮองเฮา นี่คือความหมายของพระองค์ หากฟูเหิรนไม่ยินยอม เป็นเพราะไม่อยากอธิษฐานแด่หวงไท่โฮ่วเหรอเจ้าคะ? หากเป็นเช่นนี้ บ่าวจะไปกราบทูลฮองเฮาก่อนนะเจ้าคะ”
หลิงหลงฟูเหรินจะไปกล้าได้อย่างไรที่จะให้นางกลับไปกราบทูลฮองเฮาด้วยคำพูดนี้? นางกัดฟันแน่นแล้วคุกเข่าลง “ตกลง หากเพื่อเป็นการอธิฐานแด่หวงไท่โฮ่ว ข้าเต็มใจอย่างที่สุด”
การเดินเข่าสามก้าว และหน้าผากแตะพื้นเก้าครั้ง แม่นมหยางทำการดำเนินตั้งแต่ต้นจนจบ โดยยึดตามมาตรฐานในวันที่จื่ออานต้องเดินเข่าสามก้าวและหน้าผากแตะพื้นเก้าครั้งเข้าวังมาเป็นข้อเรียกร้องให้หลิงหลงฟูเหรินปฏิบัติ
ความโกรธของหลิงหลงฟูเหรินมีอยู่เต็มอก โกรธจนแทบอยากจะหลั่งน้ำตาออกมา นางไม่เคยต้องมาทนทุกข์ทรมานเช่นนี้มาก่อน
ฮองเฮาเสด็จกลับมายังวังจิ้งหนิงแล้ว ตอนที่นางเสด็จกลับ ก็เห็นหลิงหลงฟูเหรินหมอบกราบเข้าไปอยู่ไกล ๆ
นางยืนอยู่หน้าทางเดิน และมองหลิงหลงฟูเหรินอย่างเย็นชา พลางถามจื่ออานที่อยู่ข้าง ๆ กาย “เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมข้าต้องทำเช่นนี้?
ดวงตาของจื่ออานฉายไปยังทิศทางเดียวกันกับนาง แต่นางกลับรู้สึกว่าการที่ฮองเฮาทำแบบนี้มันไม่มีความหมายอะไรเลย ถึงตอนอยู่ในวังจะทำกับนางแบบนี้ พอกลับจวนไปนางก็ยังโหดเหี้ยมอยู่เช่นเคย
“ทราบเพคะ พระองค์ช่วยเหลือหม่อมฉัน” จื่ออานกล่าว
ฮองเฮาส่ายหน้าช้า ๆ “ไม่ใช่ ด้วยอุปนิสัยของนาง ไม่มีประโยชน์ที่ข้าจะอยู่ที่นี่เพื่อช่วยเจ้า ข้าต้องการเพียงให้พ่อเจ้าเห็นว่า แม่ของเจ้านั้นเหนือกว่านางเป็นไหน ๆ”
“หม่อมฉันไม่เข้าใจ” จื่ออานไม่เข้าใจเล็กน้อย
นัยน์ตาฮองเฮาฉายแววโหดเหี้ยมและเยือกเย็น “การปกครองคน ขึ้นอยู่กับการปกครองจิตใจ”
จื่ออานยังคงไม่เข้าใจ จึงมองไปที่ฮองเฮาด้วยความสงสัย
ฮองเฮาหันด้านข้างพลางถามจื่ออาน “เจ้ารู้เรื่องราวของพ่อเจ้าและเฉินหลิงหลงหรือไม่?”
จื่ออานกล่าว “ไม่ค่อยรู้เพคะ แต่เคยได้ยินว่าหลงรักในความสามารถของนาง”
ฮองเฮายิ้มขึ้นมาอย่างเยือกเย็น “เฉินหลิงหลงจะมีความสามรถอะไรกัน? เจ้าอยู่ที่จวนมาหลายปี เคยเห็นบ้างหรือไม่? ปีนั้นพ่อเจ้าถูกภาพภาพหนึ่งดึงดูด ภาพภาพนั้น ไม่ใช่ภาพที่เฉินหลิงหลงวาด แต่เป็นแม่เจ้าที่วาด”
จื่ออานส่งเสียงอย่างประหลาดใจออกมา นางตกใจมาก เรื่องนี้นางไม่รู้จริง ๆ