ตอนที่ 284 : คาดเดา

ฟางฉิงหัวได้ประกาศจบงานชุมนุมศิลปะการต่อสู้ในวันนี้

ทุกคนได้พากันแยกย้ายกลับบ้านไป หวังเย่าและกลุ่มทหารรับจ้างโลกากับคนในบริษัทต่างก็พากันแยกย้ายกลับเช่นกัน

หลังจากไปกินข้าวที่ภัตตาคารร้อยจักรวาลแล้ว จ้าวเมิ่งซีก็ได้พาหยางเสี่ยวหยวนและคนอื่น ๆ กลับไปที่บริษัท

หวังเย่าและฟ่านฉิงเหมยได้กลับไปที่ที่พักของกลุ่มทหารรับจ้างพร้อมกับคนอื่น ๆ

ตอนนั้นเขาได้ให้คนอื่น ๆ ฝึกฝนกันต่อ ส่วนหวังเย่ากลับไปที่ห้องทำงานและนอนเล่นอยู่บนโซฟา

ฟ่านฉิงเหมยนั่งอีกด้านอยู่บนโซฟา เธอนั่งไขว่ห้างดูยั่วยวนอย่างมาก

เมื่อเห็นผิวขาว ๆ และเรียวขายาว ๆ ของเธอ หวังเย่าก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าน้องชายของเขาตื่นขึ้นมา

“รีบลงไปได้แล้ว” หวังเย่ารีบหันหน้าหนี เขาอยู่ในห้องทำงานอยู่ เขาต้องกลับไปที่บ้านหากอยากทำเรื่องอย่างว่า

หวังเย่าส่ายหน้าสลัดความคิดในหัวทิ้งไปก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาและโทรหาหลี่ว่านเฟิง

ไม่นานอีกฝ่ายก็รับโทรศัพท์ก่อนที่หวังเย่าจะพูดขึ้น “ลุงหลี่ ตอนนี้ลุงอยู่ไหน ? ”

“ฉันอยู่ที่เมืองอรุณ นายมีเรื่องอะไร ? ” หลี่ว่านเฟิงตอบกลับ

“ก็อย่างที่ผมบอกไปครั้งที่แล้ว ผมจะกลับไปในอีกไม่กี่วัน เมื่อลุงอยู่ที่เมืองอรุณ งั้นก็อย่าเพิ่งไปไหนรอผมกลับไปก่อน” หวังเย่าพูดขึ้น

“ได้ ไม่มีปัญหา มีอะไรอีกรึเปล่า ? ” หลี่ว่านเฟิงถามกลับ

“ตอนนี้ยังไม่มี” หวังเย่าตอบกลับ

“งั้นไว้คอยเจอกัน ฉันจะรอนายอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน” หลี่ว่านเฟิงตอบกลับ

“แล้วเจอกัน” หวังเย่าวางสายก่อนจะครุ่นคิดถึงเรื่องต่าง ๆ

ตือโป๊ยก่ายตอนนี้อยู่ในมิติป่า ถ้ากลับไปที่เมืองอรุณ เขาก็ควรจะเอามันกลับไปด้วย

ส่วนการ์ฟิลด์และหงอคงนั้นเขาเพิ่งจะปล่อยพวกนั้นไปข้างนอก หากจะกลับเมืองอรุณ เขาคงต้องเอาพวกมันไปด้วยเช่นกัน

กลับเมืองอรุณครั้งนี้ เขาคิดจะเอาไข่ผึ้งแปดปีก 1,000 ใบไปให้หลี่ว่านเฟิง เขาอยากตรวจสอบสถาการณ์การบุกโจมตีของสัตว์อสูรด้วย เขาจึงจำเป็นต้องไปที่นั่นด้วยตัวเอง

เขากังวลถึงคำพูดที่เฉี่ยนเจินเฉียนได้บอกเขามา

ระดับโลก, สัตว์อสูร , ควบคุม

เขารู้สึกมาตลอดว่าการบุกโจมตีของสัตว์อสูรนี้มีอะไรเกี่ยวข้องกับคำใบ้พวกนี้ ดังนั้นเขาจึงอยากไปที่นั่นเพื่อเห็นด้วยตาของตัวเอง

“พรุ่งนี้คือวันตัดสินสำหรับการชุมนุมศิลปะการต่อสู้ จากนั้นก็จะมีการประมูล..” หวังเย่าคิด

“มีอะไร ? นายคิดจะเข้าร่วมประมูลด้วยหรือ ? ” ฟ่านฉิงเหมยราวกับอ่านความคิดของเขาออก เธอนั่งดื่มชาอยู่และอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา

“ก็น่าจะเป็นแบบนั้น ฉันได้ยินมาว่านี่เป็นการประมูลครั้งใหญ่ มันมีของดีจำนวนมาก เป็นธรรมดาที่ต้องไปเห็นด้วยตาตัวเองว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง” หวังเย่าพูดขึ้น

ตอนนี้เขามีเงินเยอะ เขาไม่ต้องกังวลกับการซื้อของอีกต่อไป

แม้ว่าความก้าวหน้าของบริษัทและกลุ่มทหารรับจ้างนั้นจะพัฒนาไปได้ดีแต่ก็ต้องใช้เงินจำนวนมาก แต่ตอนนี้หวังเย่ากลับคิดจะเข้าร่วมการประมูลอีก

“ฉันไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างในการประมูลนี้” หวังเย่าพูดขึ้น

“ดูจากที่นายพูดแล้ว นายบอกว่าจะกลับไปที่เมืองอรุณไม่ใช่รึไง” ฟ่านฉิงเหมยถามขึ้นมาอีกครั้ง

“ใช่ ฉันจะเอาไข่ผึ้งไปให้ลุงหลี่” หวังเย่าพูดขึ้นก่อนจะหัวเราะออกมา “ทำไม เธออยากไปด้วยหรือ ? จริงสิ เธอเคยไปที่เมืองอรุณมาก่อนรึเปล่า ? ”

ฟ่านฉิงเหมยส่ายหน้าทันที “ฉันไม่เคยไปที่นั่น ฉันเคยไปแค่เมืองก้าวสวรรค์ ส่วนมากแล้วฉันจะอยู่ที่มิติลับ”

“งั้นหรือ ? ” หวังเย่าลูบคางก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินเข้าไปหาฟ่านฉิงเหมย

“งั้นเธอสนใจจะไปเมืองอรุณกับฉันไหม ? ”

“เมื่อนายเชิญฉัน งั้นฉันคงไม่ปฏิเสธ” ฟ่านฉิงเหมยจับมือของหวังเย่าแล้วยิ้มออกมา

“ก็ดี” หวังเย่าพูดขึ้น

รอยยิ้มของฟ่านฉิงเหมยนั้นดูสดใส แค่เห็นก็ทำให้หวังเย่าหายเหนื่อยได้

ยิ่งได้เห็นปากแดง ๆ ของเธอ หวังเย่าก็ยิ่งอดไม่ได้ที่จะจูบเธอไปทีหนึ่ง

“นี่…” ฟ่านฉิงเหมยไม่คิดจะห้ามหวังเย่าและเอามือกอดหวังเย่าเอาไว้

….

เช้าวันต่อมาหลังจากที่พักทั้งคืน หวังเย่า, จ้าวเมิ่งซีและฟ่านฉิงเหมยกับคนอื่น ๆ ก็พากันไปที่สนามอีกครั้ง

พวกเขายังคงนั่งอยู่ที่เดิมคอยดูการต่อสู้ต่อไป

ลัวจ้าวฮว่าได้พูดขึ้น “การต่อสู้วันนี้ต้องวิเศษมากแน่ ๆ ”

“ไม่ต้องพูดถึงเจิ้นเหลิ่งเทียนเลย แค่ลู่หานกับเซี่ยงหยางก็น่าสนใจมากอยู่แล้ว”

“แต่เจิ้นเหลิ่งเทียนน่ะดูลึกลับ ฉันยังไม่เคยเห็นเขาเอาจริงมาก่อน ทุกครั้งที่สู้เขาก็เอาชนะได้แทบจะทันที มันดูง่ายดายเกินไป” พี่หลงพูดขึ้น

“บอกได้ว่าเขานี่แหละสัตว์ประหลาดตัวจริง” เจ้าหนูถอนหายใจออกมา

“ฉันไม่รู้ว่าลู่หานกับเซี่ยงหยางจะมีโอกาสชนะเขารึเปล่า” โจวอวิ๋นพูดขึ้น

“ในความเห็นของฉันแล้วไม่น่าจะได้” หลงปู้หยู๋พูดขึ้น

“ใช่ เท่าที่ฉันเห็นเมื่อวานนี้ ความแข็งแกร่งของเจิ้นเหลิ่งเทียนน่ะเหนือกว่าใคร เดาว่าเขาคงใช้พลังไปไม่ถึงครึ่ง” หวังเย่าพูดขึ้นมา

เมื่อได้ยินคำพูดของหวังเย่า หลายคนก็พากันอึ้งจนไม่อาจจะหายใจได้

“ถ้าเป็นแบบที่หัวหน้าพูดมา งั้นเจิ้นเหลิ่งเทียนก็ต้องเป็นแชมป์สินะ” ลัวจ้าวฮว่าพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าแปลกใจ

“หัวหน้า นายว่าถ้าต้องสู้กับเจิ้นเหลิ่งเทียน นายมีโอกาสชนะเท่าไหร่ ? ” พี่หลงมองไปที่หวังเย่าแล้วถามขึ้นมา

ทันทีที่ได้ยินคำถามนี้ หลงปู้หยู๋และคนอื่น ๆ ต่างก็มองมาที่หวังเย่า

เมื่อได้ยินคำถามนั้น หวังเย่าก็แสดงสีหน้าจริงจังออกมาก่อนจะยกมือขึ้น

“50 เปอร์เซ็นต์” ลัวจ้าวฮ่าวแปลกใจอย่างมาก

“อันที่จริงไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ ฉันเองก็ไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะเขาได้รึเปล่า หลัก ๆ แล้วเพราะไม่มีข้อมูลของเขามากนัก ฉันเลยวิเคราะห์ไม่ได้” หวังเย่าพูดขึ้นมา

“แม้แต่หัวหน้าก็ยังคิดว่ามีโอกาสชนะไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ชายคนนี้น่ากลัวจริง ๆ ” เจ้าเขียวแสดงสีหน้าตะลึงออกมา

“ใช่” ทุกคนต่างก็พากันพยักหน้าเห็นด้วย