ตอนที่ 44 ชนะทั้งสองฝ่าย

Perfect Superstar

ตอนที่ 44 ชนะทั้งสองฝ่าย

“สวี่ป๋อ…”

ต่งอวี่พูดชื่อที่ธรรมดาซ้ำเบาๆ รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา

จากการอธิบายของลู่เฉิน ภาพของนักร้องพเนจรที่สง่างามไม่ผูกมัดอยู่กับใครคนหนึ่งก็ปรากฏชัดเจนขึ้นมาในหัวของเธอโดยไม่รู้ตัว

ผู้ชายอายุสี่ห้าสิบปีไร้ที่พักพิง ไม่มีเงินไม่มีบ้าน หนวดเครารกรุงรังเต็มไปหมด ใบหน้าที่ผ่านลมหนาวและอุปสรรคมาอย่างโชกโชน สวมเสื้อผ้าเก่าๆ กอดกีตาร์ราคาไม่เกินสามร้อยหยวนร้องเพลงอยู่ท่ามกลางสายลม

‘หากมีวันหนึ่ง ที่ฉันจากไปอย่างสงบ โปรดทิ้งฉันไว้ ในฤดูใบไม้ผลิ!’

ความสงสัยเคลือบแคลงใจทั้งหมดเหมือนจะได้คำตอบแล้ว

พี่น่าพูดอย่างทอดถอนใจ “อยากจะรู้จักคนคนนั้นจริงๆ เสี่ยวลู่ ถ้ามีโอกาสก็เชิญเขามาที่บาร์สิ”

ลู่เฉินยิ้มพูดว่า “ผมก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนครับ แม้แต่โทรศัพท์ของเขาก็ไม่มี”

ฉินฮั่นหยางรู้สึกเสียดาย “น่าเสียดายจริงๆ!”

ต่งอวี่กับซูชิงเหมยสบตากันและกัน คนแรกพูดตัดบทว่า “เดอะบลูโลตัสสองแสน พวกเราต้องการลิขสิทธิ์ทั้งหมด แน่นอนว่าสิทธิ์การลงนามในผลงานยังเป็นของคุณเหมือนเดิมค่ะ”

ราคาสองแสนต่อหนึ่งเพลงสูงมากจริงๆ สำหรับคนใหม่แล้ว การได้อยู่ถึงระดับบุคคลที่มีชื่อเสียงถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ

แต่ความฉลาดของลู่เฉินอยู่ที่เงื่อนไขที่เขาเสนอ เขาเสนอให้ซื้อลิขสิทธิ์ทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าเพลงนี้รวมถึงผลประโยชน์อย่างอื่น หลังจากที่ซื้อขาดไปแล้วเขาก็จะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ อีก

เพลงที่ดีเพลงหนึ่งโดยเฉพาะผลงานเพลงคลาสสิค แท้จริงแล้วก็เหมือนเหมืองทองเล็กๆ ขอแค่พยายามขุดค้น ก็จะสร้างทรัพย์สินที่มั่งคั่งได้อีกมากมาย

มันสามารถนำมาทำเป็นเพลงหลักของอัลบั้มได้ หรือไม่ก็ปล่อยเป็นซิงเกิล ดาวน์โหลดเป็นเสียงรอสายก็ได้ ในขณะเดียวกันยังสามารถชำระเงินจากเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ได้รับอนุญาต ถ้าหากโชคดีเข้าตาบริษัททำภาพยนตร์โทรทัศน์ ก็จะได้ใช้เป็นเพลงประกอบหลัก

นอกจากนั้นการร้องและเรียบเรียงใหม่ บริษัทเพลงที่ยิ่งใหญ่ก็ยังเพิ่มมูลค่าของเพลงให้ถึงจุดสูงสุดได้!

สิ่งที่สำคัญคือ ยังมีผลกระทบต่อตัวของนักร้องเป็นอย่างมาก

เพลงหนึ่งเพลงกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นกับนักร้องดัง ตอนนี้ก็ยังมีอยู่!

ลู่เฉินยอมละทิ้งสิทธิ์ เพราะราคาสองแสนชวนให้รู้สึกว่ารับได้ ควรทราบว่าในวงการดังๆ หรือกระทั่งนักแต่งเพลงมากมายก็ยังต้องการสิทธิ์ในส่วนแบ่ง นอกจากนี้ยังขอยกเว้นสิทธิ์ประโยชน์เอาไว้ส่วนหนึ่ง

เขาพยักหน้าพูดว่า “นี่คือสิ่งที่ผมต้องการครับ”

แน่นอนลู่เฉินรู้ถึงความสำคัญของลิขสิทธิ์อยู่แล้ว แต่ตอนนี้สำหรับเขายังเป็นผลประโยชน์ที่แสนไกลนัก หากคนใหม่อยากจะแบ่งเค้กจากบริษัทบันเทิงมีเดีย ยังไม่อาจทำให้เป็นความจริงได้

‘สาวเนิร์ด’ คนฉลาดที่อยู่ตรงหน้า เป็นไปไม่ได้ที่จะยอมรับข้อตกลงของส่วนแบ่งอีก

ดังนั้นลู่เฉินจึงเสนอราคาที่โหดพอสมควร ทำการซื้อขายสำเร็จ เขาจะสร้างแบรนด์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวภายในวงการขึ้นมา หากคนอื่นอยากจะซื้อเพลงของเขา อย่างนั้นก็ต้องศึกษาข้อมูลก่อน!

สามแสนห้าแสน คุณกล้าจ่ายไหมล่ะ

มีเพลงเพราะมากมายที่อยู่ในความทรงจำของลู่เฉิน เขาจึงไม่ขายในราคาถูก กระทั่งยังต้องขอส่วนแบ่งด้วย!

การทำงานของต่งอวี่เด็ดขาดเรียบร้อยมาก หลังจากตกลงการซื้อขายแล้ว เธอรีบโทรหาทนายของบริษัทตัวเอง ให้นำสัญญาอย่างเป็นทางการมาเซ็นที่นี่

เมื่อเซ็นเรียบร้อย เงินหลังจากหักภาษีแล้วก็โอนเข้าบัญชีของลู่เฉินทันที

ลู่เฉินขอยืมคอมพิวเตอร์ของอีกฝ่าย แล้วล็อกอินเข้าบัญชี ‘ห้องสมุดดนตรีจีน’ โอนลิขสิทธิ์ของ ‘เดอะบลูโลตัส’ ให้บริษัทชิงอวี่มีเดียผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ การตกลงซื้อขายจึงเป็นอันสำเร็จ

ถึงแม้ค่าใช้จ่ายของ ‘ห้องสมุดดนตรีจีน’ จะโหดมาก แต่การบริการของมันก็รอบคอบและสมบูรณ์ ต่อให้ลู่เฉินโอนลิขสิทธิ์เป็นครั้งแรก ก็ทำสำเร็จภายในระยะเวลาสองสามนาทีเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ต่งอวี่และคนอื่นๆ จึงรู้สึกทึ่งในตัวเขา เพราะว่าคนใหม่จำนวนน้อยมากที่ยอมลงทะเบียนลิขสิทธิ์และจ่ายเงินให้ ‘ห้องสมุดดนตรีจีน’ เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถรับรองได้ว่าผลงานของตัวเองจะทดแทนสิ่งที่เสียไปได้

ลู่เฉินมีความกล้าทะเยอทะยาน และคิดอย่างละเอียดรอบคอบ พิจารณาทุกอย่างรอบด้าน

คนหนุ่มแบบนี้มีอนาคตที่ไร้ขีดจำกัดแน่นอน!

“ยินดีที่ได้ร่วมงานค่ะ!”

ต่งอวี่เป็นฝ่ายยื่นมือมาหาลู่เฉิน “ต่อไปถ้ามีเพลงอะไรดีๆ ช่วยพิจารณาชิงอวี่มีเดียก่อนนะคะ!”

ลู่เฉินจับมือกับเธอ ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ยินดีที่ได้ร่วมงานครับ ชิงอวี่มีเดียเป็นบริษัทที่มีศักยภาพมาก ผมรอคอยที่จะได้ร่วมงานกันอีกครั้งนะครับ”

คำพูดสวยๆ ไม่ต้องเสียเงิน แน่นอนลู่เฉินยินดีที่จะจบอย่างสวยงามกับอีกฝ่าย

การจะอยู่ในวงการ ความสัมพันธ์และเส้นสายนั้นสำคัญมาก

ดังนั้นเขาจึงทำเป็นมองไม่เห็นซูชิงเหมยที่นั่งทำตาขาวใส่อยู่ข้างๆ

คนที่อยู่ข้างในและมีความสุขมากที่สุดเห็นจะเป็นกานไค่ เพราะมีเพลง ‘เดอะบลูโลตัส’ บวกกับนักแต่งเพลงชื่อดังที่เขาเชิญมาแต่งเพลงอีกสองเพลงเป็นตัวพื้นฐาน การออกอัลบั้มจึงไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป

สำหรับพวกนักร้องและวงดนตรีมากมายที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวง การได้ออกเพลงสักอัลบั้มเกรงว่าคงจะเป็นความฝันของทุกคน!

เพราะฉะนั้นเขาจึงลุกขึ้นยืน แสดงเจตนาที่ดีของตัวเองต่อลู่เฉิน

บรรยากาศบนโต๊ะเป็นกันเองมาก ฉางเหว่ยถือแก้วแชมเปญ ยิ้มพูดกับเฉินเจี้ยนหาว “เหล่าเฉิน พวกเราคุยกันเสร็จแล้ว ตอนนี้ถึงตานายแล้ว พวกเราจ่ายเงินมากขนาดนี้ อย่างนั้นในฤดูใบไม้ผลิของนายเตรียมจะให้ลู่เฉินเท่าไร”

เดิมทีเรื่องนี้เป็นเรื่องของลู่เฉินกับเฉินเจี้ยนหาว ไม่ต้องคุยกันที่นี่ก็ได้

แต่ฉางเหว่ยไม่พอใจเฉินเจี้ยนหาว เมื่อครู่ถ้าหากไม่ใช่เฉินเจี้ยนหาวแสดงการสนับสนุนลู่เฉินและให้ความมั่นใจกับเขา เช่นนั้นบริษัทชิงอวี่มีเดียก็อาจจะซื้อเพลงได้ทั้งสองเพลง หรือไม่ก็ไม่ต้องจ่ายเงินซื้อเพลง ‘เดอะบลูโลตัส’ ด้วยเงินที่สูงมาก

ฉางเหว่ยกับชิงอวี่มีเดียมีผลประโยชน์ร่วมกัน

ดังนั้นเถ้าแก่ฉางจึงอยากหาทางบีบคั้นเฉินเจี้นหาว แสร้งทำเป็นเสนอราคา ถึงอย่างไรก็จะยอมเสียหน้าเขาไม่ได้!

ต่งอวี่กับซูชิงเหมยและคนอื่นๆ ก็สงสัยมาก

ตอนนี้ลู่เฉินก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร

เขาเป็นคนที่แยกแยะบุญคุณความแค้นชัดเจน ขายเพลง ‘ในฤดูใบไม้ผลิ’ ให้กับบาร์เดย์ลิลลี่ อย่างแรกคืออยากขอบคุณเฉินเจี้ยนหาวที่ช่วยให้เขามีงานทำ ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด

แน่นอนจะให้ฟรีๆ ก็ไม่ได้ เฉินเจี้ยนหาวก็ไม่เอาฟรีเหมือนกัน ส่วนเรื่องราคานั้นคุยง่ายมาก

เพลง ‘ในฤดูใบไม้ผลิ’ ลู่เฉินร้องครั้งเดียวก็พอแล้ว มันไม่เหมาะกับนักร้องหนุ่มที่ไม่มีประสบการณ์มากอย่างเขา ต่อให้เขาสามารถใช้ความทรงจำของสวี่ป๋อมาแสดงได้อย่างเต็มที่ สุดท้ายก็ไม่ใช่สไตล์ของตัวเองอยู่ดี

เฉินเจี้ยนหาวก็ดูแลฉินฮั่นหยางกับวงเฮสิเทชั่นเป็นอย่างดี

แต่ตอนนี้กลับถูกฉางเหว่ยแกล้ง ลู่เฉินคงพูดไม่ได้ว่าจะขายให้ถูกๆ อย่างนั้นก็ไม่ต่างจากคนก่อนหน้าที่บีบคั้นเฉินเจี้ยนหาวนี่?

แต่เฉินเจี้ยนหาวเป็นใคร จะถูกกลลวงเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ของฉางเหว่ยได้อย่างไร

เขาจึงยิ้มอย่างสุภาพแล้วพูดว่า “พูดเรื่องเงินมันเชยไป ผมคิดว่าจะไม่จ่ายสักแดงเดียว”

การโต้ตอบที่ไม่แรงและไม่เบาเกินไป ทำให้ทุกคนตกตะลึง

ไม่จ่ายสักแดงเดียว คือจะเอาฟรีๆ เหรอ

เฉินเจี้ยนหาวรีบเฉลยปริศนาทันที “เสี่ยวลู่ นายเคยพูดว่าอยากได้หุ้นส่วนของบาร์เดย์ลิลลี่ไม่ใช่เหรอ อย่างนั้นฉันก็จะให้หุ้นห้าเปอร์เซ็นต์ของบาร์เดย์ลิลลี่ของฉันแลกกับเพลงของนาย เป็นยังไง”

หุ้นบาร์เดย์ลิลลี่ห้าเปอร์เซ็นต์!

นี่คือคำตอบที่เกินความคาดหมาย แม้แต่ลู่เฉินก็คาดไม่ถึง

ลู่เฉินเคยพูดกับเฉินเจี้ยนหาวว่าอยากได้หุ้นของบาร์เดย์ลิลลี่ แต่ตอนนั้นเขาล้อเล่น เพื่อแสดงว่าตัวเองจะไม่ลืมบาร์เดย์ลิลลี่ แต่เฉินเจี้ยนหาวกลับจำได้ขึ้นใจ

ฉางเหว่ยตกตะลึงไปพักหนึ่ง จากนั้นจึงชูนิ้วโป้งให้เฉินเจี้ยนหาว

“เหล่าเฉิน นายแน่มาก!”

ทุกคนที่อยู่ในนี้ เขารู้จักเฉินเจี้ยนหาวดีที่สุด

หากคำนวณมูลค่าของบาร์เดย์ลิลลี่ถือว่าเป็นทรัพย์สินถาวร อย่างมากก็ได้เงินแค่หนึ่งถึงสองล้านเท่านั้น เพราะเป็นสถานที่เช่า ไม่เหมือนบลูโลตัสที่เขาซื้อมาเอง ห้าเปอร์เซ็นต์ถือว่าไม่เยอะ

แต่เฉินเจี้ยนหาวบริหารมานาน กิจการของบาร์ก็ดีมาตลอด จึงมีลูกค้าประจำอยู่เสมอ

ตอนนี้ถ้าเขาจะขายทรัพย์สิน สามถึงสี่ล้านต้องมีคนแย่งแน่นอน เพราะสามารถทำกำไรสุทธิปีละหลายแสน!

หุ้นส่วนห้าเปอร์เซ็นต์ฟังดูแล้วเหมือนไม่มาก แต่กลับมีข้อดีและคุ้มค่าที่ได้กินยาวๆ

เฉินเจี้ยนหาวยอมมอบหุ้นให้ลู่เฉินเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่ได้อยากซื้อเพลง ‘ในฤดูใบไม้ผลิ’ เพราะว่าเงินหนึ่งแสนสองแสนเฉินเจี้ยนหาวสามารถควักออกมาได้ แต่เจตนาที่แท้จริงของเขาอยู่ที่ตัวลู่เฉินคนนี้

การรั้งลู่เฉินไว้ไม่ได้หมายความว่าให้ลู่เฉินร้องเพลงที่บาร์เดย์ลิลลี่ตลอด นั่นเป็นไปไม่ได้ แต่เขาอยากจะให้ความดังของลู่เฉินมาเพิ่มความนิยมของบาร์เดย์ลิลลี่ต่างหาก!

ความก้าวหน้าของลู่เฉินในอนาคตอยู่ไม่ไกลมาก บาร์เดย์ลิลลี่กับเฉินเจี้ยนหาวสามารถขออาศัยบารมีไปด้วยได้มากขึ้น

และสิ่งที่เขาจ่ายไป เป็นเพียงหุ้นแค่ห้าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น

เป็นการเจรจาซื้อขายที่ชนะทั้งสองฝ่าย!

เฉินเจี้ยนหาวหัวเราะ ถามต่งอวี่ว่า “ผู้จัดการต่ง ผมขอยืมทนายของคุณช่วยร่างสัญญาให้หน่อยได้ไหมครับ”

แน่นอนว่าต่งอวี่ไม่ปฏิเสธความต้องการเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้เด็ดขาด

เธอก็รู้สึกเลื่อมใสเฉินเจี้ยนหาวเหมือนกัน…ในยุทธภพมักจะมีมังกรซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้าเสมอ!

พี่น่าก็ยิ้มพูดกับลู่เฉินว่า “ยินดีด้วย เถ้าแก่เสี่ยวลู่!”

ลู่เฉินยิ้มเจื่อนๆ รู้สึกเหมือนถูกบังคับให้รีบเติบโตอย่างไรก็ไม่รู้

…………………………………………………………………………