ตอนที่ 243 ส่งหวังเจียเหยาไปโรงพยาบาล

เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)

ตอนที่ 243 ส่งหวังเจียเหยาไปโรงพยาบาล!
คำพูดของหวังเจียเหยานั้นออกจะเทียบเท่ากับ ‘ผู้ดูแลตระกูลหวัง’ เล็กน้อยแล้ว

อย่างไรเสียตระกูลหวังที่เคยเป็นตระกูลชั้นรองที่มีทรัพย์สินเพียงไม่กี่พันล้าน ได้กระโดดขึ้นเป็นเตระกูลที่มีทรัพย์สินเกือบสองหมื่นล้านทั้งหมดเป็นความดีความชอบของหวังเจียเหยา

ในชีวิตแต่งงานทั้งสองครั้งของหญิงสาว เจ้าหล่อนแต่งงานกับเศรษฐีอย่างเย่เฉินและหลิ่วอวี่เจ๋อ ทำให้ตระกูลหวังได้ดีมาจนถึงทุกวันนี้

คุณนานยหวังถึงได้ให้ความสำคัญกับหวังเจียเหยามากกว่าหวังหยวนหยวน

หวังเจียเหยาเองยังคงโกรธเรื่องที่เย่เฉินนอกใจไปหาหวังหยวนหยวนอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นถึงได้จงใจพูดถึงหวังหยวนหยวน เพื่อดูถูกเย่เฉิน บอกให้เย่เฉินแต่งเข้าตระกูลของหล่อน

แม่ลูกคู่นี้ทำให้เย่เฉินหงุดหงิดรำคาญใจ ทว่าเย่เฉินแต่งงานกับหญิงสาวมาสามปี เขารู้ดีว่าควรจะต้องตอบอีกฝ่ายอย่างไร ถึงจะจี้ใจดำอีกฝ่ายได้

เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จริงเหรอ? น้องหยวนหยวนยังชอบผมอยู่เหรอ? หยวนหยวนหุ่นดีขนาดนี้ ถ้าวันไหนหงเหยียนไม่อยากได้ผมเป็นแฟนแล้ว ผมต้องยินดีจะแต่งกับหวังหยวนหยวนอยู่แล้ว!”

ทันทีที่ได้ยินว่าเย่เฉินชมหวังหยวนหยวนหุ่นดี ทันใดนั้นเองหวังเจียเหยาก็หน้าแดงก่ำด้วยโทสะทันที!

สองศรีพี่น้องมักจะชิงดีชิงเด่นกัน จุดที่หล่อนพ่ายแพ้น้องสาวมาตลอดก็คือเรือนร่าง!

ก่อนหน้านี้หล่อนสู้หวังหยวนหยวนไม่ได้ ตอนนี้หล่อนท้องโตโย้เย้ เรื่องหุ่นดีไม่น่าจะต้องพูดถึงอีก และพ่ายแพ้หวังหยวนหยวนมากกว่าเดิม

ดังนั้นหล่อนถึงได้รู้สึกริษยาและอับอาย!

หล่อนรู้สึกว่าเย่เฉินสวมเขาให้ตนเองเพียงเพราะหวังหยวนหยวนหุ่นดี!

หวังเจียเหยากล่าวอย่างหัวเสีย “นายกล้าคบกับหวังหยวนหยวนนายก็ลองดู ฉันจะบอกให้คุณย่าไล่หล่อนออกจากตระกูลเราไปเลย!”

เมื่อวินาทีก่อนหน้านี้ หวังเจียเหยายังเป็นฝ่ายเสนอให้หวังหยวนหยวนและเย่เฉินคบหากัน แต่พอเขารับปากจริงๆ หญิงสาวกลับหงุดหงิดเสียอย่างนั้น

ส่วนซูหลานงุนงงไปหมด “คืออะไรกันเนี่ย? เย่เฉินทำไมถึงคบกับหวังหยวนหยวนได้? เย่เฉิน คิดอะไรกับหวังหยวนหยวนนนานแล้วเหรอ? แกนี่มันไอ้สารเลว เป็นพญาเทครัวหรือไง เจียเหยาของเราออกจะสมบูรณ์แบบขนาดนี้ แกยังจะแอบมีใจให้น้องสะใภ้ตัวเองอีกเหรอนเนี่ย?”

เรื่องที่สองคนนั้นนอนด้วยกันก่อนหน้านี้ หวังเจียเหยาไม่ได้ฟ้องกับที่บ้าน ดังนั้นซูหลานจึงไม่รู้เรื่องนี้

เย่เฉินแค่นเสียง “น้องสะใภ้ผมชื่อฉินเสี่ยวตั่ว สวยกว่าลูกสาวคุณกับหวังหยวนหยวนรวมกันเสียอีก! ผมกลับบ้านก่อน พวกคุณก็เตรียมตัวแล้วกัน!”

พูดจบเย่เฉินก็ผลักประตูออกจากบ้านไป

“ฉินเสี่ยวตั่วเป็นใครอีกเนี่ย!”

หวังเจียเหยาก็เริ่มริษยา หล่อนเพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองว่าฉินหงเหยียนมีน้องสาว หนำซ้ำเท่าที่ฟังจากคำพูดของเย่เฉิน ก็จะพบว่าแม่สาวน้อยคนนี้หน้าตาสะสวยอย่างยิ่งด้วย!

“มิน่าเย่เฉินถึงได้เกาะฉินหงเหยียนไม่ยอมเลิกรา เพราะนอกจากแฟนที่สวยแล้ว น้องแฟนก็สวยด้วย นายคงหลงระเริงเชียวล่ะสิ!”

พอกลับไปถึงวิลล่าของตัวเอง เย่เฉินก็บอกเรื่องนี้กับแฟนสาว

“หงเหยียน ถ้าคุณไม่อยากให้ผมไป ผมจะปฏิเสธหล่อน” เย่เฉินกล่าว

เพราะคนตรงหน้าต่างหากถึงจะเป็นแฟนสาวของเขา เขาจำเป็นต้องคิดถึงความรู้สึกของฉินหงเหยียน

ถ้าหากว่าฉินหงเหยียนไม่ชอบให้เย่เฉินอยู่กับหวังเจียเหยา งั้นแล้วเขาก็จะไม่ไปส่งหวังเจียเหยาไปโรงพยาบาล

แต่ฉินหงเหยียนเป็นคนใจกว้าง “หลิ่วอวี่เจ๋อไม่ใช่ผู้ชายที่ดีอะไร บวกกับที่เด็กในท้องก็ไม่ใช่ลูกเขา เขาไม่มีทางเป็นห่วงเป็นใยหวังเจียเหยาแน่นอน ผู้หญิงต้องอุ้มท้องตั้ง 10 เดือน ในฐานะที่คุณเป็นพ่อก็ควรจะต้องช่วยหล่อนอย่างสุดความสามารถ คุณไปส่งหล่อนไปโรงพยาบาลเถอะ ฉันเองก็มีงานต้องทำพอดี”

เย่เฉินพยักหน้า

จากนั้นเย่เฉินก็ขับรถออดี้ของหวังเจียเหยาส่งหญิงสาวไปโรงพยาบาล โดยมีซูหลานตามไปด้วย

หวังเจียเหยานั่งตรงที่นั่งข้างคนขับรถ ส่วนซูหลานนั่งด้านหลัง

หวังเจียเหยาเพิ่งขึ้นรถ เพลงเพิ่งจะเริ่มขึ้น หวังเจียเหยาก็ระบายยิ้ม “ไม่ได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้มานานมากแล้ว ที่นายขับรถพาฉันกับแม่ไปนั่นไปนี่ คิกๆ”

เย่เฉินเคยขับรถออดี้คันนี้มาแล้วสามปี สามปีที่ผ่านมาเขาเป็นคนขันรถรับส่งหวังเจียเหยาและบิดามารดาของหล่อนไปไหนมาไหนอยู่เสมอ

เขาจึงคุ้นเคยกับรถคันนี้อย่างมาก

เย่เฉินเองก็กระอ่วนกระอ่วนใจไม่น้อย เพราะเขาไม่คาดคิดเลยว่าตนเองที่เลิกรากับหวังเจียเหยาไปแล้วจะยังมีโอกาสได้ขับรถคันนี้อีก

ซูหลานเองก็กล่าวอย่างเก้อเขิน “นั่นสิ เสี่ยวเฉินขับรถเก่งใช้ได้เลยนะ ไม่เหยียบเบรคกระทันหัน ฉันนั่งรถที่เสี่ยวเฉินขับสบายที่สุดแล้ว นั่งรถทีไรก็หลับตลอดเลย เสียดายจริงๆ ทำไมอยู่ดีๆ ถึงได้โดนไล่ออกจากตระกูลได้นะ? ไม่งั้นตอนนี้เธอก็คงเป็นลูกเขยของฉันอยู่”

เย่เฉินแค่นเสียง เขาโชคดีไม่ไหวที่หลุดพ้นจากตระกูลหวังมาได้!

รถเริ่มเพิ่มความเร็ว ซูหลานก็ถามอีกว่า “เสี่ยวเฉินเอ้ย ได้ยินมาว่าพ่อแม่ของฉินหงเหยียนเสียไปหมดแล้วเหรอ? มีน้องสาวแค่คนเดียวหรอ?”

“ครับ” เย่เฉินรับคำเบาๆ

ซูหลานส่ายหน้าไม่หยุด “เสี่ยวเฉินเอ้ย ยังไงเสียเธอเป็นลูกกเขยของฉันมาสามปี ที่ผ่านมาฉันเห็นเธอเหมือนลูกชายตัวเอง ดังนั้นขอเตือนอะไรหน่อยแล้วกันนะ จะแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่มีพ่อแม่แบบนี้ไม่ได้นะ ต่อให้มีเงินก็แต่งด้วยไม่ได้ ผู้หญิงแบบนี้ไม่ได้ความรักจากพ่อแม่ จะมีปัญหาทางจิตใจ ไม่เห็นหรือไง? แล้วอีกอย่างในอนาคตถ้าเธอสองคนมีลูก จะให้ใครช่วยเลี้ยงล่ะ? เด็กที่ไม่มีตากับยายลำบากมากนะรู้ไหม?”

รถที่เดิมทีเร่งไปที่ความเร็ว 40 กม.ต่อชั่วโมง เย่เฉินเยียบเบรคสุดแรง ซูหลานที่นั่งด้านหลังไม่ได้คาดเข็มขัดแถมงโน้มตัวมาก็ไถลมาด้านหน้า

“ว้าย”

ซูหลานอุทานเสียงดังแล้วโทษอีกฝ่าย “เย่เฉิน เหยียบเบรคทำไม!”

เย่เฉินกล่าวกับซูหลานด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ลงรถไป”

ซูหลานโกรธจัด “พูดว่าอะไรนะ”

เย่เฉินตอบกลับอย่างจริงจัง “ผมบอกให้คุณลงรถไป!”

ซูหลานพูดไม่ดีกับเขาเขายังพอทน แต่หล่อนพูดถึงฉินหงเหยียนแบบนี้เย่เฉินทนไม่ไหว!

ฉินหงเหยียนไม่ได้ติดค้างอะไรพวกเขา ซูหลานมีสิทธิ์อะไรมาพูดถึงหญิงสาวที่น่าสงสารแบบนี้!

พ่อของฉินหงเหยียนโดนคนฆ่าในต่างประเทศ จนตอนนี้ก็ยังหาไม่เจอตัวฆาตกร หรือว่าหญิงสาวจะไม่อยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์เหมือนคนอื่นหรือไง?

ซูหลานฉุนเฉียว “นี่คือรถของพวกเรา แกสั่งให้ใครลงรถนะยะ! สมองมีปัญหาหรือเปล่า!”

เย่เฉินกล่าว “ถ้าคุณไม่ลง ผมลงเอง พวกคุณไปโรงพยาบาลกันเองแล้วกัน!”

เขาพูดพลางปลดเข็มขัดนิรภัยในรถไปด้วย

ส่วนหวังเจียเหยาที่กว่าจะหลอกให้เย่เฉินมาส่งหล่อนได้ ไหนเลยจะยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ แบบนี้?

ดังนั้นหล่อนจึงรีบคว้ามืออดีตสามีไม่ยอมให้เขาลงจากรถ แล้วหันไปกล่าวกับมารดาที่นั่งอยู่ด้านหลัง “แม่คะ แม่ลงรถไปก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวหนูให้เย่เฉินไปส่ง ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”

ซูหลานเดือดปุดๆ ทันที “ก็ได้ เย่เฉิน แกห้ามอยู่ห่างจากลูกสาวฉันแม้แต่ก้าวเดียว ดูแลลูกสาวฉันให้ดีๆ ถ้าลูกฉันเป็นอะไรขึ้นมาล่ะก็ ฉันจะเอาเรื่องแกตายแน่!”

โครม!

ซูหลานลงจากรถ แล้วปิดประตูรถอย่างแรง

เย่เฉินนิ่งเฉย จนอดีตแม่ยายเขาลงไปจากรถแล้ว เขาถึงได้ยอมเริ่มขับรถไปต่อ

หวังเจียเหยาโอดครวญ “นายก็จริงๆ เลย ไม่ว่ายังไงแม่ฉันก็เคยเป็นแม่ยายนายมาตั้งสามปี ตอนเรามีลูกกัน แม่ก็มาทำอาหารให้นาย เก็บกวาดทำความสะอาดให้ แม่ฉันดีกับนายมากนะ แม่แค่ว่าฉินหงเหยียนไม่เท่าไหร่เอง ทำไมต้องไล่แม่ฉันด้วยล่ะ?”

เย่เฉินกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “คงจะมีแต่ช่วงเราอยากมีลูกกันเท่านั้นแหละที่แม่คุณทำเหมือนผมเป็นลูกเขย ส่วนเวลาอื่นๆ ผมไม่เห็นรู้สึกเลยว่าแม่คุณจะเห็นผมเป็นลูกเขยตรงไหน”

หวังเจียเหยารู้ว่าสามปีที่ผ่านมา แม่ของหล่อนไม่ได้ดีกับเขานัก ดังนั้นเลยไม่พูดอะไรอีก

รถขับเคลื่อนไปบนถนนใหญ่ หวังเจียเหยาใช้มืองพยุงท้องที่โย้เย้ของตนเองแล้วกล่าว “แม่ฉันไปก็ดี เราจะได้มีโลกส่วนตัวกัน”

เย่เฉินขับรถด้วยท่าทีตั้งใจพร้อมกับใช้มือจิ้มกล้องหน้ารถด้วย

ถ้าหากว่าหลิ่วอวี่เจ๋อรู้ว่าวันนี้เย่เฉินพาหวังเจียเหยาไปโรงพยาบาล งั้นเขาต้องรื้อกล้องหน้ารถดูแน่นอน เพื่อดูว่าทั้งสองคนนี้คุยอะไรกัน

หวังเจียเหยารีบร้อนเปลี่ยนเรื่อง “อ้อ เราไม่ได้ฟังเพลง ‘Liang Ge Ren De Shi jie’ ด้วยกันนานแล้วนี่ เฉินหลินร้องใช่ไหม”

หวังเจียเหยาพูดพลางกดเปิด ‘Liang Ge Ren De Shi jie’

เย่เฉินดูอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างกระทันหันของหวังเจียเหยาก็หลุดหัวเราะออกมา

เป็นผู้หญิงที่แสดงละครจริงๆ!