ตอนที่ 304 บทสรุปของแม่สามีนั้นเป็นยาก

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

“ท่านแม่ ท่านมีเรื่องอยากจะพูดกับข้าอย่างนั้นหรือ!” ผู้ที่ใช้น้ำเสียงเคารพนอบน้อมกล่าวกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์คือภรรยาสกุลฟางของซั่งกวนหมิง เพียงแต่ใบหน้าของนางไม่ได้เผยท่าทีเข้ากันนัก

ลูกชายและลูกสาวเติบโตแล้ว การเป็นพ่อแม่นั้นเป็นยาก แต่ที่ยากยิ่งกว่าคือเป็นแม่สามีของคนอื่น! เยี่ยนมี่เอ๋อร์มองลูกสะใภ้ที่นั่งอยู่ด้านข้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง นางนั้นจนใจทั้งลอบถอนหายใจ ทว่าใบหน้ายังคงรักษารอยยิ้มอย่าง เช่นเคย หลังจากนางเป็นแม่สามีจึงค่อยเข้าใจคุณค่าและความสุขของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ

ซั่งกวนหมิงแต่งงานเมื่อปลายปี ลูกสะใภ้ ฟางอวี๋ซวี่เป็นลูกภรรยาเอกตระกูลฟางแห่งไหลหยาง ร่าเริงสดใส ทั้งนิสัยเซ่อซ่าที่ทำให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์ปวดหัวไปบ้าง และพาให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่รู้ว่าควรจะเข้าหาลูกสะใภ้ผู้นี้อย่างไร ฟางอวี๋ซวี่ไม่ใช่คนประเภทที่รู้จักใช้อำนาจของตนให้เป็นประโยชน์ ทั้งไม่รู้ว่านางไปได้ยินข่าวลืออะไรหรืออย่างไร เมื่ออยู่เบื้องหน้าเยี่ยนมี่เอ๋อร์มักจะหวั่นกลัวและหดเกร็งอยู่บ้าง หลังจากเยี่ยนมี่เอ๋อร์หยั่งเชิงหลายครั้ง ก็รักษาท่าทีกับนางเป็นพิธี แทบไม่ได้สนิทสนมเหมือนกับหวงฝู่เยวี่ยเอ้อในปีนั้นอย่างสิ้นเชิง

ฟางอวี๋ซวี่เป็นซั่งกวนหมิงที่ต้องตาเอง…ลูกชายที่แต่ไหนแต่ไรก็เรียนรู้ที่จะปกปิดตัวเองผู้นี้ กลับไม่ได้มีฐานะและชื่อเสียงอะไรเป็นพิเศษในบรรดาคุณชายตระกูลใหญ่ ทั้งไม่มีพฤติกรรมนิสัยเสียอันใดที่ถูกคนอื่นเอาไปเล่าลือเช่นกัน อยู่ในประเภทที่ไม่อาจจะเรียกว่าโดดเด่นอันใดได้ ตรงกันข้าม ซั่งกวนเจากลับโดดเด่นไปเสียหมด เมื่อเทียบกับน้องชายที่มีความสามารถไม่ธรรมดา ซั่งกวนหมิงจึงดูด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด บางข่าวลือหรือถึงกระทั่งกล่าวสาบานกันอย่างน่าเชื่อถือว่าซั่งกวนหมิงเป็นเพียงของจัดแสดงของตระกูลซั่งกวนเท่านั้น ผู้นำตระกูลซั่งกวนที่จะรับช่วงต่อแปดถึงเก้าส่วนย่อมเป็นซั่งกวนเจาลูกคนรอง

ซั่งกวนเจวี๋ยทำได้เพียงไม่สนใจอะไรกับข่าวลือเช่นนี้…ต้นกำเนิดข่าวลือนี้แปดถึงเก้าส่วนย่อมเป็นซั่งกวนหมิง พวกผู้อาวุโสตระกูลซั่งกวนและพวกเขาสองสามีภรรยาล้วนเข้าใจดีที่สุด ซั่งกวนเจาอยู่ต่อหน้าซั่งกวนหมิงก็เป็นเพียงกระต่ายน้อยที่เชื่องตัวหนึ่ง การกระพือข่าวของเขาเพียงเพื่อบดบังซั่งกวนหมิงเท่านั้น ให้เขาได้แสดงความไร้สามารถ อวดตัว ทั้งโง่เขลาได้อย่างเป็น ‘ธรรมชาติ’

เพราะท่าทีของซั่งกวนหมิงที่เหมือนจะ ‘ทำการใหญ่ไม่ได้’ ทำให้พวกคุณหนูตระกูลใหญ่ไม่ได้ให้ความสนใจเขาเท่าใด คนที่เป็นฝ่ายมาทาบทามเขาก็มีไม่มาก ปัญหาของเยี่ยนมี่เอ๋อร์จึงลดลงไปไม่น้อย และสิ่งที่เขาทำให้ทุกคนคาดไม่ถึงคือเขามีใจให้ลูกภรรยาเอกตระกูลฟาง แม้ว่าซั่งกวนเจวี๋ยและเยี่ยนมี่เอ๋อร์จะมีข้อสงสัยกับการเลือกของเขา…ฟางอวี๋ซวี่หน้าตางดงามไม่น้อย แต่ไม่ถึงกับล้ำเลิศอะไร (แม้จะเป็นคนงามหยาดเยิ้ม ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถทำให้ซั่งกวนหมิงมีท่าทีอะไรเป็นพิเศษได้เช่นกัน) ทั้งไม่นับว่าฉลาดหลักแหลม อย่างน้อยที่สุดยังเทียบไม่ได้กับน้องสาวทั้งสองของเขา ความสดใสมีชีวิตชีวากลับไม่ขาด ความงุ่มง่ามเต็มเปี่ยม ไร้ซึ่งไหวพริบ สิ่งที่ทำให้ซั่งกวนเจวี๋ยและเยี่ยนมี่เอ๋อร์พูดไม่ออกคือฟางอวี๋ซวี่เป็นคนที่หลงลืมทิศทางเป็นนิสัย แต่งเข้าตระกูลซั่งกวนกว่าครึ่งปีแล้ว แต่ยามที่ไม่มีสาวใช้เดินร่วมทางไปด้วย นางกลับสามารถหลงทางได้เสียอย่างนั้น แต่หญิงสาวเช่นนี้ กลับเป็นคู่ครองที่ซั่งกวนหมิงเลือกไว้ แต่หลังจากสองสามีภรรยาแต่งงานกันความสัมพันธ์ก็ดีเป็นอย่างมาก และยามนี้สิ่งที่ทำให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์ปวดหัวที่สุดคือฟางอวี๋ซวี่ตั้งท้อง นางเป็นกังวลว่าลูกสะใภ้ที่เซ่อซ่าอย่างถึงที่สุด ทั้งยังแทบดูแลตัวเองไม่ได้ผู้นี้จะสามารถให้กำเนิดอย่างปลอดภัยหรือไม่

“อืม…” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ดื่มชาไปหนึ่งคำ หลังจากวางถ้วยชาลงแล้วก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าในยามนี้ไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว ข้าและพ่อเจ้าปรึกษากัน คิดจะเพิ่มคนข้างกายให้เจ้าและหมิงเอ๋อร์อีกเสียหน่อย วันนี้เรียกเจ้าเข้ามาก็อยากจะหารือเรื่องนี้กับเจ้า”

“อ้อ…มอบให้ท่านแม่จัดการเลยเถิด” ฟางอวี๋ซวี่พยักหน้าคล้อยตามทันที แม้นางรู้สึกว่าแม่สามีผู้นี้ไม่ได้เข้าหาง่ายเหมือนมารดาของตน แต่ก็ไม่เคยถูกเยี่ยนมี่เอ๋อร์สร้างความลำบากมาก่อนเช่นกัน จึงไม่กังวลว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์จะทำเรื่องลำบากอะไรให้นาง เผยยิ้มผงกศีรษะทันที แทบที่จะปล่อยให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์จัดการโดยสิ้นเชิง

เยี่ยนมี่เอ๋อร์อดถอนหายใจไม่ได้ นางจะไม่ถามหน่อยหรือว่าตัวเองคิดจะส่งใครไปข้างกายนาง ไม่กังวลว่าตัวเองคิดจะจัดการเมียบ่าวและอนุภรรยาไปให้หมิงเอ๋อร์เลยหรือ? ดูจากแววตาที่แปลกๆ ของแม่นมทั้งดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวังของสาวใช้ก็รู้แล้วว่า คนเหล่านั้นนึกถึงปัญหานี้เช่นเดียวกัน

เยี่ยนมี่เอ๋อร์กลับไม่คิดจะส่งผู้หญิงคนใดไปให้ซั่งกวนหมิง…ไม่ใช่ว่านางใจกว้างมีคุณธรรม แต่คิดว่าลูกสะใภ้เช่นนี้คนเดียวก็พอแล้ว มีหลายครั้งที่นางมีความคิดจะส่งคนไปอยู่ข้างกายซั่งกวนหมิงเช่นกัน (และก็เป็นยามนี้นางจึงสามารถรับรู้ความคิดของหวงฝู่เยวี่ยเอ้ออย่างลึกซึ้ง ทั้งในที่สุดก็เข้าใจคำพูดที่จงเสวี่ยฉิงเคยกล่าวไว้ หญิงสาวมักคาดหวังให้ข้างกายสามี มีเพียงตัวเองคนเดียว แต่กลับหวังให้ลูกชายสามารถเสวยสุขกับภรรยาและอนุที่ห้อมล้อม) แต่นางย่อมไม่อาจทำเรื่องเช่นนั้น ผู้ชายของตระกูลซั่งกวน ไม่ว่ารุ่นใดล้วนไม่อาจควบคุมตามใจได้ ส่งผู้หญิงไปข้างกายพวกเขารั้งแต่จะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างลูกและมารดา ทางที่ดีที่สุดต้องตามใจพวกเขาบ้าง

“เช่นนั้นข้าจะจัดการ” เยี่ยนมี่เอ๋อร์รู้สึกราวกับตัวเองเป็นแม่นมเฒ่าที่คอยใส่ใจดูแลก็มิปาน “ตั้งแต่วันพรุ่งนี้จื่อหลัวจะไปปรนนิบัติรับใช้ข้างกายเจ้า คนที่ไปกับนางยังมีแม่นมหวง นางมีประสบการณ์ดูแลหญิงตั้งท้องเป็นอย่างมาก เจ้าต้องเชื่อฟังคำพูดนางให้ดี ครัวเล็กในเรือนของเจ้าก็จะจัดการแม่บ้านที่เหมาะสมสองคนไปให้เจ้า ภายหลังอะไรกินได้ อะไรกินไม่ได้ พวกนางล้วนจะคอยควบคุม เจ้าไม่อาจเป็นเหมือนเมื่อก่อน หลีกเลี่ยงของเปรี้ยวของเย็น…”

“เข้าใจแล้วท่านแม่” ฟางอวี๋ซวี่ฟังเยี่ยนมี่เอ๋อร์พร่ำกล่าวอยู่พักใหญ่ หลังจากพูดจบแล้ว ก็รับปากอย่างนอบน้อมทันที นางสามารถรับรู้ได้ถึงความห่วงใยของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ และแม่นมข้างกายนางที่เอาแต่กังวลมาโดยตลอดก็ถอนหายใจโล่งอกเล็กน้อย นางระแวดระวังเยี่ยนมี่เอ๋อร์เป็นอย่างมาก มักจะกังวลว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์จะสร้างความลำบากให้คุณหนูที่ตัวเองเห็นมาจนเติบใหญ่ ยามนี้นางตั้งท้อง ไม่อาจร่วมห้องกับซั่งกวนหมิงได้ ฮูหยินตระกูลใหญ่มากมายล้วนชอบและคุ้นชินที่จะส่งหญิงสาวหน้าตาสวยสดงดงามมาอยู่ข้างกายลูกชายในยามนี้

“อีกอย่าง สาวใช้ในเรือนของเจ้าก็ต้องเพิ่มอีกหน่อย ข้าเลือกอย่างเข้มงวดออกมาบ้างแล้ว อีกเดี๋ยวเชิญแม่นมจางดูอีกครั้งเถิด หากพอใจ พรุ่งนี้ก็ให้พวกนางเข้าไปรับใช้” สิ่งที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่ได้พูดคือนางคิดจะเปลี่ยนสาวใช้ข้างกายของฟาง อวี๋ซวี่ที่คิดเพ้อฝันต่อซั่งกวนหมิงออกมา บางทีสำหรับฟางอวี๋ซวี่แล้ว สาวใช้สินเดิมของตัวเองไม่ช้าก็เร็วย่อมเป็นคนของซั่งกวนหมิง แต่ซั่งกวนหมิงกลับไม่คิดจะมีใจอื่นใดกับสาวใช้ข้างกายภรรยาแม้แต่น้อย กระนั้นเรื่องพวกนี้เขาไม่อาจออกหน้าจัดการได้ ยิ่งไม่อยากพูดเรื่องน่าหงุดหงิดพวกนี้กับภรรยาที่ไม่ได้ฉลาดเฉลียวอะไรของตน ดังนั้นจึงผลักมารดาออกมารับบทเป็นนางร้ายแทน!

ในแววตาของแม่นมจางมีความระแวดระวังขึ้นมาทันที แต่ฟางอวี๋ซวี่ยังคงพยักหน้าดั่งเดิม กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทั้งหมดล้วนให้ท่านแม่ตัดสินใจก็เพียงพอแล้ว”

เยี่ยนมี่เอ๋อร์ขำออกมาทันที กล่าวด้วยหยอกล้อไปพลาง หยั่งเชิงไปพลาง “หากแม่ดึงตัวสาวใช้ข้างกายของเจ้าออกไป เจ้าก็จะให้แม่ตัดสินใจเหมือนกันใช่หรือไม่?”

ฟางอวี๋ซวี่ครุ่นคิดอย่างละเอียดสักพัก “สาวใช้ข้างกายข้ามีนิสัยเป็นอย่างไร ท่านแม่ล้วนกระจ่างใจดี หากท่านแม่จะแยกนางออกไป ย่อมเป็นเพราะพวกนางมีจุดไหนที่ไม่ดี เช่นนั้นให้ท่านแม่จัดการก็เพียงพอแล้ว”

แม่นมจางหัวใจบีบรัด อดดึงชายเสื้อฟางอวี๋ซวี่ไม่ได้ ด้านเยี่ยนมี่เอ๋อร์สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง…นางไม่กังวลกับตัวเองที่เป็นแม่สามีผู้นี้หรือว่ามั่นใจต่อตัวเองจริงๆ?

“แม่นมจาง รบกวนเจ้าไปเลือกดูสาวใช้พวกนั้นกับข้าหน่อยเถิด วันนี้ทำเรื่องเสร็จเรียบร้อย พรุ่งนี้เช้าตรู่ก็ให้พวกนางเข้าไปปรนนิบัติรับใช้” จื่อหลัวก็จนใจกับสะใภ้ใหญ่ผู้นี้เช่นกัน ยามนี้นางเป็นแม่นมข้างกายมี่เอ๋อร์ที่มีฐานะมากที่สุด คนในตระกูลซั่งกวนล้วนไว้หน้านางอยู่บ้าง พอนางเอ่ยปาก แม่นมจางย่อมทำได้เพียงตามไปกับนาง

“แม่นมจาง ที่จริงแล้ว ส่งสาวใช้ไปข้างกายสะใภ้ใหญ่เพราะฮูหยินไม่ไว้ใจสาวใช้สินเดิมข้างกายสะใภ้ใหญ่จึงทำเช่นนี้” จื่อหลัวก็ไม่อ้อมค้อมกับนาง กล่าวไปตรงๆ “ฮูหยินรู้ว่าพอสะใภ้ใหญ่มีข่าวตั้งท้องออกมา ช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่วัน สาวใช้ข้างกายบางคนของนางก็คิดใฝ่สูงขึ้นมา พากันแต่งหน้าเกล้าผมลอยหน้าลอยตาอยู่ใกล้ๆ คุณชายใหญ่ นี่ทำให้ฮูหยินไม่พอใจ”

ดังนั้นฮูหยินจึงคิดจะจัดการส่งคนของตัวเองเข้ามา? มุมปากแม่นมจางกระตุกเล็กน้อย สรุปแล้วยังคงคิดจะให้คุณชายใหญ่รับคนไว้ แต่นางก็กล่าวระมัดระวังด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นความหมายของฮูหยินคือ…”

“ความหมายของฮูหยินคือสับเปลี่ยนผู้ที่ไม่สงบเสงี่ยมพวกนั้น เป็นบ่าวใช้ของตระกูลซั่งกวนเอง” จื่อหลัวกล่าวยิ้มๆ “สาวใช้ที่ถือกำเนิดในตระกูลซั่งกวนล้วนรู้ดี แทนที่จะคิดสารพัดวิธีเป็นเมียบ่าวให้คุณชาย ยังมิสู้ทำงานไปอย่างสงบเสงี่ยม รอหลังจากอายุเหมาะสมแล้วเจ้านายปล่อยตัวออกไปหรือให้เจ้านายเป็นฝ่ายหาคนที่มีหน้ามีตามาให้ พวกนางย่อมไม่อาจ ทั้งไม่กล้ามีความคิดเช่นนั้น ระหว่างที่สะใภ้ใหญ่ตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นใคร ย่อมไม่อาจส่งคนไปให้คุณชายใหญ่ ทำให้สะใภ้ใหญ่ไม่สบอารมณ์หรือเสียใจได้”

ไม่ได้คิดจะส่งคนเข้าไปในห้องคุณชายใหญ่? ชั่วพริบตานั้นแม่นมจางดึงสติกลับมาไม่ได้อยู่บ้าง นางล้วนเตรียมตัวไว้แล้ว หากฮูหยินส่งคนเข้ามาในห้องคุณชายใหญ่ ก็จะเกลี้ยกล่อมให้ส่งสาวใช้สินเดิมของตระกูลตนก่อน แต่ยามนี้ดูท่าแล้ว กลับไม่ได้เป็นเรื่องเช่นนั้น

“แม่นมจางก็คงรู้เช่นกัน ปีนั้นสาวใช้สินเดิมของฮูหยินล้วนมีแต่ที่พักพิงดีๆ สาวใช้ข้างกายนายท่านก็มีคู่ครองที่ดีเช่นกัน ฮูหยินย่อมหวังให้คุณชายใหญ่ สะใภ้ใหญ่สามารถสืบทอดธรรมเนียมนี้ได้เช่นกัน” จื่อหลัวกล่าวด้วยรอยยิ้ม นางกระจ่างใจดี บางทีเยี่ยนมี่เอ๋อร์อาจจะเคยคิดส่งคนให้คุณชายใหญ่ แต่ก็เพียงเคยมีความคิดเท่านั้น เยี่ยนมี่เอ๋อร์ย่อมไม่อาจทำเรื่องที่ล่วงเกินทั้งสองฝ่าย นางกล่าวยิ้มๆ “แต่ไหนแต่ไรตระกูลซั่งกวนก็ไม่มีธรรมเนียมที่เมื่อสะใภ้ใหญ่ตั้งท้อง กลับส่งเมียบ่าวไปปรนนิบัติคุณชายหรอก ธรรมเนียมเช่นนี้ยึดถือต่อไปจะดีกว่า เจ้าว่าอย่างไร แม่นมจาง?”

“ใช่แล้ว! ใช่แล้ว!” ไม่เคยมีคำพูดใดที่ทำให้นางรู้สึกสบายใจเช่นนี้มาก่อน สีหน้าของแม่นมจางผ่อนคลายลงมาก เป็นมิตรกับจื่วหลัวมากขึ้นเช่นกัน

“ดังนั้น สาวใช้ข้างกายสะใภ้ใหญ่ อย่างไรขอแม่นมจัดการหน่อยเถิด ส่วนสาวใช้ที่จะส่งเข้าไปนี้ หากไม่เชื่อฟังละก็ ข้าย่อมขับไล่พวกนางออกไปทันที รับรองว่าจะไม่สร้างปัญหาให้คุณชายใหญ่และสะใภ้ใหญ่” แม้จื่อหลัวจะใช้น้ำเสียงเจรจา แต่กลับแฝงไปด้วยความหนักแน่น แม่นมจางย่อมไม่อาจปฏิเสธ ทั้งไม่คิดปฏิเสธเช่นกัน

“แม่นมฉาง(ตระกูลสามีของจื่อหลัวสกุลฉาง) ท่านเป็นแม่นมที่มีฝีมือที่สุดข้างกายฮูหยิน พวกคุณหนูคุณชายก็เติบโตมากับท่าน จึงให้ความเคารพท่านไม่น้อย เรื่องนี้ท่านกำชับมา ข้าย่อมปฏิบัติตามอยู่แล้ว” ยามนี้แม่นมจางทำได้เพียงพูดคำดีๆ นางมีฐานะเป็นแม่นมของฟางอวี๋ซวี่ รักและเอ็นดูฟางอวี๋ซวี่ดั่งเลือดเนื้อเชื้อไขของตน ย่อมหวังให้นางสามารถได้รับความโปรดปรานทั้งชั่วชีวิต ไม่มีผู้ใดมาสร้างความลำบากอะไรให้

“เช่นนั้นก็ดี!” จื่อหลัวพยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นก็กล่าวเตือน “แต่ไหนแต่ไรคุณชายใหญ่ก็เป็นคนที่มีความคิดความอ่านเป็นของตัวเอง นายท่านและฮูหยินย่อมไม่อาจแทรกแซงเรื่องในเรือนของเขาตามใจได้ ยามนี้ทำเรื่องนี้ก็เพราะเป็นสถานการณ์พิเศษ ทำให้จำต้อง…”

“ข้าเข้าใจ! ข้าเข้าใจ!” แม่นมจางพยักหน้าทันที แม้กล่าวว่าสาวใช้พวกนั้นยังอาจจะใช้การได้ภายหลัง แต่เรื่องของภายหลังค่อยพูดภายหลังก็ได้ ในยามนี้เรื่องนี้มีผลดีต่อคุณหนู อย่างไรทำตามการจัดการของฮูหยินจะดีที่สุด

“เช่นนั้นขอแม่นมจางเลือกดูดีๆ เถิด หากมีอะไรไม่พอใจก็คัดออกได้ทันที” จื่อหลัวรู้สึกว่าพูดได้พอเหมาะพอควรแล้ว จึงไม่ได้ชักช้าอีก “หากมีคนสองคนที่ไม่สงบเสงี่ยม อาจจะสร้างความลำบากให้ข้าหรือให้เจ้า ก็จริงจังเสียหน่อย ขังไว้อย่างเข้มงวดย่อมดีที่สุด!”

“เข้าใจแล้ว! เข้าใจแล้ว!” แม่นมจางตอบรับ ยามนี้นางก็ทำได้เพียงคล้อยตามเท่านั้น…

———————————–