สี่วันต่อมา จักรพรรดิฉินจิ้นออกคำสั่งแต่งตั้งให้แม่ทัพพิทักษ์เมืองหมินยวี่หลินย้ายไปประจำตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัะพเขี้ยวกระบี่ที่มณฑลอวิ้นจงแทนซูฉิน ทำให้ตอนนี้กองกำลังทหารของอวิ้นจงกว่าครึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของฉินจิ้น

เนื่องจากกองกำลังของเซี่ยงอวี้ถูกส่งมอบก่อนเนรเทศ ทหารหมื่นนายในมณฑลชางหนานจึงอยู่ใต้อำนาจของซีกงฝาน และเมื่อคำสั่งจากฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนผู้บัญชาการแห่งกองทัพเขาเหินถูกเผยแพร่ กองกำลังทางทหารของทั้งมณฑลหลิงเป่ย อวิ้นจง รวมไปถึงชางหนานตกอยู่ใต้อาณัติของจักรพรรดิแห่งเมืองหลวง

อีกไม่กี่วันฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนก็จะกลับเมืองหลันเยี่ยนพร้อมกับกองกำลังเขาเหินหนึ่งพันคน พร้อมเหตุผลว่าถูกกลุ่มสำนักอัศวินซุ่มโจมตี กองทัพเขาเหินเสียกำลังคนและแตกพ่ายส่วนนักโทษเซี่ยงอวี้นั้นถูกธนูยิงตายคาที่ อย่างไรก็ตาม…หลินมู่อวี่ เฟิงจี้สิงและคนอีกจำนวนหนึ่งรู้อยู่แล้วว่าไม่มีใครหน้าไหนจากชางหนานกล้าโจมตีกองทัพเขาเหินได้อีก เว้นแต่เซี่ยงอวี้ที่รู้ความจริง…ทว่าเขาก็ได้ตายจากโลกนี้ไปเสียแล้ว

ชายผู้ได้ขึ้นชื่อว่าผู้สืบทอดและเทพสังหารเซี่ยงเหวินเทียน ทั้งยังเป็นผู้ถือครองพลังเก้าโกลาหลที่ยิ่งใหญ่ สิ้นใจตายท่ามกลางหุบเขาอันแห้งแล้ง…ช่างน่าอนาถใจจริง

หนึ่งเดือนต่อมา ฤดูหนาวอันทรหดได้พัดผ่านเมืองหลันเยี่ยนแปรเปลี่ยนเป็นฤดูแห่งการกำเนิดใหม่ที่เวียนกลับมาอีกครา

“มู่มู่!”

เสียงหัวเราะราวกระดิ่งของถังเสี่ยวซีดังก้องไปทั่ววิหารศักดิ์สิทธิ์ นางมาหาหลินมู่อวี่บ่อยจนนับครั้งไม่ถ้วน ทันทีที่ถังเสี่ยวซีเปิดประตูห้องทำงานก็พบว่ามีคลื่นพลังและสายฟ้าสีม่วงก่อตัวขึ้นจนบรรยากาศรอบห้องสั่นสะเทือน พลันปรากฏร่างของมังกรผลึกโลหิตตัวน้อยส่งเสียงร้องขณะพยายามใช้กรงเล็บแหวกรอยแยกมิติ เจ้าแอปเปิลน้อยโผล่หัวออกมามองโลกภายนอกนอกมิติ มันกระดิกหูตั้งเมื่อได้ยินเสียงของถังเสี่ยวซีและรีบพุ่งกระโจนออกจากรอยแยกนั้น หางอันยางหนาของมันสะบัดไปมาขณะทำท่าออดอ้อนประจบประแจงถังเสี่ยวซี

ถังเสี่ยวซีหัวเราะพลางล้วงเนื้อเป็ดสีเหลืองทองจากตะกร้าไม้ไผ่และวางมันลงบนพื้น “แอปเปิลน้อยเจ้าเด็กดี พี่สาวเอาเป็ดย่างร้อนๆ จากเตาของโปรดเจ้ามาให้ด้วย ค่อยๆ กินอย่าเผามันเสียล่ะ”

เจ้ามังกรทำท่าดีอกดีใจก่อนจะเริ่มละเลงเนื้อเป็ดตรงหน้า

บริเวณโต๊ะทำงานด้านข้าง หลินมู่อวี่พยายามควบคุมปราณยุทธ์และทะเลจิตให้กลับมาคงที่ ทันใดนั้นรอยแยกมิติขนาดกว้างยี่สิบเมตรเบื้องหน้าก็เปล่งแสงหายวับไปในพริบตา

“เรียบร้อยแล้วหรือมู่มู่?” ถังเสี่ยวซียิ้มถาม

“อืม” หลินมู่อวี่พยักหน้า “น่าเสียดายที่ข้ายังควบคุมมันได้ไม่ดีนัก จึงสามารถแยกมิติได้เพียงยี่สิบเมตรเท่านั้น”

“หมายความว่า…” ถังเสี่ยวซีกะพริบตาสวยก่อนจะกล่าวต่อ “เจ้าพยายามจะเข้าไปในมิตินั้นหรือ?”

“ข้า…”

หลินมู่อวี่รีบส่ายหน้าพลางยิ้มตอบ “ร่างมนุษย์ของข้าผ่านมิตินั้นไม่ได้ หากไม่ใช่ร่างมังกรเหมือนเจ้าแอปเปิลน้อย มนุษย์ทั่วไปที่ผ่านรอยแยกนั้นจะได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ต่างจากมังกรที่แทบไม่รู้สึกอะไร ผลกระทบจากการบิดเบือนของมิติจะทำให้ข้ากลายเป็นเหมือนเป็ดอย่าง…อีกอย่างข้าไม่รู้วิธีกลับออกมาด้วย”

“เช่นนั้นก็ดีแล้ว!” ถังเสี่ยวซียิ้ม “หากเป็นอย่างที่เจ้าพูด ข้าก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น มิเช่นนั้นข้าคงไม่ได้เจอเจ้าอีกและข้าคงเป็นห่วงเจ้ามาก!”

“ถูกของเจ้า…ช่วงนี้ข้าแทบไม่รู้เลยว่าเสี่ยวอินทำสิ่งใดอยู่ งานในวิหารและรังอินทรียุ่งเสียจนข้าไม่มีเวลา”

“นาง…”

เสี่ยวซียิ้มจางๆ “ตอนนี้เสี่ยวอินได้เป็นผู้บัญชาการกองสารวัตรทหารแล้ว นางใช้เวลากว่าครึ่งวันยุ่งอยู่กับการแก้วินัยทหารและส่งคนออกตรวจตราทั่วอาณาจักร ส่วนเวลาที่เหลือก็ใช้เตรียมงานเทศกาลเก็บเกี่ยวที่ใกล้เข้ามา!”

“เทศกาลเก็บเกี่ยว…”

“ใช่” ถังเสี่ยวซีพยักหน้า “เทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิเพื่อต้อนรับการเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิอย่างเป็นทางการ ทุกอย่างเริ่มฟื้นฟู…ประชาชนเริ่มเพาะปลูกพืชผลต่างๆ อีกครั้ง”

“คล้ายกับเทศกาลใบไม้ผลิของเราเลย…”

“เทศกาลใบไม้ผลิ?”

“ถูกต้อง หรือเรียกอีกชื่อว่าเทศกาลปีใหม่” หลินมู่อวี่เลื่อนกองเอกสารมาด้านหน้าก่อนพูดคุยกับถังเสี่ยวซีและตรวจงานไปพลาง

ถังเสี่ยวซีเอ่ยถามด้วยความสงสัย “มู่มู่ บอกข้ามาตามตรงเถิดว่าเจ้ามาจากที่ใด?”

“โลก” หลินมู่อวี่ตอบความจริง

“โลก?”

ถังเสี่ยวซีหัวเราะก่อนจะเอนกายพิงบ่าหลินมู่อวี่ “มู่มู่อย่าล้อข้าเล่นสิ คนจะอาศัยอยู่บนลูกกลมๆ นี้ได้อย่างไรกัน ไม่ลื่นตกหรอกหรือ?”

หลินมู่อวี่ตอบอย่างซื่อตรง “มันเป็นสถานที่กลมและยิ่งใหญ่ราวสวรรค์ และมีชื่อเรียกว่าโลก”

“เช่นนั้น…”

ถังเสี่ยวซีเม้มริมฝีปาก “หากมู่มู่มีเวลาว่างและไม่มีพันธะทางทหารใดแล้ว พาข้าไปบ้านเกิดของเจ้าที่เรียกว่าโลกได้หรือไม่?”

หลินมู่อวี่เงยหน้ามองเสี่ยวซี ใบหน้าสวยของเจ้าหญิงเปล่งประกายแวววับราวกับมีแสงส่อง เขาหัวเราะออกมาเบาๆ “เพื่อความงามของเจ้า บางทีข้าอาจใช้เงินทุนของหลงซินกรุปพาเจ้าไปฮอลลีวูดได้อย่างไม่ยากนัก”

“สิ่งใดคือฮอลลีวูด…”

“อ๋อ…แค่ชื่อท่าเรือ”

“ข้ายิ่งไม่เข้าใจไปใหญ่ มู่มู่นับวันยิ่งแปลกนัก แต่เอาเถิด…มะรืนก็จะถึงเทศกาลเก็บเกี่ยวแล้ว วิหารศักดิ์สิทธิ์เตรียมงานเฉลิมฉลองหรือยัง?”

“อืม เอกสารส่วนใหญ่ที่ข้าดูแลช่วงนี้ก็เกี่ยวข้องกับเทศกาลเก็บเกี่ยวนี่แหละ ทางวิหารได้สั่งซื้อเหล้า ไวน์และอาหารมากมาย ต่อเมื่อวันนั้นมาถึงข้าจะดื่มให้เมาไปข้างหนึ่ง”

“ข้าก็คิดว่า…” ถังเสี่ยวซีคว่ำปาก “ข้าคิดว่ามู่มู่จะอยากเที่ยวงานเทศกาลกับข้าเสียอีก!”

หลินมู่อวี่พลันนึกถึงเรื่องของเสี่ยวซี แม้นางจะยิ่งใหญ่มีผู้คนล้อมรอบ ณ เมืองชีไห่ ทว่างานเทศกาลเก็บเกี่ยวถูกจัดขึ้นในเมืองหลันเยี่ยน แสดงว่านางต้องเหงามากเป็นแน่…

ดังนั้นหลินมู่อวี่จึงวางปากกาและยิ้มกล่าว “หากเจ้าชอบงานเทศกาล ก็จงไปวิหาศักดิ์สิทธิ์แล้วฉลองกับข้าเถิด พาองครักษ์ไปคุ้มกันสองถึงสามคนก็พอ ข้าจะไม่ดื่มจนเมามาก”

“ได้หรือ?”

“เหตุใดเล่า? ข้าเป็นถึงผู้นำของวิหารแล้วตอนนี้”

“เช่นนั้นข้าขอสรุป! ช่วงบ่ายวันเทศกาลเจ้ากับข้าจะไปเข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ขององค์จักรพรรดิและเหล่าขุนนางในตำหนักเจ๋อเทียน ต่อเมื่อแล้วเสร็จเราจะไปฉลองกันต่อที่วิหารศักดิ์สิทธิ์ตอนเย็น”

“ได้เลย ข้าจะให้คนเตรียมห้องไว้ให้เจ้า”

“อืม!”

“อีกอย่างเสี่ยวซี…”

“หืม?” ถังเสี่ยวซีกระโดดลงจากโต๊ะพลางเงยหน้ามองหลินมู่อวี่ด้วยความสงสัย

“เรื่องที่ข้าใช้พลังมิติที่สี่เปิดช่องว่าง…เจ้าอย่าได้แพร่งพราย มิเช่นนั้นข้าอาจตกที่นั่งลำบาก”

“ทราบแล้ว เสี่ยวซีเป็นคนมีเหตุผล”

“ขอบใจเจ้ามาก ข้าคงต้องทำงานต่อ เชิญเจ้าเดินเล่นในวิหารไปพลางก่อนเถิด ต่อเมื่อแล้วเสร็ตข้าจะออกไปตามหา”

“อืม!”

ทันทีที่ถังเสี่ยวซีจากไป ทหารยามก็เข้ามารายงาน “ใต้เท้าหลิน มีคนอ้างว่ามาจากกลุ่มมังกรผงาดชื่อเฟิงสี่ขอเข้าพบ อนุญาตหรือไม่ขอรับ?”

“เฟิงสี่มารึ?”

หลินมู่อวี่ชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะยิ้มตอบ “ให้เขาเข้ามา”

“ขอรับ!”

ไม่นานเฟิงสี่ในชุดทหารรับจ้างก็ปรากฏตัวกับตรารองผู้บัญชาการทหารรับจ้างมังกรผงาดบนออกเสื้อ “ท่านผู้บัญชาการคงทำงานหนักเลยสินะขอรับ ต้องตรวจตราเอกสารทุกวัน…น่าเบื่อแย่”

หลินมู่อวี่ลุกขึ้นยิ้ม “เฟิงสี่รึ? เข้ามาจิบชาก่อนเถิด”

“ข้าขอไม่รบกวนดีกว่าขอรับท่าน”

เฟิงสี่คำนับพลางนั่งลงเก้าอี้ถัดจากหลินมู่อวี่ “เหตุที่ข้ามาขอเข้าพบท่านมีสองประการขอรับ”

“เรื่องใดเล่า?”

“วานนี้มีชายมาที่ภูเขาหลงหยานเพื่อรับตัวหูเสี่ยวอวิ๋น”

“ว่าอย่างไรนะ?” หลินมู่อวี่ลุกขึ้นทันทีด้วยสีหน้าประหลาดใจ “เฟิงสี่ เจ้าหมายถึง…หลงเซียนหลินยังไม่ตายและกลับมายังเมืองหลันเยี่ยนอย่างนั้นรึ? แล้วเกิดอะไรขึ้นหรือไม่?”

“ทุกอย่างยังเรียบร้อยดีขอรับ” เฟิงสี่กล่าวต่อ “แม่ทัพหลงเซียนหลินมาที่เหมืองหลันเยี่ยนด้วยการปลอมตัว ก่อนหน้านี้กบดานอยู่ที่หมิงซานหนึ่งในสี่มณฑลใหญ่ตามคำแนะนำของหลินอวี่ลูกพี่ลูกน้องเขา เหตุที่เดินทางมาครั้งนี้ก็เพื่อพาเมียกลับ เขาฝากข้ามาบอกท่านว่า… ‘ข้ารู้สึกทราบซึ้งในความกรุณาของท่านมาก และในอนาคตหากมีโอกาสข้าจะตอบแทนอย่างแน่นอน ทว่าด้วยอาชญากรรมที่ข้าก่อกับฉินจิ้นจึงไม่สามารถไปทักทายท่านในเมืองหลวงด้วยตรเองได้’”

“อืม…” หลินมู่อวี่รู้สึกโล่งใจ “ไม่เป็นไร…หลงเซียนหลินเป็นถึงแม่ทัพ คงน่าอับอายหากต้องมาตายในเมืองนี้”

เฟิงสี่หัวเราะ “ท่านผู้บัญชาการช่างมีความรักความเมตตามากเสียจริง…ข้าขอนับถือ ทว่าอย่าได้ห่วงไปขอรับ มณฑลหมิงซานอยู่ไกลจากมณฑลหลิงเป่ยไปอีกพันกว่าไมล์ ด้วยภูเขาสูงชันและหนทางอันยาวไกลหลงเซียนหลินจะปลอดภัยที่นั่น”

“ข้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้น แล้วอีกเรื่องของเจ้าเล่า?”

“อ้อ เรื่องการสู้รับกับพวกทหารรับจ้างมีดสังหารขอรับ” เฟิงสี่แววตาลุกโชนขณะกล่าว “ทหารรับจ้างกลุ่มนี้มีสมาชิกแปดพันนาย เป็นที่รู้จักกันดีในมณฑลหลิงเป่ย ตอนนี้พวกมันต้องการขยายอาณาเขตไปมณฑลอวิ้นจงซึ่งเป็นเขตของเรา พวกมันส่งสาส์นท้ารบมาเมื่อวานซืนขอรับ”

หลินมู่อวี่หรี่ตาครุ่นคิด “พวกมันมีโอกาสชนะมากน้อยเพียงใด?”

เฟิงสี่สูดหายใจลึกก่อนจะกล่าว “หากสู้ตัวต่อตัวกับพวกมีดสังหาร พวกมันมีโอกาสชนะเพียงหนึ่งในสิบเท่านั้น ทว่าหากข้าเดาไม่ผิด…พวกมันต้องร่วมมือกับกลุ่มทหารรับจ้างเพลิงศักดิ์สิทธิ์เป็นแน่ ซึ่งกองกำลังของทั้งสองกลุ่มรวมกันได้ราวหนึ่งหมื่นเจ็ดพันคนขอรับ”

“แล้วคนของเรามีเท่าไร?”

“ราวหนึ่งหมื่นห้าพันแปดร้อยคนของรับ!” เฟิงสี่คำนับก่อนจะกล่าวต่อ “แม้กองกำลังจะมีจำนวนใกล้เคียงกัน ข้าก็รับประกันชัยชนะอย่างแน่นอนขอรับ เราฝึกยิงธนูและรูปแบบการรบต่างๆ ทุกวันตามมาตรฐานของทหารอวี้หลิน ซึ่งเมื่อเทียบกับทหารอวี้หลินในจำนวนเท่ากันแล้ว ข้าเชื่อว่าเราแข็งแกร่งกว่า เพราะนอกจากทักษะอัดยอดเยี่ยมอุปกรณ์อาวุธของเราก็จัดว่าเป็นของชั้นดี ชัยชนะมากกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นคงไม่หนีไปไหนขอรับหากเรากำจัดทหารรับจ้างมีดสังหารและเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้ กลุ่มมังกรผงาดของเราก็จะกลายเป็นทหารรับจ้างอันดับหนึ่งแห่งหลิงเป่ยและไม่มีใครกล้ามาต่อว่าเราอีก!”

เฟิงสี่ยิ้มกริ่มอย่างภาคภูมิ “ทว่ามีปัญหาอยู่อย่างเดียว ขณะนี้กองทัพเขาเหินหนึ่งพันคนอยู่ห่างจากภูเขาหลงหยานของเราไม่ถึงสิบไมล์ ดังนั้นหากการปะทะกันของทหารรับจ้างสามกลุ่มใหญ่รู้ถึงหูจักรพรรดิ ข้าเกรงว่าพวกเขาคงไม่มานั่งดูเรารบกันเฉยๆ แน่ขอรับ”

“อย่ากังวลไป”