พบคนรู้ใจ ดื่มกันพันจอกยังว่าน้อย คนคุยไม่ถูกคอ ครึ่งคำก็มากเกิน

มหาราชาผู้พิทักษ์ทั้งสามของผู้นำกองธงกล้วยไม้ก้าวออกมาข้างหน้า พวกเขาบีบนวดมือของตนจนได้ยินเสียงกระดูกดังลั่น แสดงให้เห็นว่าพร้อมออกรบเต็มที่

ผู้นำกองธงกล้วยไม้เผชิญหน้ากับเยี่ยจิ่งหาน

ฝูกวงก้าวออกมาข้างหน้าเตรียมจะออกไปปะทะกับมหาราชาผู้พิทักษ์ทั้งสาม

กู้ชูหน่วนดึงฝูกวงกลับมาและตำหนิว่า “ชิงเฟิงกับเจี้ยงเสวี่ยอยู่ที่นี่แล้ว เจ้าเป็นอะไรของเจ้า อย่าไปแย่งพวกเขาเอาหน้าสิ”

ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยนิ่งอึ้งจนพูดไม่ออก

คุณหนูสามหมายถึงอะไร

เห็นพวกเขาเป็นแรงงานตัวแถมอย่างงั้นรึ

คนที่ผู้นำกองธงกล้วยไม้ต้องการคือนางมิใช่หรือ

ฝูกวงกล่าวอย่างงุนงง “นายท่าน ข้าจะพยายามให้ดีที่สุด ข้าคนเดียวจัดการกับทั้งสามคนได้”

“เมื่อครู่เจ้าบาดเจ็บระหว่างสู้กันไม่ใช่รึ ยืนเฉยๆ อย่าขยับตัวมาก”

เมื่อเห็นสายตาที่กู้ชูหน่วนส่งมาให้เขา ฝูกวงก็เข้าใจขึ้นมาทันที ทันใดนั้นเขาก็กุมหน้าอกพลางขมวดคิ้ว “โอ๊ย ข้าเจ็บหน้าอกมาก รวบรวมกำลังภายในไม่ขึ้นเสียแล้ว”

ทุกคนพูดไม่ออก

ทักษะการแสดงเช่นนี้ พวกนางคิดว่าพวกเขาปัญญาอ่อนหรืออย่างไร

กู้ชูหน่วนตะโกนเสียงดัง “ท่านอ๋อง เมื่อครู่นี้ผู้นำกองธงกล้วยไม้บอกว่าขาของท่านเป็นง่อย ทั้งยังบอกว่าใบหน้าของท่านอัปลักษณ์ ท่านจึงไม่กล้าแม้แต่จะแสดงใบหน้าให้เห็น ข้าละโกรธแทนท่านเหลือเกิน แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อข้าไม่มีวรยุทธ์อะไรเลย ทำอะไรเขาก็ไม่ได้ แต่ว่าข้าคอยส่งเสียงเป็นกำลังใจให้ท่านได้นะ ข้าจะคอยเติมกำลังใจให้ท่านเอง”

หวิว…

ทั่วบริเวณเงียบสงัด

อุณหภูมิของเยี่ยจิ่งหานลดลงอย่างกะทันหัน ใบหน้าของเขากลายเป็นสีดำเหมือนถ่าน

ผู้หญิงคนนี้…

เขาละอยากจะบีบคอนางให้ตาย

เยี่ยเฟิงหลับตาโดยไม่พูดอะไร เขาแทบไม่กล้ามองใบหน้าที่กระหายเลือดซึ่งปกคลุมไปด้วยน้ำค้างแข็งของเยี่ยจิ่งหาน

อัครมเหสีฉู่เองยังสะดุ้งกับคำพูดของกู้ชูหน่วน

นางเป็นสตรีแน่หรือ เหตุใดจึงพูดอะไรเช่นนั้นออกมา

ชิงเฟิงกับเจี้ยงเสวี่ยรู้สึกสิ้นหวัง

นางไม่คิดจะยอมสาบานด้วยความตายของตัวเองเลยงั้นรึ

ผู้นำกองธงกล้วยไม้หัวเราะลั่น คำพูดของเขาเต็มไปด้วยการเย้ยหยันและการข่ม “เทพแห่งสงครามหาพระชายาได้ดีจริงๆ”

ตูม!

เยี่ยจิ่งหานจู่โจมอย่างสะเทือนฟ้าสะท้านแผ่นดินเป็นการตอบรับคำของผู้นำกองธงกล้วยไม้

นี่เป็นการจู่โจมโดยใช้ลูกไฟ ทุกที่ที่แสงเพลิงเข้าไปใกล้ถูกเผาผลาญจนหมดสิ้น แม้แต่ก้อนหินขนาดยักษ์ยังถูกเผาจนหลอมละลาย แสดงให้เห็นถึงอานุภาพแข็งแกร่ง

ผู้นำกองธงกล้วยไม้ตกตะลึงและหลีกเลี่ยงการจู่โจมที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้อย่างหวุดหวิด ทว่าเขาก็ยังถูกลูกหลงจนท่อนแขนถูกเผากลายเป็นสีดำไปครึ่งหนึ่ง

ดวงตาของกู้ชูหน่วนหรี่ลงอย่างจริงจัง

นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นเยี่ยจิ่งหานออกโรง

และยังเป็นครั้งแรกที่เห็นใครสักคนเผาก้อนหินจนหลอมละลายโดยใช้เพียงกำลังภายใน

แข็งแกร่งมาก

เป็นกำลังภายในที่แข็งแกร่งมาก

ถ้าอีกฝ่ายเป็นนาง เกรงว่านางคงไม่มีโอกาสชนะแน่

หลังจากหายตกใจ กู้ชูหน่วนจึงปรบมือเสียงดังลั่น “ท่านอ๋องแข็งแกร่งจริงๆ จัดการพวกนั้นต่อเลยเพคะ เผามันซะ”

ทุกคน “…”

ผู้นำกองธงกล้วยไม้โกรธเกรี้ยว เขารวบรวมกำลังภายในไว้ในฝ่ามือเพราะถูกพวกเขายั่วโทสะโดยสมบูรณ์

ขณะที่กำลังคิดจะต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมดที่มี อยู่ๆ นักฆ่าโลหิตก็ตรงเข้ามาหาและกระซิบคำสองคำที่ข้างหูของผู้นำกองธงกล้วยไม้

ผู้นำกองธงกล้วยไม้ชะงักงันและจ้องมองกู้ชูหน่วนอย่างประหลาดใจ ปากก็พึมพำออกมาว่า ‘จอมมาร’

กู้ชูหน่วนรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย

จะมองนางเพื่อ?

มีอะไรติดหน้านางหรือไง

คำที่เขาขยับปากพูดดูเหมือนจะเป็นคำว่าจอมมาร

เมื่อมองนักฆ่าโลหิตที่อยู่ข้างผู้นำกองธงกล้วยไม้อีกครั้ง กู้ชูหน่วนจึงหันมาถามฝูกวงอย่างสงสัย

“คนผู้นั้นคือจอมมารมิใช่หรือ”

“เรียนท่านอาจารย์ เขาคือนักฆ่าโลหิตผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายของจอมมาร คนผู้นี้มีวรยุทธ์สูงส่งทั้งยังเป็นลูกน้องคนสนิทของจอมมารด้วยขอรับ”

เอ่อ…

เขาไม่ใช่จอมมารหรอกเหรอ

งั้นก่อนหน้านี้นางก็เข้าใจผิดหมดเลยงั้นสิ

ดวงตาที่เยียบเย็นของเยี่ยจิ่งหานจ้องตรงไปยังกู้ชูหน่วน มีความโกรธฉายอยู่ในดวงตาของเขา

ผู้หญิงคนนี้ตามจีบผู้ชายไปทั่วก็ว่าแย่แล้ว นึกไม่ถึงว่าแม้แต่จอมมารนางก็ไม่เว้น