บทที่ 513 ข่าวคราวของหย่าเอ๋อร์ + บทที่ 514 หายไป

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 513 ข่าวคราวของหย่าเอ๋อร์

ไป๋โม่ส่ายศีรษะ “ข้าไม่แน่ใจนัก ตั้งแต่หย่าเอ๋อร์หายไป ข้าก็ตามหาข่าวคราวของนางมาตลอด แล้วเพิ่งได้ข่าวนี้เมื่อไม่นานนี้เอง ข้าไปที่เมืองหลิงเพื่อหาตัวเจ้าแต่ก็ไม่พบ พวกเขาบอกว่าเจ้ามาที่เมืองเซียว ข้าจึงมาลองเสี่ยงโชคดู ไม่คิดว่าจะเจอเจ้าที่นี่จริง” ใบหน้าของไป๋โม่ผุดรอยยิ้มยินดี

หนิงเมิ่งเหยานั่งฟังบทสนทนาอยู่ด้วย นางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดแปลกแต่ไม่อาจบอกได้ว่าคืออะไร

หลังจากครุ่นคิดอยู่นานแล้วก็ยังคิดไม่ออก หนิงเมิ่งเหยาจึงเลิกคิด แล้วนั่งฟังพวกเขาคุยกัน

“หย่าเอ๋อร์อยู่ที่ไหนในเหมียวเจียงกัน ข้าจะไปกับเจ้า” หนานกงเยี่ยนคิดแล้วมองไป๋โม่ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

หนิงเมิ่งเหยาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่นางเห็นเฉียวเทียนช่างที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามส่ายศีรษะให้นาง ท่าทางเขากำลังบอกให้นางอย่าเพิ่งพูดอะไร

แม้นางจะนึกข้องใจ แต่ก็ยังพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง นางนั่งหลบด้านข้างโดยไม่ขัดบทสนทนาระหว่างไป๋โม่กับหนานกงเยี่ยน

พวกเขาคุยกันเสร็จในหนึ่งชั่วยามให้หลัง ตลอดเวลาที่คุยกัน หนิงเมิ่งเหยาก็เริ่มสงสัยในตัวชายนามไป๋โม่มากขึ้นเรื่อยๆ

ดูจากท่าทีของหนานกงเยี่ยน เขาไว้วางใจชายคนนี้อย่างมาก

ไป๋โม่ยืนตรงหน้าต่างแล้วมองไปข้างนอก มุมปากเขายกยิ้มบางดั่งว่าเห็นบางสิ่งที่น่าสนใจ

ขณะเดียวกันนั้น หนิงเมิ่งเหยาก็ลากเฉียวเทียนช่างไปที่ห้อง นางขมวดคิ้ว “เทียนช่าง ข้ารู้สึกมีอะไรไม่ชอบมาพากล”

เฉียวเทียนช่างพยักหน้า สัญชาตญาณจากสนามรบของเขาบอกว่าชายนามไป๋โม่เป็นคนอันตรายกว่าใครที่เคยเจอมา ชายผู้นี้อันตรายกว่าคนพวกนั้นเป็นสิบเท่า

ชายอันตรายเช่นนี้เป็นเพื่อนกับพ่อตาของเขาได้อย่างไรกัน เกิดอะไรขึ้นหรือ

เฉียวเทียนช่างพูดเสียงเบา “คอยจับตาดูไป๋โม่ไว้สักระยะ แต่อย่าให้เขารู้ตัว”

“เจ้าคิดว่าท่านพ่ออยากไปกับไป๋โม่จริงหรือ” หนิงเมิ่งเหยากำลังพะวงกับเรื่องนี้

ความสัมพันธ์ระหว่างหนานกงเยี่ยนและมารดาของนางนั้นดีมาก นางปฏิเสธเรื่องนี้ไม่ได้ แต่นางไม่เชื่อใจไป๋โม่ นางไม่สบายใจเลยถ้าจะให้บิดาตามไป๋โม่ไป

เฉียวเทียนช่างถอนหายใจ “ท่านพ่อตาต้องไปแน่”

“เพราะเหตุใด”

“ถ้าข้าเป็นท่านพ่อตา แล้วคนรักของข้าหายตัวไปนานนับสิบปี จู่ๆ ก็มีได้ข่าวมา ต่อให้เป็นข่าวที่มีจุดย้อนแย้ง ข้าก็จะไปแน่นอน” เฉียวเทียนช่างกล่าวอย่างหนักแน่น

เพราะเขารักนางถึงเพียงนั้น เมื่อได้รู้ข่าว เขาย่อมปรารถนาจะมีปีกแล้วบินไปที่นั่นทันที

เขารู้สึกว่าหนานกงเยี่ยนยังใจเย็น ใจเย็นจนน่าตกใจ

หนิงเมิ่งเหยานิ่งเงียบ ไม่พูดอะไร

แน่นอนว่าถ้าเป็นนาง นางก็คงทำเช่นเดียวกัน ต่อให้ความหวังจะริบหรี่มากก็ตาม

“อย่ากังวลเลย ท่านพ่อตาไม่ใช่คนอ่อนแอ” ทุกอย่างจะไม่เป็นไรถ้าชายนามไป๋โม่มาหาหนานกงเยี่ยนเพื่อบอกเรื่องนี้กับเขาจริงๆ แต่ถ้าไม่ใช่ จะหาว่าพวกเขาหยาบคายไม่ได้

หนิงเมิ่งเหยายังสับสนอยู่ นางไม่อยากให้หนานกงเยี่ยนไป

และแล้ว ไม่กี่วันให้หลัง หนานกงเยี่ยนก็พูดเรื่องออกเดินทางไปกับไป๋โม่ขึ้นมาจริงๆ

“ท่านพ่อ ท่านต้องไปด้วยหรือ” หนิงเมิ่งเหยาสังหรณ์ใจว่าจะมีอันตรายใหญ่หลวง

นางไม่อยากให้เขาไปเลย

หนานกงเยี่ยนยิ้มแล้วผงกศีรษะ “ใช่สิ พ่ออยากจะไปตามหาแม่ของเจ้า เมื่อเจอแล้ว ข้าจะพาแม่ของเจ้ากลับมาพบลูกสาวของเรา”

หนิงเมิ่งเหยาเหลือบมองไป๋โม่ที่ยืนอยู่ข้างๆ นางได้แต่พยักหน้าอย่างจนใจ “ก็ได้ ท่านพ่อ ขอให้ท่านระวังตัวด้วย”

นางไม่เคยพบมารดาของนางมาก่อน แต่นางละโมบในความรักของบิดาที่หนานกงเยี่ยนมอบให้ ทำให้นางรู้สึกลังเลในเรื่องนี้

หนานกงเยี่ยนยิ้มแล้วผงกศีรษะ “เจ้านี่ช่างเยิ่นเย้อเสียจริง ระวังเทียนช่างจะรำคาญขึ้นมาเล่า”

ทั้งสองคุยกันอีกสักพัก แล้วหนานกงเยี่ยนก็ขึ้นม้า ในตอนนั้นเอง หนิงเมิ่งเหยาก็ไปตรงหน้าไป๋โม่ นางพูดด้วยเสียงที่ได้ยินกันเพียงสองคน “เจ้าอย่าได้มีเจตนาร้ายแอบแฝง หาไม่แล้วข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ”

ดวงตาไป๋โม่กระตุก “แล้วข้าจะมีเจตนาอื่นใดได้เล่า ข้าเพียงมาหาเพื่อนเก่าเท่านั้น” ไป๋โม่ยังคงยิ้มอย่างไร้จุดบกพร่อง

แต่รอยยิ้มเช่นนั้นกลับทำให้หนิงเมิ่งเหยารู้สึกแปลกๆ

สิ่งที่สมบูรณ์แบบเกินไปมักมีอันตรายซ่อนอยู่

บทที่ 514 หายไป

ไป๋โม่เองก็เผอิญเป็นคนประเภทนั้น นางจึงไม่เชื่อใจไป๋โม่เลยแม้แต่น้อย

หนิงเมิ่งเหยาพูดอย่างเย็นชา “เช่นนั้นก็ดี”

เฉียวเทียนช่างส่งสัมภาระในมือให้หนานกงเยี่ยน “ท่านพ่อตา เหยาเหยาเตรียมของพวกนี้ให้ท่าน ท่านต้องเก็บไว้ให้ดีนะขอรับ”

“ได้ เข้าใจแล้ว” แววตาหนานกงเยี่ยนมีประกายแวบผ่าน จากนั้นเขาก็ยิ้มแล้วพยักหน้า แววประหลาดในดวงตาเขาราวกับเป็นเพียงภาพลวงตา

ในที่สุด หนานกงเยี่ยนก็ออกเดินทางไปพร้อมกับไป๋โม่ หนิงเมิ่งเหยายืนอยู่ตรงประตู มองชายทั้งสองควบม้าออกไป “เทียนช่าง จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับท่านพ่อใช่ไหม” หนิงเมิ่งเหยาดูอ่อนไหวในขณะนั้น

เฉียวเทียนช่างยิ้มแล้วผงกศีรษะ “เจ้าอย่าห่วงไปเลย ท่านพ่อตาต้องเข้าใจแน่ว่าข้าหมายความว่าอย่างไร”

หนิงเมิ่งเหยาถอนหายใจ แล้วพูดอย่างอับจนหนทาง “ข้าไม่รู้ว่าทำไมท่านพ่อถึงเชื่อใจไป๋โม่”

พวกนางคิดว่ามีบางอย่างในตัวไป๋โม่ผิดปกติ นางไม่เชื่อว่าหนานกงเยี่ยนจะไม่รู้

แต่ถ้าเขารู้ เหตุใดจึงยังไปกับไป๋โม่อีกเล่า

“ท่านพ่อตารู้ว่ากำลังทำอะไร เราเพียงแต่ต้องสนับสนุนเขา เราจะส่งข้อความไปหาเสี่ยวชีให้เขาช่วยดูแลท่านพ่อตา”

“เราทำได้เพียงเท่านั้น แล้วก็ยังมีท่านปู่ไกว้ที่ช่วยดูแลท่านพ่อได้” หนิงเมิ่งเหยานึกถึงท่านปู่ไกว้ที่อยู่ในเหมียวเจียงเช่นกัน

เฉียวเทียนช่างดึงมือหนิงเมิ่งเหยาไว้แล้วดึงให้เดินกลับเข้าบ้านด้วยกัน “เช่นนั้นก็กลับกันเถอะ”

“อืม”

หนานกงเยี่ยนตามไป๋โม่ออกไป ทันใดนั้นกลุ่มคนในชุดดำก็ปรากฏตัวขึ้นรอบด้าน สีหน้าหนานกงเยี่ยนเปลี่ยนไป เขามองไป๋โม่ที่อยู่ข้างกายแล้วนึกระแวงในใจ

ไป๋โม่ควบม้า ท่วงท่าราวดั่งภูต

“เยี่ยน เจ้าคิดว่าพวกมันต้องการอะไร” ไป๋โม่พึมพำราวกับกำลังคุยกับตัวเองแต่เขาก็ถามหนานกงเยี่ยนด้วย

หนานกงเยี่ยนชำเลืองมองไป๋โม่ “ไม่รู้เลย อาจกำลังตามข้ามา”

มุมปากไป๋โม่ยกยิ้ม ท่าทางพอใจกับคำตอบนี้

เหล่าชายในชุดดำเห็นพวกเขาคุยกันเองโดยที่ไม่สนใจพวกตนก็เดือดดาลขึ้นมา “ลงมือได้”

เมื่อเห็นชายในชุดดำไล่ตามมา หนานกงเยี่ยนก็พ่นลมเยาะ ข้อมือของเขาสั่น มีกระบี่อ่อนโผล่ขึ้นมาในมือ ใบมีดที่ขยับไหวสาดแสงแยงตา

ไป๋โม่มองยังกระบี่อ่อนในมือหนานกงเยี่ยน ดวงตาเขาเกิดประกายที่หายแวบไปในเวลาสั้นๆ

“เยี่ยน ระหวังข้างหลัง” ไป๋โม่พูดขึ้น

หนานกงเยี่ยนหรี่ตา เขากำลังจะหันไปดูแต่โดนฝ่ามือฟาดลงตรงกลางหลัง

หนานกงเยี่ยนรู้สึกสิ้นหวัง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนฟาดฝ่ามือนั้นลงมา

ฝ่ามือนั้นแทบคร่าชีวิตเขา

ไป๋โม่รีบลงจากม้ามายืนตรงหน้าหนานกงเยี่ยนที่อาการไม่สู้ดีนัก

“เยี่ยน เป็นอะไรหรือไม่”

“ข้าไม่เป็นไร” หนานกงเยี่ยนส่ายศีรษะ เขาพยายามจะขับไล่ความรู้สึกพร่าเลือนออกไป แต่ดวงตาเขาค่อยๆ ยอมจำนน วินาทีที่เขาหลับตาลง หนานกงเยี่ยนเห็นแววตาเป็นกังวลของไป๋โม่

“บัดซบ” โต๊ะเบื้องหน้าหนิงเมิ่งเหยาร้าว สีหน้าหญิงสาวเย็นยะเยือก

“พวกเจ้าว่าอะไรนะ พูดอีกครั้งซิ” หนิงเมิ่งเหยากัดฟันกรอด มองคนตรงหน้านางแล้วตวาด

คนที่นางส่งไปคุ้มกันหนานกงเยี่ยนต่างคุกเข่าอยู่บนพื้น พวกเขาไม่ใช่พวกไม่มีฝีมือ

“ท่านผู้สำเร็จราชการถูกเอาตัวไปขอรับ เราช้าไปก้าวหนึ่ง มีร่องรอยการต่อสู้ และมีชายชุดดำนอนตายอยู่”

หนิงเมิ่งเหยาเม้มปากแน่น สีหน้านางแย่มากทำให้เฉียวเทียนช่างที่อยู่ข้างกายนางเป็นกังวลมาก

“เหยาเหยา เจ้าอย่ากังวลไปเลย อีกฝ่ายเสี่ยงมาจับตัวท่านพ่อตาไปเช่นนี้ ต้องการตัวท่านพ่อตาไปด้วยจุดประสงค์บางอย่างแน่ ถ้าพวกนั้นอยากได้ประโยชน์จากเจ้า ย่อมต้องส่งข่าวมาในไม่ช้า” เฉียวเทียนช่างนั่งลงข้างหนิงเมิ่งเหยา เขาเอื้อมมือไปลูบหลังนางอย่างแผ่วเบา ไม่อยากให้นางคิดมากเกินไป

หนิงเมิ่งเหยาส่ายศีรษะ “ไม่มีทาง ข้าจะไม่นั่งรอเฉยๆ ส่งคนออกไปหาตัวเขาต่อให้ต้องพลิกทุกเมืองหาก็ตาม” นางไม่อยากเสียความรักของบิดาไป

“ขอรับ”

หลังจากที่พวกเขาออกไปแล้ว เฉียวเทียนช่างก็สวมกอดหนิงเมิ่งเหยาที่เป็นกังวลจนแทบหมดสติไว้ในอ้อมแขน เขากอดนางแน่น

“ท่านพ่อตาจะต้องไม่เป็นอะไร”