บทที่ 389 หนุ่มน้อย ช่วงนี้นายมีเคราะห์ด้านความรัก / บทที่ 390 ปกป้องและสนับสนุนอีกฝากหนึ่ง Ink Stone_Romance
บทที่ 389 หนุ่มน้อย ช่วงนี้นายมีเคราะห์ด้านความรัก
แค่กๆ ยังจะช่วยพวกเขาดูดวงอีกเหรอ?
เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยหวันหวั่น ทุกคนต่างแสดงอาการไร้คำจะพูด
เยี่ยหวันหวั่นจะทำท่าทางมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นอยู่ตรงนั้นก็ช่างเถอะ นี่ยังจะ “ปล่อยข่าวลือ” งมงายพวกเขาอีกเหรอ!
หลิวอิ่งข่มกลั้นอารมณ์โกรธแล้วเอ่ยขึ้นว่า “รบกวนคุณหนูเยี่ยระวังคำพูดด้วย เมื่อคืนผมก็แค่โชคไม่ดีเท่านั้น”
หนุ่มน้อยรูปร่างผอมตัดผมทรงสกินเฮดคนหนึ่งข้างกายหลิวอิ่งคาดว่าเป็นสาวกของหลิวอิ่ง เมื่อเห็นหัวหน้าทีมถูกหยามเกียรติ สีหน้าก็เริ่มไม่พอใจ “คุณหนูเยี่ย เรื่องแบบนี้อย่าเอามาล้อเล่นเลยจะดีกว่านะครับ!”
ตอนนี้เยี่ยหวันหวั่นกำลังอารมณ์ดีทีเดียว ก็เลยไม่ได้ถือสาหาความกับเขา เพียงแต่หันไปพิจารณาหนุ่มน้อยที่พูดแทรกขึ้นมา “นายชื่ออะไร?”
หนุ่มน้อยชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า “ซ่งจิ้ง!”
“อ๋อ…” เยี่ยหวันหวั่นพลันมองเขาให้มากอีกหน่อย ด้วยท่าทางชอบกล
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเขา…
“คุณหนูเยี่ยมีอะไรจะชี้แนะหรือเปล่าครับ?” ซ่งจิ้งรู้สึกว่าท่าทางที่เยี่ยหวันหวั่นมองเขานั้นน่าขนลุก
เยี่ยหวันหวั่นหลุบตาลง ยิ้มเล็กน้อยพลางยื่นมือออกมา ทำท่าทางนับนิ้วแล้วเงยหน้าขึ้นมองไปที่ซ่งจิ้งกล่าวว่า “เมื่อกี้ฉันดูดวงให้นาย! ได้ความว่า…”
“ได้ความว่าอะไรเหรอครับ?” ซ่งจิ้งพลั้งปากเอ่ยถามทันที
คนรอบข้างที่มามุงดูเรื่องสนุก แม้ว่าจะไม่สนใจแต่ก็หันไปมองเยี่ยหวันหวั่นด้วยอยากรู้ อยากดูว่าเธอจะพูดจาเหลวไหลอะไรอีก
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยขึ้นเนิบๆ ว่า “ได้ความว่า ช่วงนี้นายมีเคราะห์”
ทุกคนได้ยินดังนั้น แสยะมุมปากขึ้นเล็กน้อย มีเคราะห์อีกแล้วเหรอ? เปลี่ยนลูกไม้ใหม่หน่อยได้ไหมเนี่ย?
สีหน้าซ่งจิ้งไม่เปลี่ยน “เคราะห์อะไร?”
เยี่ยหวันหวั่นลูบคาง ไตร่ตรองคำพูด “อืม นับว่าเป็น…เคราะห์ด้านความรักละมั้ง…”
ทุกคนต่างตกตะลึง แอบคัดค้านอยู่ในใจ เคราะห์ด้านความรักคืออะไรกัน?
“ไม่ใช่โชคด้านความรักนะ แต่เป็นเคราะห์ด้านความรัก อีกทั้งเคราะห์ครั้งนี้อันตรายมาก!” เยี่ยหวันหวั่นทำท่าทางจริงจังราวกับเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง
สรุปจากความจำอันยอดเยี่ยมของเธอ ต่อให้จะเป็นคำไม่สำคัญสองสามคำของคนอื่นในชาติก่อน ขอเพียงเธอได้ยิน ก็จะจำได้อย่างแม่นยำ
เธอจำได้ว่านานหลังจากเรื่องนั้นเกิดขึ้นในชาติที่แล้ว ตอนที่บอดี้การ์ดหลายคนพูดคุยแก้เบื่อได้พูดถึงคนคนหนึ่งที่ชื่อซ่งจิ้งว่า ตอนที่อยู่ประเทศ B ถูกหนุ่มนักกล้ามต่างชาติคนหนึ่งต้องตาเข้า จนเกือบจะรักษาดอกเบญจมาศ[1]เอาไว้ไม่ได้ เรื่องราวค่อนข้างดุเดือดทีเดียว…
ตอนนี้เรื่องราวของหลิวอิ่งเป็นจริงแล้ว เกรงว่าดอกเบญจมาศของซ่งจิ้งก็คง…น่าเป็นห่วง…
เยี่ยหวันหวั่นลูบคาง น้ำเสียงมีเลศนัย “ทางฉันมีวิธีแก้นะ อยากจะให้ฉันเตือนนายสักหน่อยไหมล่ะ? ลดยี่สิบเปอร์เซ็นต์เลยนะ!”
ซ่งจิ้งสีหน้าดำคล้ำ “ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณคุณหนูเยี่ยที่เป็นห่วง”
เยี่ยหวันหวั่นทำท่าทางเป็นหนักใจ “ไม่ต้องจริงเหรอ? มันอันตรายมากจริงๆ นะ! อาจจะสร้างบาดแผลที่ใหญ่มากให้กับนายก็ได้นะ!”
แม้จะบอกว่าสุดท้ายไม่ได้สมดั่งใจ แต่จะต้องสร้างบาดแผลใหญ่และปมในจิตใจแน่ๆ…
ดูได้จากลั่วเฉินเป็นตัวอย่าง ปมเรื่องนี้สำหรับผู้ชายทั้งแท่งนั้นนักหนาขนาดไหน…
เห็นซ่งจิ้งไม่เชื่อ สายตาที่มองเยี่ยหวันหวั่นก็เหมือนกำลังมองคนโง่คนหนึ่ง เยี่ยหวันหวั่นจึงได้แต่ถอนหายใจด้วยความเสียดาย ไม่พูดอะไรอีก ทานอาหารเสร็จก็กลับไป
มองแผ่นหลังของเยี่ยหวันหวั่นที่เดินจากไป ซ่งจิ้งสบถออกมาด้วยสีหน้าหมดคำพูด “สมองของผู้หญิงคนนี้มีปัญหาหรือเปล่า?”
“ออกจะประหลาดอยู่สักหน่อย!” คนข้างกายส่ายศีรษะพลางหัวเราะอย่างขบขัน
“แต่ว่าเรื่องของหัวหน้าทีม เธอพูดถูกจริงๆ ด้วยนะเนี่ย” มีคนเอ่ยขึ้น
“เรื่องนั้นเธอก็แค่โชคดีเท่านั้นแหละ นายสมองมีปัญหาเหมือนกับเธอแล้วหรือไง? ยังมีเคราะห์ด้านความรักนั่นอีก อันตรายมากผิดปกติเหรอ? ไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดจาเหลวไหลอะไรอยู่กันแน่!”
……………………………………………
บทที่ 390 ปกป้องและสนับสนุนอีกฝากหนึ่ง
หลังมื้อเช้า คนทั้งกลุ่มเตรียมตัวเรียบร้อยพร้อมออกเดินทาง
เพียงพริบตาเวลาก็ผ่านไปสองวันแล้ว ตลอดการเดินทางเป็นไปอย่างเงียบสงบ ไม่มีสิ่งใดผิดปกติเลยสักนิด
ในครั้งนี้มีเพียงกองกำลังสองกลุ่มที่ติดตามมาด้วย กลุ่มหนึ่งคอยแอบซุ่มอยู่ ส่วนอีกกลุ่มออกสู่ที่แจ้งโดยมีหลิวอิงเป็นหัวหน้า
การเตรียมการในครั้งนี้ความจริงก็เต็มที่มากๆ แล้ว อย่างไรเสียด้วยตำแหน่งสถานะของซือเยี่ยหานในตอนนี้ จะมีใครหน้าไหนไม่กลัวตายกล้าเข้ามาทำรุ่มร่ามบนหัวของพยัคฆ์ร้ายได้?
ดังนั้นสำหรับการเดินทางของซือเยี่ยหานครั้งนี้ จึงถูกมองว่าเป็นการเดินทางเพื่อคุยธุรกิจแบบปกติก็เท่านั้น ไม่มีใครรู้สึกว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้
มีแต่เยี่ยหวันหวั่นที่ยิ่งเข้าใกล้จุดมุ่งหมายมากเท่าไร หัวใจของเธอก็ยิ่งบีบรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ
เดิมทีการจัดกองกำลังแบบนี้ ไม่น่าจะมีอันตรายก็จริง แต่ใครจะคาดคิด คนที่เข้ามาจะเป็นคนของแก็งค์ไหน…
บนรถ
เยี่ยหวันหวั่นแอบชำเลืองชายหนุ่มข้างกายที่มีสีหน้าค่อนข้างซีดขาว พลันเอ่ยถาม “ที่รักคะ คุณแน่ใจแล้วเหรอว่าจะไม่เพิ่มกำลังคนอีกสักหน่อย? ฉันใจคอไม่ดี รู้สึกว่าจะต้องเกิดเรื่องแน่! คุณเชื่อฉันเถอะ! ลางสังหรณ์ของฉันแม่นมากเลยนะ!”
สองวันมานี้เยี่ยหวันหวั่นพูดคำพูดเดียวกันนี้ไม่รู้กี่รอบ
แม้เธอจะรู้ว่าการจัดวางกำลังคนในตอนนี้เป็นระดับสูงสุดแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจวางใจได้สักที
ซือเยี่ยหานฟังอยู่บ่อยครั้งขนาดนั้น ก็ยังไม่มีสีหน้าหงุดหงิดรำคาญแต่อย่างใด เหล่มองหญิงสาวแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ยื่นแขนออกมาโอบเธอเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง
กอดอันอบอุ่นได้โอบรัดเธอเอาไว้ พร้อมกับฝ่ามือที่ลูบแผ่นหลังของเธอเบาๆ
เยี่ยหวันหวั่นอึ้งชะงัก หัวใจดวงน้อยที่กำลังว้าวุ่นพลันสงบลงไปทันที
เธอเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นชายหนุ่มมือหนึ่งถือเอกสาร ส่วนอีกมือหนึ่งยังคงรักษาท่ากอดปลอบใจเธอไว้ในอ้อมแขน ราวกับให้การปกป้องและสนับสนุนเธอออยู่อีกฝากหนึ่ง
ด้วยความอึ้งตะลึง
ถูกชายหนุ่มกอดไว้ในอ้อมแขนราวกับกำลังปลอบเด็กน้อย ความรู้สึกของเยี่ยหวันหวั่นสับสนเป็นที่สุด
ผู้ชายคนนี้ จะพูดว่าเขาอีคิวต่ำ แต่บางทีก็เปิดกว้างขึ้นมาอย่างฉับพลันเลยทีเดียว
ท้องฟ้ายามค่ำคืน รถเคลื่อนที่มาถึงยังเมืองถัดมา
ทุกคนเข้าพักยังโรงแรมใกล้เคียง
ช่วงดึก ซือเยี่ยหานยังคงประชุมอยู่กับผู้บริหารชั้นสูง ส่วนเยี่ยหวันหวั่นนอนไม่หลับอยู่ในห้องนอนคนเดียว
จึงลุกพรวดขึ้นมา แล้วไปหาสวี่อี้
“คุณหนูเยี่ย ดึกขนาดนี้ทำไมยังไม่นอนอีกครับ?”
“นอนไม่หลับ จิตใจวุ่นวายไม่เป็นสุข…” เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจ พลางเอ่ย “สวี่อี้ นายไปเกลี้ยกล่อมให้ซือเยี่ยหานเปลี่ยนแผนได้ไหม?”
หากว่าฝ่ายตรงข้ามตั้งใจกำหนดเป้าหมายเป็นซือเยี่ยหานล่ะก็ ต่อให้จะเปลี่ยนแผนก็อาจจะหลบไม่พ้น แต่ไม่แน่ว่าผลจากการเปลี่ยนแผนอาจทำให้มีการเปลี่ยนแปลงก็ได้? ต้องดีกว่าปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามวิถีของชาติก่อน…
สวี่อี้ก็รู้ว่าช่วงหลายวันมานี้เยี่ยหวันหวั่นคอยแต่กวนนายท่านของตน บอกจะมีอันตรายอะไรเหล่านี้ เมื่อได้ยินเช่นนี้จึงเอ่ยไปอย่างจนปัญญา “คุณหนูหวันหวั่น ขนาดคุณยังเกลี้ยกล่อมไม่ได้ ให้ผมไปเกลี้ยกล่อมจะสำเร็จอะไร!”
สวี่อี้พูดจบก็เอ่ยปลอบใจ “คุณหนูหวันหวั่น คุณน่าจะเครียดเกินไปแล้ว การเดินทางในครั้งนี้ปลอดภัยอย่างมาก ไม่มีทางเกิดเรื่องอะไรอย่างแน่นอน คุณกลับไปพักผ่อนเถอะครับ หรือจะลงไปทำสปาข้างล่างให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นบ้าง พวกเราจะไปถึงที่หมายอย่างช้าที่สุดก็คืนวันพรุ่งนี้ครับ!”
“เหอะ มีอันตราย? นี่เป็นเรื่องที่คุณหนูเยี่ยทำนายอีกแล้วใช่ไหม?”
สวี่อี้เพิ่งจะพูดจบ ก็มีเสียงของหลิวอิงดังมาจากทางด้านหลัง
เยี่ยหวันหวั่นไม่มีอารมรณ์มาทะเลาะกับเขา จึงมองเขาด้วยสายตาเย็นชาพลางกล่าว “ใช่แล้วจะทำไม?”
สีหน้าของหลิวอิงแย่ลงไป พลันเอ่ยโต้ตอบ “คุณหนูเยี่ย เพราะคุณเป็นคนของนายท่านหรอกนะ ผมถึงให้ความเคารพคุณ แต่ถ้าหากคุณคิดจะทำอะไรที่เป็นการทำร้ายหรือคุกคามนายท่าน อย่ามาหาว่าผมไม่เตือนก็แล้วกัน ตลอดหลายวันมานี้คุณเอาแต่พูดเรื่องไร้สาระ บั่นทอนขวัญกำลังใจ ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อทุกคนแล้ว ขอให้คุณช่วยระมัดระวังคำพูดและการกระทำด้วย!”
…………………………………
[1] ดอกเบญจมาศ เป็นคำแสลง หมายถึง รูตูด