ตอนที่ 267 สองมหาวิทยาลัยช่วงชิงคน เชิญร่วมงานเลี้ยง

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

นายท่านเฉิงพูดขึ้นหนึ่งคำว่า “โจวซาน” อีกฝ่ายหนึ่งไม่ทันพูดจบก็หยุดพูดไปทันที

ต่างฝ่ายต่างรู้สึกว่าเสียงของอีกคนช่างคุ้นหูอย่างยิ่ง

“คุณเฉิงหรือ” โจวซานที่อยู่อีกฝั่งของสายอึ้งไปชั่วครู่

ทั้งสองคนต่างเงียบงัน

 หนึ่งวินาทีหลังจากนั้น โจวซานก็รีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “ขอโทษที คุณเฉิง ฉันโทรผิด”

ทั้งสองฝ่ายวางหูโทรศัพท์

นายท่านเฉิงใช้นิ้วเคาะที่โต๊ะ รู้สึกว่ามีบางอย่างที่ไม่ค่อยถูกต้อง

เมื่อครู่ตอนที่อยู่ชั้นบน โจวซานพูดเองแท้ๆว่าจะติดต่อกับจอหงวนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีนี้ นาทีต่อมาก็โทรศัพท์เข้าโทรศัพท์ที่ชั้นล่าง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งโจวซานพูดว่านักเรียนฉินหร่าน

นายท่านเฉิงมองไปทางฉินหร่านทีหนึ่ง เขาย่อมรู้ดี…

เด็กคนนั้นก็คือฉินหร่าน

อีกด้านหนึ่ง ที่มหาวิทยาลัยเมืองหลวง

โจวซานวางสายโทรศัพท์ แล้วรีบหยิบเอกสารขึ้นมาเปิดอย่างรีบร้อน

คนที่อยู่ข้างกายร้องเรียกเขา “อธิการบดี?”

“ไม่มีอะไร ฉันเผลอโทรหาคุณเฉิง”

โจวซานส่ายหน้า จากนั้นก็ตรวจสอบหมายเลขที่กรอกไว้ในเอกสาร จากนั้นก็ดูบันทึกการโทรออก มือของเขาเกร็งขึ้นมา

เขาคิดว่าตัวเองเบลอถึงได้ไม่ทันระวังกดโทรออกไปหาคุณเฉิงที่เพิ่งกดวางสายไป

แต่เมื่อเขาได้ดูบันทึกโทรออก เบอร์โทรบ้าน ชื่อเมืองอวิ๋นเฉิง ก็ไม่ได้แตกต่างกับตัวเลขบนเอกสารในมือที่เขาได้มาอย่างยากเย็น

เขาไม่ได้โทรผิด

มันคือช่องทางติดต่อที่เด็กนักเรียนกรอกเอาไว้

แต่ทำไมคุณเฉิงถึงได้เป็นคนรับโทรศัพท์ ในหัวของโจวซานก็นึกถึงคำว่า “เด็กในบ้าน” ที่นายท่านเฉิงพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

เขาในตอนนี้ไม่แม้แต่จะคิด หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วโทรเข้าเบอร์บ้านโดยตรง

โทรครั้งที่หนึ่งไม่ติด

 โทรครั้งที่สองไม่มีคนรับสาย

โจวซานโทรออกครั้งที่สามโดยหน้าไม่เปลี่ยนสี

ในครั้งที่สามดึงดันจนตอนที่ตัวเขากำลังจะวางสาย ในที่สุดก็มีคนรับสาย

ที่เมืองอวิ๋นเฉิง นายท่านเฉิงนั่งอยู่บนโซฟาแล้ว เลื่อนสายตาที่มองไปทางฉินหร่านกลับมา “คุณโทรมาทำไมอีกหรือ”

โจวซานตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะหยอกล้อกับเขา เขาพูดขึ้นตรงๆ ด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เด็กในบ้านที่คุณเพิ่งบอกผมคือฉินหร่านใช่ไหม อยู่ที่อวิ๋นเฉิงใช่ไหม”

“ใช่” นายท่านเฉิงท่าทีหนักแน่น

โจวซาน “…”

เขากลั้นใจอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็ยื่นมือไปเคาะที่โต๊ะหนึ่งที “เรื่องก่อนหน้านี้ที่คุณพูดกับผม ผมตกลงแล้ว อีกเรื่องหนึ่ง ค่าใช้จ่ายในการเข้าเรียนได้รับการยกเว้น และทุกปีจะมีทรัพยากรต่างๆ รวมไปถึงทุนการศึกษาให้ด้วย!”

มือที่วางพาดอยู่บนโต๊ะของนายท่านเฉิงเกร็ง แต่น้ำเสียงของเขายังฟังดูสบายอารมณ์เหมือนแต่ไหนแต่ไร “ขอโทษนะ ฉันต้องคิดดูก่อน ก่อนหน้านี้ที่คุณจะโทรศัพท์มา อธิการมหาวิทยาลัย A เพิ่งจะโทรศัพท์หาฉัน”

คำพูดนี้ ทำให้โจวซานแทบจะกระอักเลือดออกมา “คุณยังจะต้องคิดอะไรอีก?!”

“อย่างไรเสียตอนแรกคุณก็ไม่ได้อยากให้เธอเข้ามหาวิทยาลัยอยู่แล้ว” นายท่านเฉิงพูดต่อ

โจวซานแทบจะขาดใจตายให้ได้ ใครจะรู้ว่านายท่านเฉิงจะเล่นลูกเล่นเช่นนี้ ทั้งที่เด็กในบ้านคนนั้นสอบได้คะแนนดีมากถึงเพียงนี้ แต่เขากลับหาทางใช้เส้นสาย ใช้เส้นใช้สายก็ช่างเถอะ แถมยังเรียกร้องอย่างหนักข้อ แล้วจะให้โจวซานจะตอบรับอย่างยินดีได้อย่างไร

คราวนี้โจวซานขมขื่นแต่ก็พูดไม่ออก ได้แต่พูดกล่อมด้วยน้ำเสียงเล็กๆ อ่อนหวาน

“ถ้าเช่นนั้นคุณเฉิง คุณจะค่อยๆ คิดดูก่อนใช่ไหม คิดเสร็จแล้วจะโทรศัพท์หาผมใช่ไหม” โจวซานเกร็ง

ทั้งสองคนวางสายโทรศัพท์

สายตาของนายท่านเฉิงมองไปทางฉินหร่าน

ฉินหร่านอยากทำเป็นมองไม่เห็น แต่สายตาของนายท่านเฉิงนั้นชัดเจนอย่างมาก เธอเอามือเท้าคาง อดไม่ได้ที่จะตะแคงศีรษะ มองไปยังนายท่านเฉิง แล้วเธอก็เก็บมือที่เท้าคางนั้นกลับ

“เธอดูคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วหรือยัง” นายท่านเฉิงถามขึ้น

“ยังค่ะ” ฉินหร่านเองก็นึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้

“อืม” นายท่านเฉิงพยักหน้า เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงน่าเกรงขาม “ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปตรวจสอบเสียเถอะ”

พ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างกายเขาได้ยินนายท่านเฉิงพูดเช่นนั้น ก็รีบใช้สายตาส่งสัญญาณให้กับนายท่านเฉิง บอกให้เขาอย่าได้พูดถึงเรื่องที่จะทำให้คุณหนูฉินเสียใจอีก

เฉิงมู่และลู่จ้าวอิ่งเองก็หน้าเปลี่ยนสี

“คุณเฉิง ได้ยินว่าท่านมาดูทิวทัศน์…” ลู่จ้าวอิ่งลุกขึ้นจากเก้าอี้ ยิ้มขึ้นหนึ่งที “ไม่รู้ว่าท่านมีที่ที่อยากไปเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ ผมพาท่านไปได้นะ”

“ผมวางแผนเส้นทางไปเรียบร้อยแล้ว” พ่อบ้านพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว เขามองไปที่นายท่านเฉิงและฉินหร่าน “คุณหนูฉิน คุณอยากออกไปพักผ่อนสักหน่อยไหม เอาแต่อยู่ในบ้านตลอดจะอึดอัดเอาง่ายๆ นะครับ”

นายท่านเฉิงมองไปที่พ่อบ้านเฉิงหนึ่งทีด้วยสีหน้าตามปกติ “เรื่องไปเที่ยวไม่รีบ ไปตรวจสอบคะแนนก่อนเถอะ”

ตรวจสอบคะแนนอีกแล้ว

พ่อบ้านเฉิง “…” ท่านช่างเป็นตาแก่หัวแข็งเสียจริง

พอดีจังหวะเดียวกันนั้นเอง โทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น นายท่านเฉิงอยู่ไกลจากโทรศัพท์ พ่อบ้านเฉิงจึงเดินเข้าไปรับสาย “สวัสดีครับ”

ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งพูดอะไร

ลู่จ้าวอิ่งได้แต่มองไปที่สีหน้าที่นิ่งทื่อไปของพ่อบ้านตระกูลเฉิง สักครู่ใหญ่เขาก็พูดขึ้นด้วยเสียงทื่อๆ ว่า “ครับ” สุดท้ายก็พูดขึ้นอีกคำว่า “ผมจะลองถามดู”

วางสายโทรศัพท์ลง

พ่อบ้านตระกูลเฉิงก็หันกลับมา

ลู่จ้าวอิ่งมองเขาปราดหนึ่ง ท่าทีประหลาดอย่างยิ่ง “พ่อบ้าน ใครโทรมาหรอ คุณเป็นอะไรไป ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

พ่อบ้านเฉิงมองทื่อๆ ไปยังลู่จ้าวอิ่งหนึ่งที “เป็นสายของอธิการบดีมหาวิทยาลัย A ถามว่าคุณหนูฉินอยากจะเข้ามหาวิทยาลัย A ไหม”

“อธิการบดีมหาวิทยาลัย A หรอ” ลู่จ้าวอิ่งตัวดีดขึ้น จากนั้นก็มองไปที่ฉินหร่าน เขาราวกับนึกอะไรออก “แม่เจ้าโว้ย ฉินหร่านเธอสอบได้คะแนนเท่าไหร่ รีบหาเร็ว ! รีบหาเร็ว !”

ถึงกับทำให้อธิการบดีมหาวิทยาลัย A โทรมาเชียวนะ !

ลู่จ้าวอิ่งย่อมรู้ได้ทันที ปีที่แล้วสองมหาวิทยาลัยในเมืองหลวงแย่งนักเรียนคนหนึ่งกันแบบเอาเป็นเอาตาย

“ไม่ต้องแล้ว” เฉิงเจวี้ยนมองพวกเขา โยนโทรศัพท์ในมือไปบนโต๊ะ แล้วพูดว่า “ฉันตรวจสอบดูแล้วเรียบร้อย”

เมื่อครู่ระหว่างทางกลับมาที่คฤหาสน์กับนายท่านเฉิง เฉิงเจวี้ยนก็ได้ตรวจสอบคะแนนของฉินหร่านแล้วเรียบร้อย

หน้าเว็บไซต์ในโทรศัพท์ของเขา กำลังเปิดหน้าตรวจสอบคะแนนนั้นพอดี

ผู้สอบ: ฉินหร่าน

ภาษาจีน: 147

คณิตศาสตร์: 150

ภาษาอังกฤษ: 150

วิทยาศาสตร์: 300

คะแนนรวม: 747

อันดับระดับเมือง: 1

ลู่จ้าวอิ่ง “…”

พ่อบ้านเฉิงใจร้อนเป็นพิเศษ เขาเข้ามาดู “คะแนนสอบของคุณหนูฉิน…”

นายท่านเฉิงไม่ได้พูดอะไร ยืนเอามือไพล่หลังสงบนิ่งอยู่ที่เดิม รออยู่สักพักใหญ่ ลู่จ้าวอิ่งและพ่อบ้านเฉิงก็นิ่งเงียบไป

เขากระแอมหนึ่งที ทั้งสองคนยังคงไม่ได้สติกลับคืน

นายท่านเฉิงรู้สึกทนไม่ไหว

เดินเข้าไปที่นั่นอย่างใจเย็น แล้วมองไปที่โทรศัพท์มือถือที่วางแผนอยู่บนโต๊ะอย่างใจเย็น นายท่านเฉิง “…”

**

เพราะด้วยคะแนนของฉินหร่านเมื่อก่อน เดิมทีลู่จ้าวอิ่งและคนอื่นๆ จึงไม่กล้าพูดถึงเรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัย

ตอนนี้คะแนนสอบของฉินหร่านเป็นเช่นนี้ ในคืนวันนั้นพวกเขาได้เอาแผนการฉลองที่เพิ่งจะรื้อออกไปกลับมาอีกครั้ง

ลู่จ้าวอิ่งถือโทรศัพท์มือถือ ทำการติดตั้งแบนเนอร์และโฆษณาใหญ่ใจกลางเมืองขึ้นใหม่

พ่อบ้านเฉิงและเฉิงมู่กำลังเพิ่มรายชื่อแขกที่เข้าร่วมในคืนนี้อย่างกะทันหัน

ถึงแม้ว่าจะเป็นการแจ้งกะทันหัน แต่คนมาร่วมก็ไม่น้อย โดยรวมแล้วต่างรู้ถึงสถานะของฉินหร่าน ต่อให้ไม่มีเวลาก็ต้องหาเวลามาให้ได้

“มีคนเยอะถึงขนาดนี้เลยหรอ” นายท่านเฉิงมองไปที่รายชื่อยาวในมือของพ่อบ้านเฉิง แล้วพูดขึ้นอย่างแปลกใจ

“คุณหนูฉินมีเพื่อนร่วมชั้นเยอะครับ” พ่อบ้านเฉิงมอง ที่เห็นอยู่ตรงหน้าส่วนใหญ่เป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉินหร่าน

สำหรับเรื่องนี้เขาได้ถามความคิดของฉินหร่าน ห้องเก้าครั้งนี้สอบได้คะแนนดีมาก โดยรวมแล้วไม่มีใครผิดพลาดใหญ่โต ล้วนแต่เกินความคาดหมายของตนเอง  ดังนั้นเธอจึงชวนเพื่อนร่วมชั้นส่วนใหญ่มา

พ่อบ้านเฉิงเตรียมห้องวีไอพีสองห้อง อีกห้องหนึ่งเป็นห้องใหญ่ติดตั้งอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงไว้จึงจัดให้เหล่านักเรียนได้เข้าไปเล่นกัน อีกห้องหนึ่งห้องเล็กกว่าหน่อยก็จัดให้พวกผู้ใหญ่จากเจียงหุยได้รับประทานอาหารคุยเล่นกัน

นายท่านเฉิงเอามือไขว้หลัง มองที่อยู่ที่อยู่ด้านบน ระบุว่าเป็นโรงแรมอวิ๋นติ่ง เขาพยักหน้า “ดูซิว่ามีชื่อคนไหนและสถานที่ไหนตกหล่นหรือเปล่า”

พ่อบ้านเฉิงพลิกไปอีกหน้าหนึ่ง ด้านหลังเป็นผู้คนของเจียงหุย

นายท่านเฉิงเอามือไพล่หลังเดินจากไปแล้ว สีหน้าดูหนักแน่น

พ่อบ้านเฉิงมองไปที่นายท่านเฉิง อีกฝ่ายกำลังขาสั่น…

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง

ตระกูลหลินกำลังเตรียมจะฉลอง

ฉินอวี่ครั้งนี้สอบได้หกร้อยสี่สิบเก้าคะแนน เป็นอันดับที่หนึ่งพันเก้าของเมือง อันดับที่สิบเก้าของโรงเรียน เป็นเพราะเธอหยุดพักการเรียนเป็นเวลาครึ่งปี ในระหว่างครึ่งปีนั้นก็ได้เรียนไวโอลิน นับว่าเป็นคะแนนที่ไม่เลวเลยทีเดียว

เกินความคาดหมายของผู้คนทั้งหมดในตระกูลหลิน

หนิงฉิงท่าทีปลาบปลื้มยินดี ครั้งแรกก็โทรศัพท์หาหนิงเวย บอกคะแนนสอบครั้งนี้ของฉินอวี่ให้เธอรู้ และอยากร่วมรับประทานอาหารสนุกสนานกับคนที่บ้านกันสักครั้ง จากนั้นหลังจากหนิงเวยพูดแสดงความยินดีแล้ว ก็บอกว่าคืนนี้ไม่มีเวลา

มีอะไรที่สำคัญกว่าเรื่องงานเลี้ยงฉลองสอบเข้ามหาวิทยาลัยครั้งนี้ของฉินอวี่อีกหรือ

หนิงฉิงเม้มปาก เธอวางสายโทรศัพท์ แต่สีหน้าไม่ดีเอาอย่างมาก

“แม่ เป็นอะไรไป” ฉินอวี่ถามขึ้น

หลายวันมานี้ด้วยเรื่องของตระกูลเมิ่ง ตระกูลหลินทั้งบ้านต่างปกคลุมไปด้วยความอึมครึม ไม่ง่ายเลยที่จะมีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้น หนิงฉิงไม่อยากบอกว่าหนิงเวยทำลายบรรยากาศเพียงใด เธอส่ายหน้า “ไม่มีอะไรหรอก หนูลองดูก่อนว่ามีเพื่อนร่วมชั้นคนไหนที่ยังไม่ได้เชิญ”

การสอบครั้งนี้ของฉินอวี่ก็ดีมาก ในใจรู้สึกยินดี เธอพยักหน้า แล้วไม่ได้ถามอะไรต่ออีก หนิงเวยจะมาหรือไม่นั้น เธอไม่ได้สนใจเลย

ทั้งสองตระกูลวางแผนจัดงานเลี้ยงขึ้นในเวลาเดียวกันที่โรงแรมอวิ๋นติ่งโดยไม่ได้นัดหมาย