บทที่ 26 เจ้าทำข้าเสียนิสัยหมดแล้ว! (4) โดย Ink Stone_Romance
ทางด้านนี้เอง ฉู่สวินหยางกับฉู่เยว่หนิงต่างก็แยกย้ายกันไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
ชุดที่ใส่ในพิธีสาบานตนเมื่อครู่นั้น เป็นชุดออกงานที่สั่งทำพิเศษขึ้นมาเพื่อการณ์นั้นโดยเฉพาะ จึงดูไม่เหมาะสมที่จะใส่ไปร่วมงานเลี้ยงฉลองสักเท่าไร
ฉู่สวินหยางเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงสีเหลืองอ่อน ด้วยความที่เป็นงานเลี้ยงฉลอง ชุดกระโปรงชุดนั้นเลยมีความซับซ้อนอยู่เล็กน้อย กระโปรงยาวพลิ้วไหว เดินหนึ่งทีกระโปรงก็สะบัดขึ้นสวยงาม
ลมโชยมาอย่างไม่คาดคิด ชายกระโปรงก็ถูกพัดลอยล่องขึ้นมาทันใด มันช่างเหมือนกับดอกอิ๋งชุน[1] ที่บานสะพรั่งอยู่ในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิเลยก็ไม่ปาน ช่างดูเย้ายวนทำให้คนที่เห็นรู้สึกตื่นตาตื่นใจเหลือเกิน
เหยียนหลิงจวินยืนรอนางอยู่ที่ระเบียงที่นางต้องเดินผ่านตอนขากลับแน่ๆ ตรงนั้น เขามองเห็นนางตั้งแต่ไกลๆ นางหันมองซ้ายทีขวาทีด้วยท่วงท่าอันสง่างดงามยิ่ง ถึงแม้นางจะอยู่ในสวนของจวนตัวเองก็ตาม นางก็ยังเดินชื่นชมทิวทัศน์ข้างทางไม่หยุดเหมือนกับเด็กน้อย
ฉู่สวินหยางเดินเข้ามาใกล้ ถึงค่อยเห็นเขายืนรออยู่ ฝีเท้าของนางหยุดชะงักลง เมื่อเห็นว่ารอบด้านไม่มีผู้ใดอยู่ นางก็รีบเดินเข้าไปหาเขา “เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”
“เจ้าคิดว่าข้ามาได้อย่างไรเล่า?” เหยียนหลิงจวินถามกลับ ยกมือจะลูบหน้านางอย่างเคยชิน
แต่ฉู่สวินหยางเดินถอยหลังหนึ่งก้าวอย่างระวัง แล้วยิ้มตาหยีมองเขาพลางพูดว่า “มีธุระอะไรเหรอ?”
เหยียนหลิงจวินเห็นนางปฏิเสธจึงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ช่วยไม่ได้ เขาเลยเก็บมือนั่นลงไปไพล่เอาไว้ที่หลัง “ช่วงนี้จางอวิ๋นเจี่ยนไปวัดก่วงเหลียนอยู่บ่อยๆ ดูท่าฉู่หลิงอวิ้นคงโดนเขาจัดการจนอยู่หมัดแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ละก็…ทางฝั่งฉู่ฉีเหยียนเองก็น่าจะปิดบังไว้ได้ไม่นานนัก ข้าเลยมาบอกเจ้ารู้ไว้ก่อนน่ะ”
เดิมทีที่นางไม่ได้ข่าวฉู่หลิงอวิ้นกับจางอวิ๋นเจี่ยนแตกหักกัน นางก็รู้สึกแปลกใจอยู่ก่อนแล้ว แต่ภายหลังนางเบนความสนใจไปที่การสู้รบของชายแดนทางเหนือจนหมด เลยลืมเรื่องนั้นไป
ครั้นตอนนี้ได้ยินเขาบอกแบบนั้น นางก็รู้สึกประหลาดใจ หยุดชะงักไปพักใหญ่ “เจ้าจะบอกว่า…”
เหยียนหลิงจวินกระแอมไอออกมาอย่างกระอักกระอ่วน แล้วรีบเปลี่ยนเรื่องคุย “สกุลจางเล่นแง่อะไรกับเราไม่ได้อีกแล้ว แต่ตอนนี้ฉู่หลิงอวิ้นยังปิดปากอยู่แบบนี้ มันดูไม่ใช่นิสัยของนางเลย ข้ากลัวว่านางวางแผนจะทำอะไรอยู่ เพราะงั้นเจ้าต้องระวังตัวไว้หน่อยนะ”
จางอวิ๋นเจี่ยนไม่กล้าฆ่าใครหรอก ถึงจะโมโหแค่ไหนเขาก็ไม่กล้าอยู่ดี
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ฉู่สวินหยางคาดการณ์ได้ แต่เดิมทีนางคิดว่าฉู่หลิงอวิ้นจะยอมแพ้ ไม่คิดว่านางจะอดทนไม่ยอมปริปากพูดได้มากถึงขนาดนี้
นี่มัน…
ช่างไม่เหมือนนิสัยของผู้หญิงคนนั้นเอาซะเลย
แต่อย่างไรก็แล้ว ประเด็นนี้คุยไปก็ยิ่งทำให้นางรู้สึกกระอักกระอ่วนมากขึ้น ฉู่สวินหยางก็เพียงแค่พยักหน้าเบาๆ
“อืม ข้ารู้แล้ว”
“งั้นไปกันเถอะ งานเลี้ยงฉลองใกล้จะเริ่มขึ้นแล้วเหมือนกัน!” เหยียนหลิงจวินยิ้ม เบี่ยงตัวเปิดทางให้นางเดิน
ทว่าฉู่สวินหยางกลับไม่ขยับตัว นางขมวดคิ้วมองหน้าเขา
ถึงแม้จะบังเอิญเจอกันระหว่างทาง แต่ถ้าทั้งสองคนปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันต่อหน้าสาธารณชนมันคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไร
เหยียนหลิงจวินอ่านใจนางออก เขาเลยถือโอกาสตอนที่รอบข้างไม่มีคนอยู่เดินขึ้นหน้าไปหนึ่งก้าว จากนั้นโอบเอวนางแล้วกระโดดข้ามเข้าไปในสวน ย่อตัวลงต่ำเข้าไปแอบซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้
ในระหว่างที่เขากำลังจะก้มลงจูบ ฉู่สวินหยางเอียงคอหลบเล็กน้อย ทำให้ปากของเขาจูบลงบนคอนางไปเสียได้ ฉู่สวินหยางหัวเราะจั๊กจี๋เอ่ยถามเสียงเบา “ทำอะไรน่ะ?”
เหยียนหลิงจวินซุกหน้าอยู่ในซอกคอสูดดมกลิ่นหอมจางๆ แล้วหัวเราะออกมาเบาๆ จากนั้นแล้วเมื่อได้สบตานาง จึงเอ่ยอย่างจริงจังท่าทางขึงขังว่า “เข้าร่วมพิธีสาบานตนว่าโตเป็นสาวอย่างไรเล่า!”
พูดยังไม่ทันจบดี เขาก็ก้มศีรษะลงไปประกบเข้ากับริมฝีปากของนางอีกหน
วันนี้ถือว่าเป็นวันที่พิเศษกว่าวันอื่นนัก หากมีคนยินดีแบ่งปันเรื่องราวดีๆ กับนางก็นับว่าดีเหมือนกัน
เมื่อเห็นว่าฉู่สวินหยางเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ นางกอดคอรั้งกายเขาเข้าหา ซ้ำยังตอบรับจูบเขาด้วยท่าทีเก้ๆ กังๆ
ทุกครั้งที่นางพยายามรุกใส่เขา เหยียนหลิงจวินทั้งรู้สึกขำขันโมโหและตลกในเวลาเดียวกัน แต่นานๆ ทีนางอุตส่าห์ยอมให้ความร่วมมือกับเขาอย่างง่ายดายแบบนี้ เขาเองเลยจะต้องคิดอะไรมาก
ในสายตาของฉู่สวินหยาง การตอบรับเขาไปเช่นนี้เหมือนนางกำลังล้อเล่นกับหัวใจของตัวเอง ลิ้นและริมฝีปากของพวกเขาพัวพันกันอย่างมิรู้เบื่อ ไม่ว่าอย่างไรต้องมีผู้ชนะก่อนพวกเขาถึงจะยอมเลิกรา
ครั้งก่อนพวกเขาคลอเคลียกันจนเกือบปลุกเร้าอารมณ์ของเหยียนหลิงจวินขึ้นมา ครั้งนี้เขาเลยระมัดระวังเป็นอย่างมาก พยายามใช้สติควบคุมอารมณ์เอาไว้ พยายามจัดการให้เสร็จอยู่หมัดก่อนที่เขาจะเสียสติสัมปชัญญะไป
เมื่อเขาลืมตาขึ้นมา กลับพบว่านางกำลังยิ้มย่องมองมาที่เขาด้วยแววตาส่องประกาย
เมื่อทั้งสองคนสบตากัน นางรุดสวมกอดเขา แล้วซุกหน้าลงไปบนไหล่ของอีกฝ่าย
เขายกสองมือโอบเอวนางเอาไว้ หางตามองเห็นว่าตรงข้ามมีข้ารับใช้สองคนเดินเข้ามา เขาเลยรีบหันกลับแล้วพานางไปแอบอยู่ด้านหลังต้นไม้ใหญ่ จากนั้นหันกายพิงต้นไม้เอาไว้แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ พยายามควบคุมไม่ให้หายใจไวเกินไป
ฉู่สวินหยางซุกหน้าอยู่ในอ้อมกอดของเขาอยู่สักพัก นางเงยหน้าเกยคางบนอกลืมตาขึ้นมาอย่างไม่คิดจะสนใจ ใช้นิ้วมือเกี่ยวปอยผมของเขาเล่น
เหยียนหลิงจวินอุ้มนางเอาไว้อยู่ตลอดเวลาไม่คลายมือ ร่างกายของทั้งสองคนอิงแอบแนบชิดกัน ทำให้นางได้กลิ่นยาสมุนไพรจีนอ่อนๆ บนตัวของเขา ส่วนจมูกของเขาเองก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมหวานของนาง
เหยียนหลิงจวินเห็นท่าทางนางไม่ค่อยดีใจเท่าไร เขาจึงก้มศีรษะมอง “ทำไมเหรอ? ไม่ดีใจงั้นรึ?”
ฉู่สวินหยางเม้มปาก ไม่ตอบว่าใช่แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร นิ่งเงียบอยู่นานจนเงยหน้าสบตาเขา แล้วพูดว่า
“พวกเราทำแบบนี้…มันไม่ค่อยดีหรือเปล่า?”
เมื่อก่อนนางไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนี้เลย แต่เมื่อเกิดเรื่องขึ้นกับหลัวอวี่ก่วนและฉู่หลิงอวิ้นเข้า นางก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาพอสมควร
เหยียนหลิงจวินเองเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา จากนั้นก็เอ่ยปากเห็นด้วย
“มันก็ไม่ค่อยดีเท่าไรนั่นแหละ” เขาพูดตอบ ฝืนกลั้นยิ้มเอาไว้ จ้องมองหน้านางอยู่นานสองนาน
เมื่อฉู่สวินหยางสบตากับเขา นางขมวดคิ้วขึ้นแล้วเปลี่ยนเป็นถลึงตามองเขาแทน จากนั้นยกมือผลักดันเขาออกห่างตัว
สถานการณ์ตอนนี้คือ…
เขาอยากสู่ขอให้รู้แล้วรู้รอด แต่นางกลับไม่ยอมแต่ง!
คนที่จำเป็นต้องแก้ไขปัญหานั้นคือตัวนางนั่นแหละ
เหยียนหลิงจวินไม่เคยยอมรับว่าตัวเองเป็นคนนิสัยดี แต่เมื่ออยู่ต่อหน้านางแล้ว เขากลับมีความอดทนมากอย่างน่าประหลาดใจ
เขารวบเอวกอดนางไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เกยคางไว้บนศีรษะของอีกฝ่าย ส่ายศีรษะเล็กน้อย “หากเจ้าคิดว่าตอนนี้ยังไม่อยากแบกรับภาระนั้น ก็ไม่เป็นไรหรอก ไม่ว่าจะนานสักเท่าไร ข้าก็รอเจ้าได้เสมอ แต่ว่า…”
เขาพูดพลางแล้วยิ้มออกมา
ฉู่สวินหยางรอประโยคต่อไปของเขาอยู่ แต่เมื่อเงยหน้ามอง กลับเห็นว่าเขากำลังก้มหัวทำท่าเหมือนจะจูบลงมา จากนั้นริมฝีปากของเขาก็ประกบเข้ากับริมฝีปากของนางเบาๆ ทว่าราวกับยังรู้สึกไม่อิ่มหนำพอใจ เขาเลยตั้งใจกัดริมฝีปากของนางไปหนึ่งที
ฉู่สวินหยางร้องขึ้นมาเบาๆ
แต่เขากลับหัวเราะชอบใจ บีบปลายจมูกของนางเล็กน้อยอย่างหยอกล้อแล้วพูดว่า “เจ้าทำข้าเสียนิสัยหมดแล้วเนี่ย เจ้าต้องรับผิดชอบด้วยนะรู้ไหม!”
ฉู่สวินหยางแค่นหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
เหยียนหลิงจวินเห็นว่าคิ้วที่ขมวดของนางคลายออกไปแล้ว เขาถึงยิ้มออกมาตามกัน ก้มหน้ามองนางแล้วพูดว่า “พวกเราจะแอบอู้อยู่ตรงนี้ต่ออีกสักพัก หรือออกไปข้างนอกดี?”
“ข้าไม่อยากไป!” ฉู่สวินหยางพูด แต่ในขณะเดียวกันก็ผลักตัวเขาออกห่างตัว เดินถอยหลังจัดชุดให้เข้าที่ แล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ!”
สถานการณ์บางอย่าง ถึงแม้จะรู้สึกไม่ยินยอมมากแค่ไหน แต่ก็มิอาจหลีกหนีได้
เหยียนหลิงจวินยิ้ม แล้วเดินหน้าไปช่วยนางจัดผมเผ้าให้เรียบร้อย
—————————————-
[1] ดอกจัสมินจีน เป็นดอกไม้สีเหลืองอ่อนที่ผลิบานในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ