ตอนที่ 69 สงบสุข

วันต่อมา

วันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม

กวนหูหยวน

ชั่วพริบตาที่เดินเข้ามาในห้อง นอกจากฟางผิงแล้ว คนอื่นๆ ต่างพากันตกตะลึง

บ้านที่มีทั้งชั้นบนชั้นล่าง ห้องนั่งเล่นกว้างขวางโอ่อ่า แสงแดดสาดส่องผ่านระเบียง เผยให้เห็นห้องที่ถูกตกแต่งอย่างใหม่เอี่ยม…

พวกเขาอยู่บ้านเก่ามาหลายสิบปี คุ้นชินกับตึกที่อับชื้นเสียแล้ว พอได้เข้ามาห้องใหม่แบบนี้ แม้ว่าการตกแต่งโดยรวมจะเรียบง่าย แต่ในสายตาของสองสามีภรรยา นี่ถือว่าหรูหราแล้ว

ฟางหยวนตื่นเต้นจนแทบเสียสติ เข้าประตูมาก็กระโดดขึ้นไปนอนกลิ้งบนโซฟา ก่อนจะวิ่งขึ้นไปชั้นบนต่อ…

ฟางหมิงหรงเห็นท่าทีตื่นเต้นของลูกสาว ใบหน้าปกปิดรอยยิ้มไม่มิด หันมามองฟางผิง “เฟอร์นิเจอร์พวกนี้…”

“ไม่ใช่ของแพงอะไร ตอนตกแต่งห้อง เขาแถมมา…”

ฟางผิงไม่ได้บอกว่าเขาเป็นคนซื้อเอง พาพ่อแม่เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “จะทิ้งเปลี่ยนใหม่…”

เขาแกล้งพูดไปเท่านั้น ก่อนหน้านี้เขาไม่นึกว่าจะหาข้ออ้างให้พ่อแม่ย้ายเข้ามาได้เร็วขนาดนี้ เฟอร์นิเจอร์ใหม่ที่ซื้อมาพวกนี้แทบไม่เคยใช้เลย

เป็นดังคาด หลี่อวี้อิงตำหนิเขาทันที “เฟอร์นิเจอร์ใหม่ทั้งนั้น ทิ้งอะไรกัน! ของพวกนี้ดีอยู่แล้ว…”

ขณะที่พูด หลี่อวี้อิงยังกวาดสายตามองรอบๆ ชั้นล่าง ปากเอาแต่พึมพำว่า “ดีจริงๆ!”

“ห้องหับกว้างขวาง แสงส่องทั่วถึง”

“…”

ชื่นชมกันอยู่พักใหญ่ ก่อนทุกคนจะขึ้นไปชั้นบนพร้อมกัน

ฟางหยวนนั้นเลือกห้องของตัวเองเสร็จสรรพแล้ว เห็นพ่อแม่เดินขึ้นมาชั้นบน จึงเอ่ยว่า “ฟางผิง ฉันจะเอาห้องนี้!”

ชั้นบนมีห้องนอนสองห้อง ห้องออกกำลังกายหนึ่งห้องและห้องอ่านหนังสืออีกหนึ่งห้อง พื้นที่ไม่ได้คับแคบเลย

ห้องนอนใหม่กว้างยิ่งกว่าบ้านหลังเก่าซะอีก แต่ตอนนี้แทบไม่มีของตกแต่งในห้อง

ครั้งก่อนฟางผิงซื้อเฟอร์นิเจอร์มาแค่ไม่กี่อย่าง พวกเตียงโซฟาเล็กๆ ก็เอาไว้ที่ห้องอ่านหนังสือ

หลี่อวี้อิงเดินเข้ามาดูในห้อง ก่อนจะตำหนิลูกสาวทันที “ลูกจะเอาห้องไปทำไม พวกเราจะไม่ย้ายมาอยู่บ้านใหม่…”

ฟางหยวนอึ้งไปเล็กน้อย เผยสีหน้าน้อยใจ

ฟางผิงตะลึงอยู่พักใหญ่เหมือนกัน ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แม่ครับ คงไม่คิดจะเอาไว้เป็นเรือนหอให้ผมหรอกนะ? ผมจะเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แล้ว! ยังไม่ทันเป็นผู้ฝึกยุทธ์ยังได้บ้านขนาดนี้ แม่คิดว่าพอผมกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว ยังจะขาดแคลนของพวกนี้อีกเหรอครับ? ผู้ฝึกยุทธ์ของหยางเฉิง ถึงจะไร้ความสามารถขนาดไหน คงจะไม่อยู่บ้านแบบนี้เหมือนกัน รอผมเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว ต้องเลือกอยู่บ้านเดี่ยวแน่นอน อีกอย่าง พอถึงเวลานั้นยังไม่รู้ว่าจะกลับมาหยางเฉิงหรือเปล่า…”

แค่แม่อ้าปากพูด ฟางผิงก็รู้ได้ทันทีว่าเธอคิดอะไรอยู่

บ้านใหญ่ขนาดนี้ ทั้งยังเป็นบ้านใหม่ คงอยากจะเก็บไว้ให้เป็นเรือนหอของลูกชายอยู่แล้ว

จนถึงตอนนี้ หลี่อวี้อิงยังมักลืมว่า ฟางผิงไม่ใช่นักเรียนมอปลายธรรมดา แต่เป็นคนที่พร้อมจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว

ตอนนี้เธอจึงตกตะลึงไป ฟางหยวนออดอ้อนขึ้นมา “ใช่ ฟางผิงจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์มีเงินจะตายไป! แม่คะ พวกเราย้ายมาอยู่กันเถอะ! ที่นี่ไม่ไกลจากโรงเรียนหนูด้วย…”

พอลูกสาวรบเร้า ทั้งลูกชายยังไม่ขัดอะไร หลี่อวี้อิงจึงทำได้เพียงหันไปมองสามี

ตอนแรกฟางหมิงหรงคิดเหมือนกับหลี่อวี้อิง แต่พอฟางผิงพูดขึ้นมา ฟางหมิงหรงเลยตระหนักได้ว่า ฟางผิงนั้นไม่เหมือนกับพวกเขาแล้ว

เขาลังเลเล็กน้อย ตอนที่กำลังจะอ้าปาก ฟางผิงกลับเอ่ยว่า “พ่อครับแม่ครับ อย่าคิดมากเลย วันนี้เป็นวันแม่พอดี ผมไม่ได้เตรียมของขวัญอะไรให้แม่เลย ถือเสียว่าให้ห้องนี้เป็นของขวัญวันแม่แล้วกัน พ่อไม่ต้องอิจฉาไป รอถึงวันพ่อ ผมจะหาของขวัญให้เหมือนกัน”

“เจ้าเด็กคนนี้!”

ฟางหมิงหรงเผยรอยยิ้ม ไม่คิดลังเลอีก มองหน้าภรรยาเอ่ยว่า “ผิงผิงพูดมาขนาดนี้แล้ว พวกเราย้ายมาอยู่กันเถอะ ถ้ามีเวลาว่างก็ขนเฟอร์นิเจอร์กับเครื่องใช้ที่จำเป็นออกมา แล้วค่อยวางแผนย้ายเข้ามาอีกที”

“พ่อคะ ย้ายเข้ามาอยู่ตอนนี้เลยไม่ได้เหรอ…”

ฟางหยวนเริ่มใช้ลูกอ้อนอีกครั้ง เธออยากเข้ามาอยู่บ้านหลังใหญ่เดี๋ยวนี้เลย

ฟางผิงหัวเราะ “ไหนๆ วันนี้ทุกคนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว ขาดเฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้อะไรเดี๋ยวออกไปซื้อเลยละกัน วันนี้จัดการให้เรียบร้อย พรุ่งนี้ย้ายเข้ามาอยู่กัน บ้านหลังเก่าคงไม่ต้องขนอะไรมาแล้ว เอาแค่เสื้อผ้า…”

“จะง่ายแบบนั้นได้ยังไง!”

หลี่อวี้อิงเอ่ยขัดทันที “ย้ายเข้าบ้านใหม่ต้องเลือกวันให้ดี ยังต้องบอกญาติมิตรมากินเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ คิดจะย้ายก็ย้ายได้ที่ไหน…”

“อีกอย่าง พวกเราย้ายมา บ้านหลังเก่าต้องเก็บกวาดให้เรียบร้อยปล่อยให้คนอื่นเช่าด้วย…”

เมื่อเห็นแม่ไม่เห็นด้วย ฟางผิงจึงไม่ดึงดันต่อ

เขาบอกเรื่องบ้านกับพ่อแม่แล้ว เรื่องหลังจากนั้นให้พวกเขาจัดการตามสะดวกเถอะ

ฟางหยวนทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก เธอนึกว่าจะได้เข้ามาอยู่ตอนนี้ซะอีก แต่พ่อแม่บอกให้คอยก่อน น่าผิดหวังจริงๆ!

แต่ท้ายที่สุดทุกคนยังคงเห็นพ้องต้องกันว่า วันนี้จะไปซื้อเฟอร์นิเจอร์และของที่จำเป็นกลับมา

ตอนออกจากบ้าน ฟางหยวนรีบดึงฟางผิงมาข้างหลัง เอ่ยด้วยสีหน้าคาดหวัง “พี่ วันนี้นายบอกว่าส่งบ้านให้เป็นของขวัญวันแม่ วันพ่อจะหาของขวัญให้เขาเหมือนกัน! งั้นถ้าถึงวันน้องสาว นายจะให้อะไรฉันล่ะ?”

ฟางผิงถึงกับงง วันน้องสาวบ้านเธอสิ!

มีวันน้องสาวที่ไหนกัน!

เหมือนจะรู้ว่าฟางผิงไม่เข้าใจ ฟางหยวนจึงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “วันเด็กไง คิดซะว่าเป็นวันของน้องสาวละกัน…”

ฟางผิงถึงกับไปไม่เป็น “งั้นหมายความว่ามีวันพี่ชายด้วยน่ะสิ?”

“มีสิ วันเยาวชน วันที่ 4 เดือนพฤษภาคมไง แต่น่าเสียดาย นายไม่อยู่บ้านพอดี ฉันเตรียมของขวัญไว้แล้ว แค่ไม่ได้ส่งไป!”

“ฮ่าๆ!”

ฟางผิงกลอกตา เบื่อเด็กแสบคนนี้จริงๆ!

ช่วงสาย ทุกคนไปแหล่งขายเฟอร์นิเจอร์ด้วยกัน

พ่อแม่ไม่ใช่ซื้อของลวกๆ เหมือนฟางผิง เปรียบเทียบคุณภาพราคาเกือบทุกร้าน

เดินวนในแหล่งขายเฟอร์นิเจอร์ประมาณเจ็ดแปดรอบ สุดท้ายยังคงตัดสินใจไม่ได้ว่าจะซื้อร้านไหน

พ่อแม่นั้นเลือกซื้อของจนตาลาย ส่วนฟางหยวนเดินตามอย่างขะมักเขม้น เธอตั้งใจหาเฟอร์นิเจอร์ให้ห้องตัวเอง ไม่แม้แต่จะเหนื่อยสักนิด

แต่ฟางผิงได้ยินเสียงพ่อแม่ปรึกษากันแว่วๆ แล้ว ห้องนอนชั้นบน ฟางผิงห้องหนึ่ง อีกห้องหนึ่งเป็นของพวกเขา

ส่วนฟางหยวน อยู่ห้องนอนเล็กชั้นล่าง!

ฟางผิงแอบกลั้นขำ ไม่คิดจะบอกฟางหยวนที่กำลังกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ อยากจะรู้ว่าพอเด็กสาวเลือกเฟอร์นิเจอร์ไปแล้ว มารู้ทีหลังว่าตัวเองได้ห้องนอนเล็กจะทำหน้ายังไง

แน่นอน ฟางผิงไม่สนอยู่แล้วว่าเขาจะอยู่ห้องไหน รอเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว คงไม่มีเวลาอยู่บ้านเท่าไหร่

เวลาช่วงเช้านั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว

พอถึงเวลาอาหารกลางวัน หลี่อวี้อิงเตรียมจะกลับไปทำที่บ้าน

ปรากฏว่าฟางหยวนเสนอตัวว่าจะเลี้ยงเอง ถือเป็นของขวัญวันแม่ให้หลี่อวี้อิง

ฟางผิงจำต้องนับถือเด็กแสบคนนี้

เมื่อวานพูดไว้ดิบดีว่าจะเลี้ยงเขา วันนี้กลับบอกว่าจะเลี้ยงเนื่องในวันแม่

ดีที่ยังไม่ถึงวันพ่อ ไม่งั้นเด็กนี่คงจะถือโอกาสเลี้ยงเป็นของขวัญวันพ่อไปด้วย

กินข้าวกลางวันแล้ว คลังเงินน้อยๆ ของฟางหยวนก็แทบที่จะหมดเกลี้ยง

ตอนคิดเงิน เด็กสาวมองฟางผิงอย่างน่าสงสาร ประหนึ่งว่าหลังจากนี้ต้องพึ่งนายแล้ว ทำให้ฟางผิงอยากจะบีบแก้มนั่นให้กลมขึ้นมาอีกสักหน่อย

ช่วงบ่ายพ่อกับแม่ยังไปดูเฟอร์นิเจอร์ต่อ ฟางผิงไม่ได้ไปด้วย เขาไปธนาคารทำบัตรเอทีเอ็มอีกหนึ่งใบ ใส่เงินเข้าไปในนั้นสามแสนหยวน

ในบัตรของเขายังเหลือเงินกว่าสองล้าน เงินจำนวนนี้ฟางผิงวางแผนจะเอาไว้ทำธุรกิจในอนาคต

เงินก่อนหน้านี้เขาได้มาอย่างคลุมเครือทั้งนั้น

คงไม่อาจมีคนอย่างหวงปินและจินเค่อหมิงเอาเงินมาให้เขาทุกครั้งได้ จะให้นั่งกินนอนกิน เงินเก็บแค่นั้นของฟางผิง อาจจะไม่พอใช้ทะลวงขั้นสองด้วยซ้ำ

ผู้ฝึกยุทธ์นั้นใช้เงินมาก ฟางผิงสัมผัสมาด้วยตัวเองแล้ว

อย่างหวังจินหยางก็จำเป็นต้องรับภารกิจ หาเงินเพื่อมาซื้อทรัพยากรให้ตัวเองเหมือนกัน

แม้ว่าฟางผิงจะสามารถใช้ทรัพย์สินแลกเปลี่ยนปราณได้ แต่ทรัพย์สินจะเพิ่มได้ ต้องมีเงินในมือก่อนอยู่ดี

เวลาเดียวกับที่ครอบครัวของฟางผิงกำลังจัดแต่งบ้าน

เทียนหนาน

หวังจินหยางที่ถูกฟางผิงบ่นอยู่หลายวัน ปรากฏตัวอยู่ที่ฐานทรัพย์แห่งหนึ่งในเทียนหนาน พยายามประคับประคองร่างกายที่เหนื่อยล้า

ตอนนี้หวังจินหยางไม่มีท่าทีเยือกเย็นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าขาดวิ่น บนร่างเปรอะเปื้อนด้วยคราบเลือด

ด้านข้างเขา ยังมีคนอื่นอยู่

ตอนที่ออกเดินทางจากมหาวิทยาลัย จางชิงหนานที่อยู่ขั้นห้าเป็นผู้นำอาจารย์สิบหกคน นักศึกษาสิบเอ็ดคน รวมกับจางชิงหนานเป็นยี่สิบแปดคนมาช่วยเหลือทางเทียนหนาน

ตอนนี้คนที่กระจัดกระจายนั่งบ้างยืนบ้างเหลือไม่ถึงยี่สิบคน

จางชิงหนานที่มักแต่งตัวสะอาดสะอ้าน ตอนนี้ทั่วร่างมีแต่คราบสกปรก มือขวาลู่ลงข้างตัว

เขาใช้แววตาที่แดงก่ำมองดูสถานการณ์โดยรอบ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า “ภารกิจของพวกเราสิ้นสุดแล้ว คืนนี้ ปรมาจารย์ขั้นเก้าจะออกคำสั่งโจมตีเต็มรูปแบบครั้งสุดท้ายเพื่อควบคุมสถานการณ์ที่ปากถ้ำเทียนหนาน! ทุกคนสามารถกลับได้แล้ว พักผ่อนรักษาตัวกันให้ดี อาจารย์หลิว อีกเดี๋ยวคุณนำทีมกลับมหาวิทยาลัย…”

“ชิงหนาน คุณไม่กลับไปด้วยกัน?” อาจารย์หลิวที่ถูกเอ่ยถึงถามขึ้นมาทันที

จางชิงหนานส่ายหัว “คืนนี้การโจมตีจะสิ้นสุด ปากถ้ำต้องถูกปิดผนึก ฉันจะไปพาเสิ่นเฉวียนกลับมา!”

“อาจารย์…”

หวังจินหยางเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำไปหมด “ประธานคงไม่อยากให้คุณตกอยู่ในอันตราย เข้าไปในถ้ำใต้ดินอีกครั้ง! ผมรู้ ผมรู้ว่าคุณกำลังโทษตัวเองอยู่ แต่นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ! พวกเราประมาทเกินไปเอง ไม่ฟังคำสั่งของคุณ ดึงดันบุกเข้าไป ประธานจึงต้องติดอยู่ในถ้ำ แต่ตอนนี้แค่ปากถ้ำด้านนอกก็อันตรายมากพอแล้ว คุณไม่ใช่ระดับปรมาจารย์ หากเข้าไป…”

จางชิงหนานเอ่ยอย่างเยือกเย็น “ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันเป็นผู้รับผิดชอบภารกิจของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงครั้งนี้! ไม่ดูแลพวกนายให้ดี เป็นความผิดของฉันอยู่แล้ว! เรามาทั้งหมดยี่สิบแปดคน ตอนนี้แม้จะต้องสละชีวิต ฉันก็ต้องพาทุกคนกลับไปด้วยกัน!”

“อาจารย์!”

“ชิงหนาน…”

จางชิงหนานเผยสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยว่า “อาจารย์หลิว ตอนนี้คุณนำทีมกลับไปก่อน! รอผมหาเสิ่นเฉวียนเจอ จะรีบกลับทันที ส่วนพวกอาจารย์หวัง…”

จางชิงหนานกัดฟันอย่างแรง เอ่ยด้วยเสียงโศกเศร้า “จัดการเรื่องของพวกเขาแล้ว ช่วย…ช่วยพูดขอโทษกับครอบครัวพวกเขาแทนฉันด้วย…”

อาจารย์หลิวกำหมัดแน่น มองแววตาของจางชิงหนานอย่างลึกล้ำ ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเราไปกันเถอะ!”

“อาจารย์…”

“ไป! กลับไป! เรื่องนี้เกินความสามารถของพวกเราแล้ว รั้งตัวอยู่ไม่มีประโยชน์อะไร ส่งพวกอาจารย์หวังกลับบ้านซะ!”

อาจารย์หลิวไม่ลังเลอีก หมุนตัวขึ้นรถไปทันที

เห็นคนอื่นยังยืนไม่ขยับไปไหน เขาจึงตะโกนกร้าวขึ้นมาทันที “ขึ้นรถ! หรือพวกนายคิดจะทิ้งอนาคตของมหาวิทยาลัยไว้ที่นี่! รอพวกเรามีกำลัง ค่อยกลับมาแก้แค้นเถอะ! หากพวกเราเป็นปรมาจารย์ มาเปิดประตูนี้ใหม่ เลือดต้องล้างด้วยเลือดอยู่แล้ว ดีกว่าต้องเอาชีวิตมาทิ้งตอนนี้!”

หวังจินหยางกัดฟัน ร่างกายสั่นไหวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงดังว่า “ไปเถอะ!”

พวกเขาไม่อาจอยู่ที่นี่ได้อีกแล้ว มีแค่ต้องรอทะลวงด่านเป็นปรมาจารย์ ถึงจะมีความหวังกลับมาแก้แค้นได้!

คล้อยหลังฝีเท้าของหวังจินหยาง สมาชิกสมาคมผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ ก็ทยอยตามมา

หวังจินหยางหันกลับมามองจางชินหนาน ตะโกนว่า “อาจารย์ ผมจะรอคุณที่มหาวิทยาลัย! ถ้าคุณไม่กลับมา ผมจะไปสู่ขอลูกสาวคุณ!”

“เด็กเวร นีนีเพิ่งจะสิบขวบ คอยดูเถอะ ถ้านายกล้าฉันจะตัดขานาย”

จางชิงหนานด่าด้วยรอยยิ้ม โบกมือซ้าย “ไปเถอะ รอฉันหาเสิ่นเฉวียนเจอแล้ว จะกลับไปมหาวิทยาลัยพร้อมกับเขา”

ทุกคนไม่พูดอะไรอีก คล้อยหลังรถจึงค่อยๆ เคลื่อนจากไป

—————————-