ตอนที่ 325 ตั๊กแตนจับจักจั่น!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

บรรดาผู้รอดชีวิตของยานหลักได้รับโอกาสพักผ่อนในฐานที่มั่นซวิ่นหลงแล้ว เนื่องจากยานหลักจิ่งหลงไม่สามารถทำการบินระยะไกลแล้ว พวกเขาได้แต่รอคอยให้กองทัพสหพันธรัฐส่งยานรบลำใหม่มารับพวกเขาอีกครั้ง

ผ่านไปแล้วสามวันสองคืนอย่างสงบสุข เมื่อรู้ว่ายานรบลำใหม่กำลังจะมาถึงในอีกสองวัน สมาชิกของยานหลักต่างดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง ถึงแม้การต้อนรับในด้านต่างๆ ของฐานที่มั่นซวิ่นหลงยังคงไม่เลว แต่พวกเขาก็ได้รับการจำกัดควบคุมมากมาย สมาชิกของยานหลักถูกจำกัดให้ทำกิจกรรมในบริเวณที่อยู่อาศัยเล็กๆ มีสถานที่มากมายที่พวกเขาไม่สามารถเข้าใกล้ได้ นี่ทำให้บรรดาทหารของกองยานรบที่คุ้นชินกับความอิสระเสรีรู้สึกไม่ชินเอามากๆ

ค่ำคืนนี้ สถานที่แห่งหนึ่งที่มีการป้องกันเข้มงวดมากในฐานที่มั่นซวิ่นหลง มีเงาคนหลายสายปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบไม่ไกลจากทางเข้า พวกเขาซุ่มตัวในมุมอับสายตาอยู่ห่างๆ…

“แน่ใจเหรอว่าอยู่ที่นี่?” คนที่ดูคล้ายคลึงกับผู้บัญชาการส่งสัญญาณมือสอบถามคนข้างกาย

คนกลุ่มนี้สวมชุดเครื่องแบบต่อสู้เซนเซอร์ระดับสูงของกองทัพสหพันธรัฐ สามารถกั้นคนกับอากาศภายนอก อำพรางตัวทหารตามสภาพแวดล้อมรอบด้านได้อย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อทำการแอบซุ่มไม่ขยับเขยื้อน ไม่ว่าเป็นอุปกรณ์ตรวจจับเรดาร์ อุปกรณ์ตรวจวัดพลังงานความร้อนระดับสูงอีกสักแค่ไหน รวมถึงสายตามนุษย์ก็แทบจะจับสังเกตไม่ได้เลย

สาเหตุที่พูดว่า ‘แทบจะ’ เป็นเพราะไม่ว่าของอะไรต่างไม่สามารถรับรองได้ว่าไร้ข้อผิดพลาด มันมักจะเกิดความเป็นไปได้ขึ้นมาเสมอ

“มีแต่ตรงนี้เท่านั้นที่การป้องกันเข้มงวดมากที่สุดครับ” คนข้างกายรีบตอบด้วยสัญญาณมือยืนยัน

“อุปกรณ์วงจรปิดทั้งหมดถูกปิดกั้นหมดแล้วใช่ไหม?” ผู้บัญชาการหันหน้ามองไปอีกทางด้านหนึ่ง สายตาสื่อความหมายว่า อยากยืนยันให้แน่ใจว่าลูกน้องได้ดำเนินการขั้นตอนที่สำคัญที่สุดเสร็จแล้วหรือยัง

ความจริงแล้วอีกทางด้านหนึ่งมีอยู่สามคน หนึ่งในนั้นที่ดูเหมือนหัวหน้าพวกเขาเห็นแววตาสอบถามของผู้บัญชาการก็พยักหน้า บ่งบอกว่าจัดการเรียบร้อยแล้ว

ดูออกได้จากสีหน้าของพวกเขาว่า การทำขั้นตอนนี้ให้สำเร็จได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย นอกจากคนที่ผงกศีรษะตอบที่สภาพยังถือว่าดีแล้ว หน้าผากของอีกสองคนที่เหลือมีคราบเหงื่ออยู่รางๆ สีหน้าของพวกเขาดูขึงขังอย่างยิ่งยวด ดูเหมือนว่า พวกเขาสองคนจะทุ่มกำลังสุดความสามารถแล้วในการปิดกั้นอุปกรณ์วงจรปิดนี้ทั้งหมดและสร้างภาพปลอมขึ้นมา

“ฝืนประคองได้นานเท่าไหร่?” ผู้บัญชาการเห็นคำตอบของอีกฝ่ายแล้วก็ค่อยเอ่ยปากถามเสียงแผ่วเบา

“มากสุดก็ได้แค่หนึ่งชั่วโมงสิบห้านาทีครับ ถ้าเกิดเป็นไปได้ โปรดพยายามออกมาภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง” คนที่เป็นหัวหน้าเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ไม่นึกเลยว่าการป้องกันของฐานที่มั่นซวิ่นหลงจะเข้มงวดขนาดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์วงจรปิดล้ำสมัยต่างๆ นานาที่ผิดปกติมากนัก นี่ทำให้พวกเขาคาดการณ์คลาดเคลื่อนไปบ้าง ถ้ารู้แต่แรกพวกเขาคงพาอีกสองคนเข้ามาด้วยเหมือนกัน

“หนึ่งชั่วโมงเหรอ? น่าจะทันอยู่” ผู้บัญชาการเงียบไปครู่หนึ่ง รู้สึกว่าปัญหาไม่ได้ใหญ่เลย อันที่จริงต่อให้อุปสรรคใหญ่อีกสักแค่ไหน เขาก็ต้องไปสำรวจด้านในสักรอบ พวกเขาเสียเรี่ยวแรงมากขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะอยากรู้ว่าฐานที่มั่นซวิ่นหลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่เหรอ

“ตี้ซวี ฉันมอบที่นี่ให้นายจัดการ” ผู้บัญชาการเอ่ยกับอีกคนที่อยู่ด้านข้างอย่างเฉียบขาด ท่าทีของเขาดูอ่อนโยนมากอย่างเห็นได้ชัด เขายังไม่กล้าล่วงเกินอีกฝ่ายในโลกเสมือนจริงๆ

ภายนอกของหมอนี่ดูแตกต่างจากคนอื่น ทั่วทั้งร่างปกคลุมอยู่ในเงา ดวงหน้ามืดสลัว มองไม่เห็นองคาพยพทั้งห้าตลอดไป นี่เป็นรูปลักษณ์ของผีซวีในโลกเสมือนจริง พวกเขาไม่มีทางเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของตัวเองตลอดกาล เนื่องจากผีซวี ขอเพียงเป็นคนของประเทศศัตรูต่างก็อยากสังหารพวกเขา เพราะโลกปัจจุบันนี้ สองในสามของชีวิตแทบจะอยู่ในโลกเสมือนจริง และผีซวีคือกลุ่มคนที่น่ากลัวเพียงหนึ่งเดียวที่กุมอำนาจสังหารชีวิตผู้คนทั้งหมดในโลกเสมือนจริง

ควรรู้เอาไว้ว่า ต่อให้เป็นออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของจักรวรรดิใหญ่ต่างๆ ที่ค้ำจุนทั่วทั้งโลกเสมือนจริงไว้ต่างไม่มีความสามารถทำเรื่องนี้ได้เลย

ดังนั้น ทุกประเทศต่างทั้งชอบทั้งหวาดกลัวผีซวี พวกเขาต่างหวังที่จะควบคุมผีซวีไว้ ขณะเดียวกันก็กังวลและเกลียดชังผีซวีของประเทศอื่นอย่างยิ่งยวด ผีซวีถูกประเทศศัตรูเห็นเป็นของต้องห้ามเช่นเดียวกัน แล้วปีศาจอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมบางคน ขอเพียงหาตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาเจอก็จะเลือกฆ่าทิ้งทันทีในฐานะศัตรู ก็เหมือนกับหลิงหลานที่ถูกลอบสังหารในตอนนั้น…

“วางใจเถอะครับ มีผมอยู่ ไม่มีใครทำร้ายพวกเขาได้” คำตอบของตี้ซวีดูมั่นใจในตัวเองอย่างยิ่งยวด ในฐานะที่เขาเป็นหัวกะทิในกรมผีซวีศูนย์กลางกองทัพ เขามีความมั่นใจนี้และก็มีความหยิ่งทระนงของเขาด้วยเช่นกัน

ผู้บัญชาการได้ยินคำกล่าวก็ขมวดคิ้ว เขารู้ว่าผีซวีต่างเป็นกลุ่มคนผิดปกติ พวกเขาที่ถูกขนานนามว่าเป็นยมทูตในโลกเสมือนจริงมักจะมีความรู้สึกว่าตนเหนือชั้นกว่าคนอื่นดูถูกผู้คน อย่างไรก็ตาม ในเมื่อทุกคนต่างเป็นทหารรของสหพันธรัฐเช่นเดียวกัน ผู้บัญชาการจึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เขาโบกมือให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาด้านหลังเขา จากนั้นก็เห็นร่างคนพุ่งออกมาสองคนไปถึงหน้าประตูที่อยู่ไม่ไกลอย่างเงียบเชียบโดยใช้ประโยชน์จากที่กำบังต่างๆ

ตรงทางเข้ามีทหารยืนรักษาการณ์หันหน้าออกมาทางด้านนอกสองคน พวกเขากำลังกวาดตามองไปทางด้านหน้าด้วยแววตาตื่นตัวมีชีวิตชีวา เพียงแต่สองคนที่แอบซุ่มเข้าไปนั้นใช้ประโยชน์จากมุมอับสายตาของพวกเขา ทำให้พวกเขาไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดเดียว

เมื่อพวกเขาอยู่ห่างออกไปแค่สิบเมตร สองคนที่ซ่อนตัวเข้าไปก็ชักอาวุธที่คล้ายคลึงกับปืนพกของพวกเขาออกมาแล้วเล็งไปยังคนที่ยืนรักษาการณ์สองคนนั้น ความตั้งใจปะทะกับความไม่รู้ตัว ปากกระบอกปืนแต่ละอันปล่อยลำแสงเย็นออกมาสายหนึ่ง ยิงใส่ฝ่ายตรงข้ามอย่างแม่นยำ

สองคนนั้นล้มลงไปทันทีโดยที่ไม่มีตอบสนองเลยสักนิดเดียว แท้จริงแล้วสิ่งที่คนแอบซุ่มเข้ามาใช้นั้นคือปืนยาสลบไร้เสียงระดับสุดยอดที่สุดของสหพันธรัฐ ต่อให้เป็นสัตว์อสูรระดับ C ที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในจักรวาล ถูกยิงไปนัดเดียวก็ชาจนล้มลงไปกับพื้นในสามวินาที ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหล่าทหารรักษาการณ์ภาคพื้นดินที่ไม่สามารถนำคุณสมบัติร่างกายมาเทียบกับสัตว์อสูรระดับ C ได้เลย ขอแค่เฉียดถลอกผิวเล็กน้อยก็สามารถทำให้ชาจนล้มลงไปได้ในพริบตา

ทั้งสองเห็นว่าสำเร็จแล้วก็พุ่งมาที่ข้างกายอีกฝ่ายอย่างเงียบงัน จากนั้นก็กดอีกฝ่ายไว้แล้วบิดคอของฝ่ายตรงข้ามแรงๆ อย่างรวดเร็ว เสียงดังกรอบ คอของอีกฝ่ายถูกบิดจนหักลงแล้ว พวกเขาจัดการฝ่ายตรงข้ามอย่างไร้สุ้มไร้เสียงแล้วก็ค่อยวางคนลงบนพื้นอย่างระมัดระวังโดยที่ไม่มีเสียงดังออกมาเลยสักนิดเดียว จากนั้นถึงค่อยหันหน้ากลับมากวักมือไปทางด้านหลัง

ผู้บัญชาการพยักหน้าให้ตี้ซวีรวมถึงอีกสองคนแล้วค่อยพาคนอื่นๆ แอบเข้าไป ส่วนหัวหน้าในหมู่สามคนที่ตอบผู้บัญชาการก็ตามเข้าไป

การเข้าไปคือผ่านทางประตูเซนเซอร์ไฟฟ้า นี่จำเป็นต้องอาศัยแฮคเกอร์เจาะฝ่าไป นี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมหัวหน้าคนนั้นถึงได้ตามเข้ามา ระดับของคนผู้นั้นสูงมาก แค่ใช้เวลาไม่กี่วินาทีก็เจาะประตูไฟฟ้าได้แล้ว ประตูเปิดออกอย่างเงียบเชียบ ด้านในมืดสนิทสุดขีด อย่างไรก็ตาม คนเหล่านี้ต่างพกแว่นตามองกลางคืนมาด้วย สายตาเลยไม่ได้รับผลกระทบเพราะความมืดมากเท่าไหร่

สิ่งที่ปรากฏเข้ามาในสายตาคือคลังเก็บของ สิ่งที่กองสุมไว้ด้านในต่างเป็นของที่ใช้ในการทหาร ดูเหมือนกับคลังเก็บของทั่วไปที่มีอยู่นับไม่ถ้วนในฐานที่มั่น ดูปกติอย่างมาก แต่คนที่มาไม่ได้สูญเสียกำลังใจเพราะภาพลักษณ์ภายนอกนี้เลย สาเหตุที่พวกเขาเลือกสถานที่แห่งนี้เป็นเพราะ ไม่ว่าแฮคเกอร์หรือว่าผีซวีต่างไม่สามารถมองที่นี่ได้ชัดเจน ไม่เหมือนกับสถานที่อื่นๆ ที่เห็นครั้งเดียวก็รู้กระจ่างแจ้งแล้ว

ผู้บัญชาการส่งสัญญาณมือให้เข้าไป คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขาเข้าไปข้างในทีละคน ทุกคนเริ่มสำรวจคลังเก็บของ หวังว่าจะหาจุดที่ไม่ชอบมาพากลเจอ

ผ่านไปประมาณห้านาที ทันใดนั้นเองก็มีคนโบกมือให้พวกเขา ดูเหมือนว่าเขาพบอะไรบางอย่างเข้าแล้ว ผู้บัญชาการรีบพาแฮคเกอร์คนนั้นเดินไปเข้าไปตรวจสอบจุดน่าสงสัยที่อีกฝ่ายค้นพบอย่างระมัดระวัง

แฮคเกอร์ลูบสถานที่แห่งนั้น หลับตาลงเริ่มทำการสัมผัส เขาลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ผงกศีรษะให้กับผู้บัญชาการบ่งบอกว่าเป็นที่นี่ไม่ผิดแล้ว

ผู้บัญชาการโบกมือหนึ่งที ทุกคนต่างซ่อนตัวล้อมวง เมื่อเห็นทุกคนแอบซ่อนตัวกันหมดแล้ว แฮคเกอร์พลันถอยหลังไปสามก้าว สูดลมหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง หลับตาลงขณะที่นิ้วมือทำท่วงท่าแตกต่างกัน ปากก็เอ่ยพึมพำ จากนั้นก็ได้ยินเสียงแกรกเบาๆ พื้นถูกเปิดออกอย่างเงียบเชียบ เผยโพรงดำมืดที่สามารถให้คนขึ้นลงได้เพียงคนเดียว

ผู้บัญชาการมองแฮคเกอร์ แฮคเกอร์ส่ายหน้าให้เขาโดยไม่ลังเล บ่งบอกว่าด้านล่างไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร เขาถึงค่อย ส่งสัญญาณให้ลูกน้องคนหนึ่งไปสำรวจทาง

เมื่อคนแรกลงไปแล้ว ใบหน้าของแฮคเกอร์เริ่มเคร่งขรึมขึ้นมา ผ่านไปสามนาที เขาพยักหน้าให้ผู้บัญชาการ นี่ก็เป็นการบอกผู้บัญชาการว่า ด้านล่างไม่มีปัญหาอะไร

ผู้บัญชาการส่งสัญญาณให้ทุกคนลงไปอย่างเฉียบขาด เมื่อคนสุดท้ายลงไปแล้ว พื้นก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ราวกับว่าโพรงดำเมื่อสักครู่นั้นไม่มีอยู่เลย ในขณะเดียวกันประตูไฟฟ้าที่เข้ามาในตอนแรกก็ปิดสนิทลงเช่นเดิม

ส่วนสามคนที่เหลืออยู่ตรงหน้าประตูนั้น ชุดเครื่องแบบต่อสู้ของสองคนในนั้นได้เลียนแบบชุดของเจ้าหน้าที่รักษาการณ์ พวกเขาได้ทำการยืนรักษาการณ์อยู่ตรงหน้าประตูต่อ เหมือนกับว่าที่นี่ไม่เคยเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ส่วนตี้ซวีที่ทำหน้าที่คุ้มครองที่นี่พลันหลอมรวมตัวเข้ากับความมืดมิด ราวกับว่าเขาไม่เคยมีตัวตนมาก่อนเลย

……

เวลานี้เอง ภายในห้องลับแห่งหนึ่งของกองบัญชาการฐานที่มั่นซวิ่นหลง คนที่สวมเสื้อคลุมดำแปดคนกำลังหลับตาอยู่ D1 และ D9 ที่ปรากฏตัวในตอนแรกต่างอยู่ในนั้นด้วย ส่วนหกคนที่เหลืออยู่แต่งตัวแทบจะไม่ต่างอะไรกับพวกเขาเลย

“ในที่สุดพวกมดกลุ่มนี้ก็อดทนไม่ไหวลงมือดำเนินการแล้ว” D9 พลันลืมตาขึ้นมา หัวเราะอย่างชั่วร้าย เขาหักนิ้วตัวเอง เกิดความรู้สึกตื่นเต้นอยากไปจัดการ ในที่สุดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของสหพันธรัฐส่งมากลุ่มนี้ก็เผยตัวหลังจากที่รอคอยมาสองวัน

ความจริงแล้ว เมื่อยานหลักบัญชาการมาถึงฐานที่มั่นซวิ่นหลง พวกเขาก็ทำการเฝ้าจับตามองทุกคนแล้ว หาเป้าหมายสำคัญที่น่าสงสัยออกมาหลายคน ด้วยเหตุนี้พวกเขาเลยไม่เสียดายที่จะโยกย้ายผีซวีชั้นยอดหลายคนจากในประเทศตัวเองมา พวกเขาจำเป็นต้องเก็บคนเหล่านี้ไว้ที่นี่

ที่มั่นเพียงหนึ่งเดียวในสหพันธรัฐของพวกเขาที่เจาะฝ่าเข้ามาได้อย่างยากลำบากนี้ย่อมไม่อาจให้สหพันธรัฐแย่งชิงกลับไปได้อีกครั้ง นอกจากนี้แผนการ T ของพวกเขามาถึงช่วงสำคัญที่สุดแล้ว พวกเขาไม่อาจเลินเล่อได้แม้เพียงเล็กน้อย

ขอเพียงแผนการ T สำเร็จ สหพันธรัฐหัวเซี่ยก็จะตกสู่ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย และพวกเขาก็จะฉวยโอกาสกลืนกินประเทศมหาอำนาจที่เป็นศูนย์กลางที่มีทรัพยากรเฟื่องฟูมากที่สุดในกาแลคซี่ของพวกเขาได้ เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้แล้ว จักรวรรดิของพวกเขาได้ทุ่มความพยายามและเลือดเนื้อจิตใจมาหลายชั่วอายุคนถึงสามารถเตรียมการช่วงต้นของแผนการ T ได้สำเร็จ…

“ไม่นึกเลยว่าคนของฝ่ายตรงข้ามก็มาไม่น้อยเหมือนกัน จุ๊ๆๆ แฮคเกอร์หัวกะทิของพวกเขาก็มาสามคน แถมยังมีผีซวีชั้นยอดอีกหนึ่งคน ถือว่าเราล่อปลาตัวใหญ่ได้แล้ว” D1 เห็นคนในคลิปกำลังซุ่มไปยังห้องใต้ดินที่พวกเขาวางกับดักไว้ เวลานี้คนเหล่านั้นกำลังเข้าไปใกล้ช้าๆ ถึงแม้อีกฝ่ายจะระมัดระวังตัวสุดขีด แต่พวกมันไม่รู้เลยว่า การเคลื่อนไหวทุกอย่างของพวกมันถูกพวกเขาเฝ้าจับตามองมาตลอดแล้ว

“จับตามองคนอื่นๆ ที่น่าสงสัยไว้ให้ดี” D1 เห็นทุกคนเริ่มตื่นเต้นขึ้นมาก็อดเอ่ยเตือนเสียงเย็นเยียบไม่ได้ เขาไม่อยากให้พวกเขาที่นี่ทำสำเร็จแล้ว แต่ฐานที่มั่นลับที่สำคัญที่สุดกลับถูกคนอื่นๆ หาเจอ จนท้ายที่สุดก็ล้มเหลวลงในขั้นตอนสุดท้ายหรอกนะ

—————————