ตอนที่ 1336 แกล้งป่วย (6)

 

 

หงหลวนจองห้องไว้ในทุกเหลาของเมืองบูรพาแค่เพราะนางไม่ต้องการใช้ของที่คนอื่นเคยใช้มาก่อนเท่านั้นเอง!

 

 

เมื่ออาหารถูกนำมาวางก็บอกได้เลยว่าอาหารพวกนี้กลิ่นหอม ดูน่ากินและอร่อยมาก แต่หงหลวนเห็นว่าอวิ๋นลั่วเฟิงไม่ยอมขยับตะเกียบจึงเอ่ยปากถาม “เจ้าไม่ชอบอาหารที่นี่หรือ”

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงคีบอาหารเข้าปากแล้วส่ายหน้า “ไม่หรอก ข้าก็แค่อยากกินอาหารที่คนอื่นทำ”

 

 

ช่วงหลังจากที่แยกกับอวิ๋นเซียว นางก็ไม่ชินกับอาหารปกติข้างนอก แน่นอนว่าถ้าผู้ใดเคยกินอาหารที่อวิ๋นเซียวทำ ไม่แน่พวกเขาอาจจะกินอาหารอย่างอื่นไม่ได้เลย

 

 

ความแตกต่างของอาหารมันราวฟ้ากับเหว!

 

 

“ว่าแต่หูหลีหายไปไหนล่ะ”

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงวางตะเกียบในมือลง “เขาอยู่ไม่ไกลจากข้า แล้วก็คงไม่ปรากฏตัวข้างข้าไปอีกสักพัก”

 

 

จนกว่านางจะยืนยันตัวตนของอู๋ได้ นางจะไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้นาง เช่นนั้นแล้ว นางจึงส่งหูหลีไปจับตาดูเขา

 

 

“เจ้าสงสัยตัวตนของเด็กคนนั้นแต่ก็ส่งหูหลีไปจับตาดูเขา เจ้าไม่กลัวหูหลีจะเจออันตรายหรือ” หงหลวนถามอย่างสงสัย

 

 

อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้ม “ถ้าเด็กนั่นมีปัญหาปัญหาจริงๆ เป้าหมายเขาก็คือข้า ดังนั้นเขาคงไม่ยอมทำให้ศัตรูตื่นตัวด้วยการทำร้ายหูหลีหรอก”

 

 

นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมนางถึงยอมให้หูหลีอยู่กับเขาตามลำพัง

 

 

 

 

หลังจากอวิ๋นลั่วเฟิงและหงหลวนกลับจวนเจ้าเมืองฟ้าก็มืดแล้ว ทันทีที่พวกนางก้าวเท้าข้ามประตูก็มีร่างพุ่งเข้ามาจากด้านหลังนางอย่างรวดเร็ว

 

 

“หงหลวน!” น้ำเสียงของหลิงเฉินเดือดดาลมากขณะที่เขารีบวิ่งเข้ามาหาหงหลวน เขากำหมัดแน่นจนเกิดเสียง ดวงตาทั้งสองแดงก่ำ

 

 

“เจ้าทำแบบนั้นไปทำไม ทำไมต้องลงโทษชูเอ๋อร์ด้วยวิธีนี้ นางก็แค่ไปหาเจ้าเพราะข้า แต่เจ้ากลับมีใจทำตัวหยาบช้าต่อสตรีจิตใจดีอย่างนาง”

 

 

หลิงเฉินโกรธจนตัวสั่น “ตอนนี้ข้าต้องการเจ้าไปขอร้องให้ชูเอ๋อร์ลุกขึ้น ตอนที่ข้าบังคับนาง นางขู่ข้าว่านางจะฆ่าตัวตายและไม่กล้าลุกขึ้นถ้าเจ้าไม่สั่ง! ตามข้าไปขอร้องนางให้ยืนขึ้นเดี๋ยวนี้!”

 

 

เขาไม่ได้ใช้คำว่า ‘สั่ง’ แต่ใช้คำว่า ‘ขอร้อง’

 

 

ขณะที่หลิงเฉินจับแขนหงหลวนแล้วใช้กำลังลากนางไป สีหน้าของหงลวนก็เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบแล้วสะบัดมือเขาออกอย่างแรง

 

 

“เฟิงเอ๋อร์บอกว่าถ้านางคุกเข่าอยู่ห้าวันห้าคืน เฟิงเอ๋อร์จะลองคิดเรื่องยกข้าให้เจ้า ข้าไม่ได้บังคับให้นางคุกเข่า นางเลือกของนางเอง ดังนั้นเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้า”

 

 

ตอนนั้นอวิ๋นลั่วเฟิงพูดแค่ว่าจะลองคิดดูแต่ไม่ได้บอกว่านางจะทำ! ถึงแม้เซี่ยชูจะนั่งคุกเข่าถึงห้าวันห้าคืนจริงๆ อวิ๋นลั่วเฟิงก็ไม่มีทางยกหงหลวนให้หลิงเฉิน!

 

 

หลิงเฉินเงื้อมือขึ้นแล้วฟาดฝ่ามือบนใบหน้าหงหลวนอย่างแรง

 

 

แต่ก่อนที่ฝ่ามือเขาจะสัมผัสถูกใบหน้าหงหลวน นางก็ยกมือขึ้นคว้าข้อมือเขาแน่น

 

 

“หลิงเฉิน ความสัมพันธ์ของพวกเราขาดกันตรงนี้! ระหว่างเราไม่มีใครติดหนี้ใครทั้งนั้น!”

 

 

ทันใดนั้นหงหลวนก็ใช้แรงบังคับให้หลิงเฉินถอยออกไป เขาจับข้อมือที่กลายเป็นรอยช้ำแล้วมองสตรีชุดแดงค่อยๆ หายไปจากสายตาเขา เขาไม่รู้ว่าทำไม แต่เมื่อเห็นท่าทีไร้หัวใจของหญิงสาว เขาก็รู้สึกเหมือนหัวใจว่างเปล่าไปชั่วขณะ…

 

 

แม้แต่ตัวหลิงเฉินเองก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มาจากไหน!

 

 

“คุณหนูใหญ่” อยู่ๆ ผู้คุ้มกันก็เดินออกมาประสานมือเคารพหงหลวนแล้วพูดอย่างนอบน้อมว่า “คุณหนูใหญ่ ท่านเจ้าเมืองเชิญท่านกับคุณชายอวิ๋นไปพบขอรับ”

 

 

“ท่านพ่ออยากพบข้างั้นหรือ” หงหลวนมองด้วยสายตาว่างเปล่าก่อนหันไปหาอวิ๋นลั่วเฟิงแล้วถามว่า “ถ้าเจ้ายินดีตามข้าไป เช่นนั้นพวกเราก็ไปกันเลยเถอะ ถ้าเจ้าไม่อยากไปใครก็บังคับเจ้าไม่ได้!”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1337 ตระกูลจวินแห่งเมืองวิญญาณ (1)

 

 

“ไปด้วยกันเถอะ” อวิ๋นลั่วเฟิงยักไหล่ ในเมื่อเจ้าเมืองเชิญนางและหงหลวน จะเกิดอันตรายอะไรขึ้นได้อย่างไร

 

 

หงหลวนไม่พูดอะไรอีกแต่นางตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ถ้าบิดานางตั้งใจจะทำเรื่องยุ่งยากให้อวิ๋นลั่วเฟิงนางก็จะไม่สนใจอะไรนอกจากยืนอยู่ข้างอวิ๋นลั่วเฟิง

 

 

นี่เป็นสิ่งที่นางสัญญากับอวิ๋นลั่วเฟิงเอาไว้!

 

 

นางต้องรักษาสัญญาและไม่ให้มีอะไรมาทำลายได้!

 

 

 

 

ชายวัยกลางคนยืนเอามือไพล่หลังอยู่ทำให้บรรยากาศภายในห้องทำงานหนักอึ้ง

 

 

นี่เป็นครั้งที่สองที่อวิ๋นลั่วเฟิงเห็นเจ้าเมือง หงหลิง ผู้ควบคุมอำนาจทั้งหมดของเมืองบูรพาและอยู่เหนือบุรุษทุกคน

 

 

ดูเหมือนหงหลิงจะรับรู้ถึงการมาของพวกนาง เขาหันหลังกลับมาช้าๆ ตอนนี้ท่าทางเขาก็ไม่ได้ดูวางอำนาจเท่าก่อนหน้านี้ ขณะที่เขาแสดงสีหน้าหมดหนทางและถอนหายใจอย่างหนักหน่วง

 

 

“หลวนเอ๋อร์ เจ้าไม่เต็มใจจะแต่งงานกับหลิงเฉินจริงๆ ใช่หรือไม่”

 

 

ทันทีที่หงหลวนกลับเข้ามาในจวนเจ้าเมือง เขาก็โกรธจนไฟลุกโชน ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะดุด่าว่านาง แต่ตอนนี้เขาใจเย็นลงแล้ว เพื่อจะได้ไม่เป็นการบังคับบุตรสาวตัวเองให้ออกไปอีก เขาทำได้แค่ข่มความโกรธและแสดงสีหน้าหมดหนทางขณะเอ่ยปากถามนาง

 

 

เมื่อได้ยินคำถาม หงหลวนก็พยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ข้าไม่ต้องการแต่งงานกับหลิงเฉิน”

 

 

“หลวนเอ๋อร์ ตั้งแต่นี้แคว้นเจ็ดเมืองกำลังจะเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หากเพียงแค่เจ้ายอมแต่งงานกับหลิงเฉินเท่านั้น มีแค่การร่วมมือกันระหว่างสองเมืองที่จะทำให้พวกเรามีชีวิตรอดท่ามกลางเมืองทั้งเจ็ด!” สีหน้าของหงหลิงค่อยๆ เคร่งเครียดมากขึ้น “มิเช่นนั้นเมืองบูรพาก็คงถูกพวกเขาทำลาย”

 

 

หงหลวนยิ้มเยาะ “ท่านพ่อ ท่านส่งบุตรสาวไปแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์เพียงเพื่อให้เมืองบูรพาอยู่รอดได้ในอนาคตเมื่อแคว้นเจ็ดเมืองเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่งั้นหรือเจ้าคะ หากเป็นคนอื่นก็คงไม่เป็นไร แต่ข้า หงหลวน จะไม่แต่งงานเพื่อแลกกับความสงบสุข!”

 

 

แคว้นเจ็ดเมืองจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่งั้นหรือ

 

 

เมื่อได้ยินดังนั้น อวิ๋นลั่วเฟิงก็แอบเก็บข้อมูลขณะยืนอยู่ข้างๆ หงหลวนโดยไม่พูดอะไร

 

 

“หลวนเอ๋อร์!” หงหลิงแสดงสีหน้าโกรธจัด “เจ้าเป็นแค่สตรี ไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม แต่เจ้าจะอาศัยความแข็งแกร่งของเจ้าเพียงอย่างเดียวดูแลเมืองบูรพาทั้งเมืองได้อย่างไร ข้ามีเจ้าเป็นบุตรสาวคนเดียวแล้วถ้าเจ้าไม่แต่งงานกับหลิงเฉิน ข้าจะตายตาหลับได้อย่างไร”

 

 

หงหลวนไม่คิดว่าบิดาของตัวเองจะดื้อรั้นขนาดนี้ สีหน้าของนางเย็นชายิ่งขึ้น

 

 

“ข้าพูดไปแล้วว่าด้วยความแข็งแกร่งของข้า ข้าไม่จำเป็นต้องรับการช่วยเหลือจากเมืองอุดร! ต้องมีสักวันหนึ่งที่ข้าสามารถใช้กำลังตัวเองทำให้เมืองบูรพาอยู่บนจุดสูงสุดของแคว้นเจ็ดเมืองให้ได้ และข้าจะทำให้ชื่อถูกจารึกชื่อไว้ไม่มีลืม!”

 

 

“ลืมมันเสียเถอะ”

 

 

ยอดฝีมือผู้นี้เคยทำให้โลกต้องตะลึงมาแล้วแต่ตอนนี้เขากำลังเผชิญหน้ากับบุตรสาวที่อยู่ในช่วงต่อต้านอย่างอับจนหนทาง เขารู้จักอารมณ์ร้ายๆ ของบุตรสาวตัวเองดี นางไม่เคยหันหลังกลับเมื่อตัดสินใจไปแล้ว!

 

 

“หลวนเอ๋อร์ ถ้าเจ้าไม่ได้ทนทุกข์กับความผิดหวัง เจ้าก็คงไม่หันหลังกลับ บิดาเจ้าก็หมดหนทางจะจัดการกับเจ้าแล้ว” หงหลิงยิ้มอย่างขมขื่น

 

 

ถึงแม้ว่าเขาจะเข้มงวดกับบุตรสาว แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นบุตรสาวเขา แล้วเขาจะบังคับมัดตัวนางขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวได้อย่างไร

 

 

“ในอนาคตข้าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องของความรักของเจ้าอีกแล้ว อีกอย่างเรื่องระหว่างเจ้ากับหลิงเฉิน เจ้าก็ต้องจัดการด้วยตัวเอง อีกสองสามวันเจ้าเมืองอุดรคงมาที่นี่เพื่อยกเลิกการแต่งงานด้วยตัวเอง เจ้าคิดคำปฏิเสธดีๆ ไว้หรือยัง”

 

 

“คำปฏิเสธดีๆ งั้นหรือ เหตุใดข้าต้องทำเจ้าคะ” หงหลวนหัวเราะเบาๆ อย่างเย็นชา “ข้าพูดว่าข้าไม่แต่งก็หมายความตามนั้น แม้จักรพรรดิจะมาด้วยตัวเอง ข้าก็จะปฏิเสธการแต่งงาน!”

 

 

หงหลิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญาแล้วทำได้แค่ย้ายสายตาไปหาอวิ๋นลั่นเฟิง

 

 

ในตอนนั้น เพราะอวิ๋นลั่วเฟิงรู้สึกว่าการถกเถียงกันระหว่างบิดาและบุตรสาวน่าเบื่อ นางจึงดึงเก้าอี้ออกมานั่งอย่างเป็นธรรมชาติ นางเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้านขณะที่ดวงตาร้ายกาจของนางแสดงความคิดดูถูกโลกทั้งใบ