บทที่ 13 การแข่งขันแพทย์แผนจีน เริ่มต้น ณ บัดนี้!
“ไปสนุกที่ไหน?”
ซูเย่ถามยิ้มๆ
“มาถิ่นของฉันก็ต้องฟังฉันสิ รับรองว่ามันส์ระเบิด!”
จางจงหมิงหัวเราะเสียงดังพลางกล่าว “แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะส่งที่อยู่ให้ก่อนเวลามื้อเย็น!”
“ได้”
ซูเย่พยักหน้า
….
เวลาบ่ายโมง
จางจงหมิงส่งวีแชทมา ‘ภัตตาคารข่งอี้เจ๋อ’
ไปสนุกที่ร้านอาหาร?
ซูเย่ยกยิ้มเล็กๆ แล้วเรียกรถมุ่งหน้าไปยังภัตตาคารข่งอี้เจ๋อทันที
เมื่อมาถึงหน้าร้าน พบว่าจางจงหมิงไม่ได้มาเพียงคนเดียว แต่คนที่ยืนอยู่ด้านข้างก็คือแฟนสาวของเขา
ไม่ใช่ว่าท้องอยู่เหรอ? ทำไมถึงพาเธอออกมาด้วยละ?
“ยินดีต้อนรับ”
จางจงหมิงทักทายเขาอย่างเป็นกันเองและแนะนำซูเย่ให้คู่หมั้นของเขาได้ทำความรู้จักกัน
จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับคู่หมั้น
“ที่รัก คุณไปที่ห้องส่วนตัวเพื่อสั่งอาหารก่อนนะ ฉันขอคุยกับพี่ซูเย่ข้างนอกแปปนึงนะ”
หลังจากพูดจบ เขาดึงซูเย่ไปด้านข้างและพูดอย่างเคอะเขิน “แต่เดิมอยากใช้นายเป็นข้ออ้างออกไปเที่ยวข้างนอก แต่เธอไม่เชื่อฉันและยืนกรานที่จะตามมา ฉันเลยทำได้เพียงจองที่นี้ เข้าใจใช่ไหม ขอโทษด้วยนะ”
“แฟนคุมเข้มสินะ? ไม่เป็นไร ที่นี่ก็ดีเหมือนกัน”
ซูเย่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“พี่ซูเย่ ฉันขอบอกไว้จากใจเลยนะ อย่าแต่งงานเร็วเด็ดขาด ผู้หญิงตอนเป็นแฟนกันก็เป็นแบบหนึ่ง พอมีลูกก็กลายเป็นอีกแบบหนึ่ง แต่ก่อนฉันเคยเป็นคนเสเพลรักสนุก แต่ตอนนี้ฉันถูกคุมจะจนขยับไปไหนไม่ได้ ฉันคิดว่าภรรยาของฉันเป็นคนไม่ค่อยทันคน คงหลอกง่าย ตอนนี้ฉันพบว่าขอเพียงขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงไม่มีทางหลอกได้ง่ายๆ แน่”
ซูเย่ตบไหล่ของจางจงหมิงอย่างเห็นใจ
จากนั้นเขาก็หยิบกระดาษออกมาแล้วยื่นให้อีกฝ่าย
“นี่คือ?”
จางจงหมิงหยิบมันขึ้นมาและถามด้วยใบหน้าที่งงงวย
“ฉันปรับปรุงเทคนิคการฝึกซ้อมในหมวกที่นายได้รับ”
ซูเย่กล่าว “คนอื่นๆ ในพรรคได้รับหมดแล้ว และพวกเขาได้ลองฝึกฝนแล้วด้วย”
“ให้ตายเถอะ นายเก่งขนาดนี้เลยเหรอ”
จางจงหมิงเหลือบมองด้วยความประหลาดใจ และยิ่งเขามองมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งประหลาดใจมากขึ้นเท่านั้น
มันดีกว่าที่ฝึกในหมวก VR จริงๆ!
ซูเย่มีความสามารถแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?
นอกจากนี้ ซูเย่ยังบอกจางจงหมิงถึงวิธีการรวบรวมพลังปราณเพื่อขยายจุดลมปราณของเขา
“ให้ตายเถอะ นายมีของดีไม่น้อยเลยนี่! มีอีกไหม เร็วเข้า รีบบอกหน่อย!”
จางจงหมิงถามอย่างรวดเร็ว
“มี”
ซูเย่พยักหน้าอย่างจริงจัง
“จริงเหรอ อะไรน่ะ”
จางจงหมิงถามด้วยความประหลาดใจ
“โคจรพลังปราณในร่างพี่สะใภ้ทุกวันก่อนนอน บางทีลูกในอนาคตของนายอาจจะฉลาดมากและจะมีร่างกายที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการฝึกปราณ”
ซูเย่ตอบด้วยรอยยิ้ม
“แค่นี้เหรอ”
จางจงหมิงพูดอย่างไม่เต็มใจ “รอกินไปวันๆ ก็ดีอยู่แล้ว ไม่เป็นไรหรอก จะฉลาดเหมือนฉันไปทำไมกัน?”
ซูเย่ “…”
ถือว่าไม่เคยพูดละกัน
“พวกนายสองคนหลบไปพูดอะไรกัน”
เมื่อทั้งสองเข้าไปในห้องส่วนตัว คู่หมั้นถามด้วยรอยยิ้มพร้อมมองจางจงหมิงด้วยสายตาที่พินิจพิเคราะห์
“ไม่มีอะไร”
จางจงหมิงตอบทันที
“เขาเป็นห่วงสุขภาพคุณมาก และรู้ว่าฉันกำลังเรียนแพทย์แผนจีน เขาเลยอยากขอให้ฉันตรวจชีพจรให้คุณ”
ซูเย่พูดด้วยรอยยิ้ม
แม้ว่าหมอจะไม่ควรเสนอตัวเอง แต่นี่ถือเป็นการขอบคุณจางจงหมิงที่ให้การสนับสนุนในเกม Fantasy Dream
“งั้นตรวจดูสิ”
แฟนสาวของจางจงหมิงตอบตกลงด้วยรอยยิ้ม จากนั้นจึงจิ้มไปที่แขนของจางจงหมิงและพูดด้วยใบหน้าที่มีความสุข
“ฉันก็ว่าอยู่ดีๆ ทำไมวันนี้คุณถึงจะออกไปกินข้าวโดยไม่บอกฉันเลย เพราะคุณอยากแอบเชิญเพื่อนที่เป็นหมอมาตรวจให้ฉันนี่เอง ถือว่านายทำได้ดี!”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
จางจงหมิงยิ้มและยกนิ้วให้ซูเย่อย่างลับๆ
ซูเย่ยิ้มเล็กน้อยและเริ่มจับชีพจรให้อีกฝ่าย เขาพบว่าชีพจรของผู้หญิงคนนี้เป็นเหมือนฟองอากาศเรียงเป็นแถวไหลผ่านนิ้วสามนิ้วของเขาอย่างรวดเร็วทีละนิ้ว
นี่เป็นชีพจรลื่นที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์เท่านั้น รอยยิ้มที่มุมปากกว้างขึ้น เขาปล่อยมือแล้วกล่าวขึ้น
“เด็กผู้ชาย สุขภาพแข็งแรงมาก”
ทั้งสองคนตกตะลึง โดยเฉพาะจางจงหมิงที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ
“ตรวจได้จริงเหรอเนี่ย?”
จางจงหมิงมองซูเย่ด้วยความประหลาดใจและถาม “แค่จับชีพจรนายก็รู้แล้วเหรอ?”
พวกเขาแอบไปตรวจกันมาแล้ว เป็นเด็กผู้ชายจริงๆ ดังนั้นย่อมแสดงว่าความสามารถแพทย์แผนจีนของซูเย่ดีไม่น้อย
….เขาแค่จับชีพจรก็รู้แล้วว่าลูกเป็นเพศอะไร!
“จริงเหรอ?”
แฟนสาวจางจงหมิงรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
แต่เดิมเธอไม่ค่อยมั่นใจในผลการตรวจเท่าไหร่ เพราะเพิ่งตั้งครรภ์ได้ไม่นาน แต่ตอนนี้ผลก็ยังคงเป็นเด็กผู้ชาย ในที่สุดก็ได้โล่งใจแล้ว!
“ที่จริงฉันอยากได้ลูกผู้หญิง”
จางจงหมิงกล่าวอย่างไม่ค่อยดีใจเท่าไหร่
“นายว่าไงนะ”
ภรรยาของเขาจ้องเขม็ง
“กินข้าวกินข้าว”
จางจงหมิงรีบยิ้มกลบเกลื่อนและคีบอาหารให้แฟนสาวของเขา
ระหว่างทานอาหารเย็น ซูเย่ยังบอกคู่หมั้นของจางจงหมิงให้ทราบถึงข้อควรระวังบางประการในการป้องกันและเลี้ยงดูทารกในครรภ์
เธอจึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาพิมพ์ลงในบันทึกช่วยจำ
ทั้งสามคนทานอาหารอย่างมีความสุข
…
อาคารสถานีโทรทัศน์เมืองตี้ตู
“ผู้กำกับจ้าว ยังไม่กลับอีกเหรอครับ?”
ทีมงานคนหนึ่งเดินผ่านห้องประชุม เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยผ่านรอยแยกที่ประตู เขาจึงผลักประตูให้เปิดออกแล้วเดินเข้ามาทันที
จ้าวเหมียน ชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างปานกลาง เขาเป็นผู้กำกับรายการวาไรตี้ที่มีชื่อเสียงในเมืองตี้ตู และสามารถผลิตรายการวาไรตี้ขนาดใหญ่ได้ทุกปี ทว่าการสร้างสรรค์รายการต่อเนื่องยาวนาน ไม่ว่าเขาจะมีความคิดสร้างสรรค์มากเพียงใด แรงบันดาลใจก็ย่อมค่อยๆ จืดจางลงไป
“หืม?”
เมื่อได้ยินเสียงคนตะโกนเรียก จ้าวเหมียนที่กำลังขีดเขียนภาพวาดเรื่อยเปื่อยอยู่หน้าห้องประชุมจึงเงยหน้าขึ้นโดยพลัน เหลือบมองคนที่ยืนอยู่ที่หน้าประตู แล้วเอ่ยถาม “ตอนนี้กี่โมงแล้ว”
“ใกล้จะสามทุ่มแล้วครับ”
ทีมงานเอ่ยตอบ
“เวลาผ่านไปเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?”
จ้าวเหมียนยืนขึ้นและเหยียดแขนออกเพื่อขับไล่ความเมื่อยล้า จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ปิดสมุดจดของเขาแล้วกล่าว
“ออกไปกันเถอะ”
“ผู้กำกับจ้าว คุณยังกังวลเกี่ยวกับความแปลกใหม่ของรายการอยู่หรือเปล่า?”
ทีมงานเอ่ยถามขณะเดินไปด้วยกัน
“ใช่น่ะสิ”
จ้าวเหมียนส่ายหัวพลางถอนหายใจแล้วกล่าว “รสนิยมของผู้ชมเริ่มซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ เราต้องสร้างรายการที่สามารถตอบสนองสภาพแวดล้อมปัจจุบันได้ ทว่าเราไม่สามารถไล่ตามความแปลกใหม่อย่างสุ่มสี่สุ่มห้า แต่ยังต้องคำนึงให้สอดคล้องกับความต้องการในสังคมปัจจุบัน ยากจริงๆ”
“ผมได้ยินข่าวมา มีความสอดคล้องกับความต้องการในสังคมสมัยนี้และมีการแข่งขันสูง ผมไม่รู้ว่าจะตรงกับความต้องการของคุณหรือเปล่า”
ทีมงานพูดด้วยรอยยิ้ม
“โอ้ะ?”
จ้าวเหมียนเอ่ยถาม “ข่าวอะไร?”
“คือว่าอย่างนี้ครับ”
พนักงานกล่าวทันที “ผมได้ยินมาว่าภายใต้การสนับสนุนของกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุข การแข่งขันแพทย์แผนจีนจะจัดขึ้นในเมืองตี้ตู”
“การแข่งขันแพทย์แผนจีน?”
เมื่อจ้าวเหมียนได้ยิน ดวงตาของเขาพลันส่องสว่างขึ้นในทันใด และเมื่อเขาได้ยินชื่อนี้ เขาก็ผุดความคิดขึ้นมาได้หลายอย่าง ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่เคยมีวาไรตี้เกี่ยวกับแพทย์แผนจีน สิ่งสำคัญที่สุดคือกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุข นี่คือโอกาสสำคัญ!
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าความคิดนี้เป็นความคิดที่ดี และยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น! เขาหันกายวิ่งกลับไปที่ออฟฟิศอย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึง เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายทันที เพราะต้องหาคนมาถามให้แน่ใจว่าการแข่งขันแพทย์แผนจีนคืออะไรและนำไปยื่นรายงานต่อเบื้องบน และไม่ว่าอย่างไรก็ตาม… เขาก็ต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ได้!
สองชั่วโมงต่อมา จ้าวเหมียนยิ้มอย่างพึงพอใจ เขาทำสำเร็จแล้ว!!
เบื้องบนรับปากแล้ว แต่มีข้อแม้อย่างเดียว ทำให้ดี ทำให้อลังการ!
จ้าวเหมียน สูดหายใจเข้าลึกหนึ่งเฮือก นี่เป็นโอกาสำคัญที่จะพัฒนาอาชีพของเขา!
…
เช้าวันถัดมา ซูเย่ได้รับข้อความจากอาจารย์หลี่เจียจงว่ารูปแบบการแข่งขันมีการเปลี่ยนแปลงชั่วคราว รูปแบบข้อสอบคงเดิม แต่จะมีการถ่ายรายการทีวี นำเสนอในรูปแบบของรายการวาไรตี้
รายการวาไรตี้แพทย์แผนจีน… ซูเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย จะมีคนดูงั้นเหรอ?
ณ ขณะนี้
ก๊อกก๊อกก๊อก…
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ใครครับ”
ซูเย่ตะโกนถาม
“ทีมงานรายการทีวีครับ”
เสียงตอบดังมาจากนอกประตู
ซูเย่เดินไปเปิดประตู
“สวัสดี เราเป็นทีมงานของรายการ และเขาเป็นโปรดิวเซอร์ที่จะมาสัมภาษณ์คุณ”
เมื่อเข้าไปในประตู ตากล้องก็หันกล้องไปที่ใบหน้าของซูเย่ ส่วนทีมงานที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็มีหน้าที่อธิบาย
“เข้ามาสิครับ”
ซูเย่พยักหน้า ดูเหมือนว่าเริ่มบันทึกภาพแล้ว ซึ่งเขาก็เคยดูรายการวาไรตี้มาบ้างและรู้ดีว่าต้องทำยังไง
“ตามกฎของการแข่งขัน เราต้องการให้ผู้เข้าร่วมทุกคนตั้งคำถามห้าข้อ คำถามแบบปรนัย 3 คำถาม และคำถามเติมคำในช่องว่างแบบสองคำถาม ยิ่งยากยิ่งดี”
หลังจากเข้าไปในห้องแล้ว ทีมงานก็หยิบกระดาษและปากกาออกมายื่นให้ซูเย่
คิดคำถาม?
ซูเย่ตกใจเล็กน้อย
แม้จะมีข้อสงสัยอยู่ในใจ แต่เขายังคงตั้งคำถามมาห้าข้อตามความต้องการของรายการ
“พอจะบอกเราได้ไหม ว่าคุณมีความคาดหวังอะไรบ้างสำหรับการแข่งขันครั้งนี้”
โปรดิวเซอร์รับคำถามมาและเอ่ยถาม
“คว้าที่หนึ่ง”
ซูเย่กล่าวอย่างราบเรียบ
เมื่อได้ยินดังนั้น โปรดิวเซอร์พลันตาเป็นประกาย สิ่งที่เขาต้องการคือคำพูดที่กล้าหาญแบบนี้ การแสดงที่อ่อนน้อมถ่อมตนใครจะไปอยากดูกันละ!
เขาถามอีกครั้งทันที “คุณมั่นใจมากไหม”
“เมื่อมั่นใจ จึงพูดออกมา”
ซูเย่พูดด้วยรอยยิ้ม
โปรดิวเซอร์ยิ้มเล็กน้อย เขาคิดว่าผู้แข่งขันคนนี้น่าสนใจมาก บางทีชายหนุ่มคนนี้อาจสร้างไฮไลท์ของรายการได้ และมันคงจะดีมากถ้าอีกฝ่ายมีเรื่องปะทะกับผู้แข่งขันคนอื่นเพื่อสร้างไฮไลท์ให้รายการ!
โปรดิวเซอร์ถามคำถามอื่นต่อไป หลังจากถามเสร็จ เขาก็ไปที่ห้องอื่นต่อ
“นักศึกษาหวังจี้เชา คุณเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแพทย์ตี้ตู การแข่งขันคราวนี้ที่จัดขึ้นในเมืองของคุณ คุณมีเป้าหมายอะไรหรือไม่?”
คนคนนี้คือคนที่เยาะเย้ยถากถางซูเย่ที่แผนกต้อนรับเมื่อวานนี้
“ง่ายมากเลยครับ คว้าที่หนึ่ง”
หวังจี้เชาพูดอย่างมั่นใจ
“ดูเหมือนคุณจะมั่นใจมากนะ”
โปรดิวเซอร์ถามด้วยรอยยิ้ม ยิ้มอย่างมีความสุข อีกคนแล้วที่มีความมั่นใจแบบนี้ ดีจริงๆ!
“มันไม่เกี่ยวอะไรกับความมั่นใจ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสามารถ”
หวังจี้เชาเอ่ยพูดต่อ “เหตุที่ผมมีความมั่นใจนี้ เพราะผมเป็นที่หนึ่งในหมู่เพื่อนร่วมรุ่น ไม่มีใครเก่งไปกว่าผมแน่นอน! ตั้งแต่วันแรกของการศึกษา ผมเป็นที่หนึ่งมาตลอด”
ตอนนี้ในหัวสมองของโปรดิวเซอร์กำลังปรากฏภาพการตัดต่อเอาไว้แล้ว เขาตั้งตารอการตัดต่อเปรียบเทียบวิดีโอที่ซูเย่และหวังจี้เชากล่าวอย่างมั่นใจของ
มันจะต้องดีมากแน่ๆ!
ในเวลาเดียวกัน ที่ห้องผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ …พวกเขาเองก็แสดงความมั่นใจในตนเองอย่างเต็มที่ และหลายคนตั้งเป้าหมายไว้ที่อันดับหนึ่ง
หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงแล้ว ผู้เข้าแข่งขันทุกคนก็มาถึงห้องประชุมตามประกาศ
นอกห้องประชุม ผู้กำกับจ้าวเหมียนสูดหายใจเข้าลึกหนึ่งเฮือก สำหรับเขารายการใหม่ทุกรายการก็คือสนามรบ
และในเมื่อครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงหลัก 2 แห่ง ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ตามจะล้มเหลวไม่ได้เด็ดขาด!
ถ้าสำเร็จเขาจะได้โบยบินไปสูงยิ่งขึ้น!
ถ้าล้มเหลวก็จะไม่มีโอกาสครั้งที่สอง!
เขาระงับความตื่นเต้นในใจแล้วสาวเท้าเข้าไปในห้องประชุม
“สวัสดีทุกคน”
จ้าวเหมียนทักทายผู้เข้าแข่งขัน 100 คนและพูดอย่างเป็นกันเอง “ที่ฉันขอให้ทุกคนมาประชุมครั้งนี้ เพราะมีเรื่องจะแจ้งให้ทุกคนทราบ เพื่อที่ทุกคนจะได้เตรียมตัวไว้ล่วงหน้า”
“อย่างแรกเลย จะมีสอบข้อเขียนตอนบ่ายสามโมงนี้เป็นเวลาสองชั่วโมง”
“ผู้เข้าแข่งขัน 100 คน จะถูกคัดออกครึ่งหนึ่งในการทดสอบข้อเขียนนี้ และผู้เข้าแข่งขัน 50 คนจะผ่านเข้าสู่การแข่งขันรอบที่สอง”
สอบข้อเขียนเริ่มบ่ายสามโมง? รอบแรกก็คัดคนออกครึ่งหนึ่ง… โหดร้ายขนาดนี้เลยเหรอ ในใจของผู้เข้าแข่งขัน 100 คนตึงเครียดไม่ต่างกัน
“คนที่มั่นใจว่าจะคว้าที่หนึ่งในการสอบข้อเขียน ลุกขึ้นมา”
จ้าวเหมียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
คนนับสิบคนยืนขึ้นพร้อมกันทันที เมื่อเห็นฉากนี้เหล่าโปรดิวเซอร์พลันหัวเราะอย่างมีความสุข ส่วนจ้าวเหมียนยิ่งยิ้มอย่างมีความสุขมากกว่าเดิม
นี่คือกลิ่นบรรยากาศมาคุ นี่คือการปะทะหน้ากันที่เป็นจุดไฮไลต์ที่รายการต้องการ!
โปรดิวเซอร์ที่สัมภาษณ์ซูเย่เมื่อวานนี้เห็นซูเย่นั่งนิ่งไม่ขยับ เขาจึงบอกผู้กำกับทันที เมื่อจ้าวเหมียนได้ยิน เขาก็ผายมือไปทางซูเย่ทันที
“เอ๊ะ? นักศึกษาคนนี้ คุณไม่ได้บอกว่าคุณต้องการที่จะเป็นที่หนึ่งเมื่อวานนี้เหรอ ทำไมคุณไม่ยืนขึ้น?”
ควับ——
ทุกคนหันศีรษะมองไปที่ซูเย่โดยพลัน
“นายก็อยากได้ที่หนึ่งงั้นเหรอ”
หวังจี้เชายิ้มเยาะ “นายเพิ่งเรียนมาเพียงครึ่งปี ฉันคิดว่านายนั่งไปเงียบๆ น่ะดีแล้ว”
เมื่อคำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ทุกคนก็มองดูพวกเขาอย่างสงสัย การแข่งขันยังไม่ทันเริ่มเลย แต่บรรยากาศกลับอึมครึมขนาดนี้แล้ว นี่ทั้งสองคนนั้นมีความแค้นส่วนตัวกันหรือเปล่า? แล้วเพื่อนคนนั้นเขาเพิ่งเรียนแค่ครึ่งปีเองเหรอ?
“ยืนขึ้นแล้วจะได้ที่หนึ่งงั้นเหรอครับ?”
เมื่อเผชิญหน้ากับการเยาะเย้ยของหวังจี้เชา ซูเย่ส่ายหัวพลางยิ้มขำขัน แล้วถามว่า “นายไม่คิดว่าตัวเองโง่ที่เชื่อแบบนั้นเหรอ?”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา พวกคนที่ไม่ลุกขึ้นยืนก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ส่วนใบหน้าของหวังจี้เชาเองก็กลายเป็นน่าเกลียดฉับพลัน!!