ตอนที่ 289 : ลู่หาน Vs เจิ้นเหลิ่งเทียน

ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统)

ตอนที่ 289 : ลู่หาน Vs เจิ้นเหลิ่งเทียน

“นายต้องแพ้ให้กับฉัน ! ”

เสียงนี้ดังก้องไปทั่วสนามพร้อมกับพายุหิมะที่สลายไปในทันทีก่อนจะเผยให้เห็นหมัดที่ชุ่มด้วยเลือดกับบัวหิมะที่ปะทะกัน

ในการปะทะกันนี้แสงจากหมัดก็ได้หายไปในทันที

ร่างกายของเซี่ยงหยางเต็มไปด้วยบาดแผล เลือดของเขาไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนว่าเพื่อจะชนะการต่อสู้นี้เขาได้ทุ่มสุดตัว ต่อให้เขาจะบาดเจ็บแต่เซี่ยงหยางก็ยังมองไปที่เจิ้นเหลิ่งเทียนด้วยสายตามุ่งมั่นไม่คิดที่จะยอมแพ้

เซี่ยงหยางพุ่งเข้าใส่เจิ้นเหลิ่งเทียนด้วยพลัง 5 เท่าเฮือกสุดท้ายเพื่อที่จะทำการโจมตี

“หมัดสายฟ้า ! ” เซี่ยงหยางกัดฟันแน่นและใช้พลังทั้งหมดที่มีเข้าโจมตี พลังของการโจมตีนี้ไม่อาจจะเอาการโจมตีครั้งก่อน ๆ มาเทียบได้เลย

“งั้นหรือ…” เจิ้นเหลิ่งเทียนพึมพำออกมาพร้อมกับมองไปที่เซี่ยงหยางอย่างเย็นชา “งั้นก็ได้ตามที่นายต้องการ”

สุดท้ายคิ้วของเจิ้นเหลิ่งเทียนก็ขมวดเข้าหากัน ในพริบตาพลังน้ำแข็งรอบตัวเขาก็แผ่ออกมาก่อนจะรวมตัวกันเป็นเกราะน้ำแข็งแต่ไม่มีใครมองเห็นมันได้

ตอนนั้นเซี่ยงหยางได้ใช้พลังทั้งหมดที่มีเข้าโจมตีเจิ้นเหลิ่งเทียน

ปัง !

เจิ้นเหลิ่งเทียนที่โดนโจมตีถึงกับกระเด็นออกไป

เมื่อเจิ้นเหลิ่งเทียนรับการโจมตีไป พลัง 5 เท่าในตัวเซี่ยงหยางก็ได้หมดลง พลังได้สลายไปในพริบตา ตัวของเขาอิดโรยและอ่อนแรงอย่างมาก ใบหน้าของเขาซีดเผือด

เขาร่วงลงไปกองกับพื้นด้วยสายตาพร่ามัว ดูเหมือนว่าเขาจะอาการหนักพอสมควร

แต่เขายังไม่สลบ อย่างน้อยเพื่อที่จะยืนยันได้ว่าเขาชนะรึแพ้ เขาก็ขอดูว่าเจิ้นเหลิ่งเทียนนั้นล้มลงไปกับการโจมตีของเขารึไม่

เซี่ยงหยางเงยหน้าขึ้นมองไปยังฝั่งเจิ้นเหลิ่งเทียนเพื่อหาคำตอบ

ทุกคนในสนามต่างก็เป็นเหมือนกับเซี่ยงหยาง พวกเขาอยากจะรู้ว่าเจิ้นเหลิ่งเทียนที่รับการโจมตีครั้งสุดท้ายของเซี่ยงหยางไปเต็มๆนั้นจะมีสภาพยังไง

สุดท้ายผ่านไปไม่กี่อึดใจ เจิ้นเหลิ่งเทียนก็ลุกขึ้นมาอย่างช้า ๆ เงาน้ำแข็งรอบตัวเขาเหมือนจะแตกสลายไป แต่ไม่มีใครสนใจในส่วนนั้น พวกเขาแค่อยากรู้แค่ว่าเจิ้นเหลิ่งเทียนจะเป็นยังไง

หมวกดำของเจิ้นเหลิ่งเทียนร่วงลงบนพื้น เผยให้เห็นผมสีฟ้าที่ยาวถึงเอวหลุดร่วงลงมา ใบหน้าที่เยาว์วัยซีดเซียวไปเล็กน้อยเท่านั้น

แต่การโจมตีนี้กลับทำอะไรเจิ้นเหลิ่งเทียนไม่ได้เลย ไม่มีแม้แต่เลือดที่ไหลออกมา นอกจากใบหน้าที่ซีดแล้ว เขาก็เหมือนไม่ได้บาดเจ็บเลยสักนิด

ปิศาจ นี่มันปิศาจที่แข็งแกร่ง…

นี่คือสิ่งที่ผู้คนคิดเกี่ยวกับเขา

เมื่อเห็นว่าเจิ้นเหลิ่งเทียนยังคงยืนอยู่ได้โดยที่ไม่บาดเจ็บแม้แต่น้อย เซี่ยงหยางก็ได้แต่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

“นี่มัน…สัตว์ประหลาดชัด ๆ…” หลังจากที่พึมพำจบ เซี่ยงหยางก็ไม่อาจจะประคองสติได้อีกต่อไป

ในพริบตาทีมแพทย์จำนวนมากก็เข้ามาตรวจสอบอาการของเขา เมื่อพบว่าเซี่ยงหยางไม่ได้อยู่ในอันตราย ทีมแพทย์ก็ได้แบกเขาไปที่ห้องรักษาทันที

ตอนนั้นลู่หานยังยืนอยู่ข้างเวทีพร้อมกับหอกคู่ใจ

หลายคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อตะกี้ เซี่ยงหยางได้ใช้พลังทั้งหมดที่มีแต่ก็ไม่อาจจะทำลายการป้องกันของเจิ้นเหลิ่งเทียนได้ ไม่มีใครรู้ว่าเจิ้นเหลิ่งเทียนใช้พลังทั้งหมดรึยัง

ต่อหน้าความแข็งแกร่งเช่นนี้หากลู่หานคิดจะสู้กับอีกฝ่าย งั้นต้องบอกว่าลู่หานนั้นกล้าหาญอย่างมาก

หลังจากที่ผ่านการต่อสู้มาหลายรอบ ผู้คนก็คิดกันว่าลู่หานและเซี่ยงหยางนั้นแข็งแกร่งพอ ๆ กัน

แม้แต่เซี่ยงหยางก็ยังแพ้ ลู่หานก็คงไม่ต่างกัน แต่หากลู่หานมีไพ่ลับซ่อนอยู่ งั้นมันก็อาจจะมีโอกาส

ตอนนี้แทบทุกคนต่างก็เป็นห่วงลู่หาน เพราะความแตกต่างของความแข็งแกร่งนั้นมากเกินไป แชมป์ของการชุมนุมนี้คงตกเป็นของเจิ้นเหลิ่งเทียนอย่างแน่นอน

ลู่หานไม่รู้ว่าผู้ชมคิดอะไร แต่ถึงจะรู้เขาก็คงไม่สนใจ

สำหรับบางคน แม้จะรู้ว่ามีโอกาสชนะน้อยนิดแต่ก็ยังคิดที่จะสู้เพื่อที่จะได้เข้าใจจุดอ่อนของตัวเอง

หลังจากที่ดูการต่อสู้นี้ เป็นธรรมดาที่ลู่หานจะรู้ว่าไม่มีโอกาสชนะเลย การขึ้นไปสู้มีแต่จะทำให้เขาบาดเจ็บและพ่ายแพ้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอยากที่จะลอง

ไม่ใช่อยากสิ เขาต้องขึ้นไปต่อสู้ต่างหาก

ลู่หานเดินขึ้นไปบนเวทีก่อนจะบอกกับเจิ้นเหลิ่งเทียน “ นายไปฟื้นฟูร่างกายก่อน จากนั้นเราค่อยมาสู้กัน”

“ไม่ ฉันไม่อยากเสียเวลา ฉันไม่จำเป็นต้องฟื้นฟูร่างกาย” เจิ้นเหลิ่งเทียนพูดขึ้นพร้อมกับกำมือขวาก่อนจะมีดาบน้ำแข็งก่อตัวขึ้นมา

เมื่อได้ยินแบบนั้น ลู่หานก็ไม่พูดอะไรต่อ เห็นได้ชัดแล้วว่าเจิ้นเหลิ่งเทียนไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย เจิ้นเหลิ่งเทียนแค่หน้าซีดและเสียพลังไปเล็กน้อยเท่านั้น มันสามารถฟื้นฟูขึ้นมาได้ในพริบตา

เมื่อเห็นว่าทั้งสองจะสู้กันต่อ หลายคนก็ไม่คิดห้ามลู่หานอีก พวกเขาพากันส่งเสียงเชียร์ลู่หานแทน

ถ้าลู่หานชนะล่ะ…

นั่นคงเป็นความฝันลม ๆ แล้ง ๆ…

บนเวทีนั้นลู่หานยกหอกขึ้นพร้อมกับพลังในหอกที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

ในพริบตาเขาก็ระเบิดพลังอันแข็งแกร่งออกมา เขาได้พุ่งเข้าใส่เจิ้นเหลิ่งเทียนพร้อมกับใช้ทักษะหอกขั้นที่ 8 ออกมาโจมตีเจิ้นเหลิ่งเทียน

ชัดแล้วว่าเขาโจมตีเพื่อป้องกัน การโจมตีนี้บางทีเขาอาจจะเป็นฝ่ายเปิดฉากก่อนได้

ยังไงซะการเปิดฉากโจมตีก่อนก็สำคัญในการตัดสินว่าใครจะแพ้รึชนะ

ติ๊ง ติ๊ง !

ต่อหน้าหอกนับสิบที่พุ่งเข้ามา เจิ้นเหลิ่งเทียนได้ใช้ดาบในมือป้องกันตัวเองเอาไว้พร้อมกับผมที่ปลิวไปตามลม

แต่หอกทั้งสิบนั้นรุนแรงยิ่งกว่าท่าที่ลู่หานใช้มาก่อนหน้านี้ ลู่หานได้ฝึกทักษะนี้จนถึงระดับสูงสุด มันทำให้เจิ้นเหลิ่งเทียนถึงกับแปลกใจ

ดังนั้นด้วยเวลาที่ผ่านไปก็ทำให้พลังในตัวลู่หานแข็งแกร่งขึ้นมาเรื่อย ๆ แรงที่แทงหอกออกไปก็มากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย

แต่เจิ้นเหลิ่งเทียนกลับรับการโจมตีได้ทั้งหมดอย่างง่ายดาย

ดาบในมือนั้นไม่รู้ว่าทำมาจากอะไร ในการปะทะกับหอกนั้นมันไม่แตกเลยแม้แต่น้อย มันถึงกับไม่มีรอยร้าวเลยด้วยซ้ำ

ฉากนี้ทำให้หลายคนต้องทึ่งและทำให้พวกเขาเคารพในตัวเจิ้นเหลิ่งเทียนมากกว่าเดิม

ยังไงซะในโลกนี้คนที่แข็งแกร่งก็น่าชื่นชม