ตอนที่ 479 ต้องเฉิดฉายแน่นอน
หลังจากมั่วซูอวิ๋นพูดจบ ผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุนถึงค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย
ทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อในวันนี้เหมือนโดนสับไพ่จนหมดเกลี้ยง ส่วนสมาชิกทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อก่อนหน้านั้นจะจัดการอีกครั้งภายในไม่กี่วันนี้
เมื่อเป็นเช่นนั้น ทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อก็เหลือแค่พวกเขาไม่กี่คน เรื่องที่เร่งด่วนช่วงนี้ต้องหานักแข่งรถและเนวิเกเตอร์ซะก่อน
“ซูอวิ๋น ส่วนเรื่องเงินเดือน…”
ผ่านไปสักพัก สายตาของผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุนมองไปทางมั่วซูอวิ๋นอีกครั้ง ถึงแม้จะลำบากใจแต่สภาพตระกูลเฮ่อตอนนี้ต้องพูดออกมาก่อนอยู่ดี
สมาชิกทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อก่อนหน้านั้นถึงแม้จะไม่ค่อยมีความสามารถเท่าไหร่ เหมือนที่มั่วซูอวิ๋นพูดว่าพวกเขาเป็นพวกไก่กา แต่เงินเดือนไม่สูงมาก ถือว่าอยู่ในระดับที่พอรับได้
แต่ถ้ามั่วซูอวิ๋นรับนักแข่งรถที่มีความสามารถ เรื่องเงินเดือนจะกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก
สำหรับทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อตอนนี้ ต่อให้พวกเขาจ่ายเงินเดือนนักแข่งรถระดับกลางก็ไม่มีความสามารถ
มั่วซูอวิ๋นเข้าใจความหมายของผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุนทันที เขาหัวเราะแล้วพูดขึ้น “เถ้าแก่ครับ พูดตรงๆ นะ ถ้าจะอาศัยเงินเดือนหาตัวนักแข่งรถที่มีฝีมือ คงจะไม่ค่อยยั่งยืนเท่าไหร่ อีกอย่าง ต่อให้จะจ่ายเงินเดือนเยอะเท่าไหร่ก็คงจะหาคนไม่ได้เหมือนกัน”
“งั้น…”
ผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุนตะลึงเล็กน้อย ถ้าตามที่มั่วซูอวิ๋นพูดว่าไม่หาคนด้วยเงินเดือนสูงแล้ว จะหาด้วยอะไรกันล่ะ?
แน่นอนว่าผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุนเข้าใจในสิ่งที่มั่วซูอวิ๋นพูดเหมือนกัน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะให้ทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อใช้เงินเดือนสูงๆ ไปหาตัวนักแข่งรถและเนวิเกเตอร์ที่มีฝีมือได้
“ใช้ศักยภาพ” มั่วซูอวิ๋นคิดไปคิดมาจึงเอ่ยปากพูดขึ้น
นอกเสียจากมีศักยภาพเพียงพอ นักแข่งรถที่พอมีฝีมือถึงจะเลือกเข้ามาในทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อ
“ผมเชื่อว่า…ถ้าทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อมีกัปตันอยู่ล่ะก็…ต้องดึงดูดนักแข่งรถที่มีความสามารถได้แน่…”
อวิ๋นเซวียนที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้น
มั่วซูอวิ๋นยิ้มแล้วไม่ได้พูดอะไรมาก
จะว่าไปแล้ว ขนาดเขาเองยังมองเห็นศักยภาพของทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อ ถึงยอมเข้ามาเป็นกัปตันในทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อ รวมถึงลงทุนซื้อหุ้นอีกด้วย
มั่วซูอวิ๋นเชื่อว่าด้วยความสามารถของหลินเยียน ถ้าเธอไม่หันหลังให้ทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อ ต้องมีสักวันที่ทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อจะเฉิดฉายแน่นอน…
…
หลังจากออกมาจากบ้านตระกูลเฮ่อแล้ว ตอนแรกหลินเยียนอยากกลับไปยังคฤหาสน์เมฆ แต่เผยอวี่ถังกลับส่งข้อความมาซะก่อน
ขอให้พี่ชายและพี่สะใภ้รักกันตลอดไป [พี่สะใภ้ ของขวัญล่ะ ของขวัญ? เตรียมเสร็จหรือยัง ใกล้จะหมดเวลาแล้วนะครับ!]
อ่านข้อความจากเผยอวี่ถังแล้ว หลินเยียนครุ่นคิดสักพัก
จากนั้นค่อยตอบกลับไป
ฝนโปรย ณ เมืองเยียนยามโพล้เพล้ [กำลังหาอยู่…]
ขอให้พี่ชายและพี่สะใภ้รักกันตลอดไป [พี่สะใภ้ ครั้งนี้ต้องพึ่งพี่คนเดียวเลยนะ ของขวัญต้องใหญ่ ต้องหนักแน่น ต้องมีเทสต์ ถ้ามีชั้นเชิงอีกนิดจะดีมาก จะได้ไม่เหมือนชาวบ้าน!]
หลินเยียนขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เจ้าเด็กนี่เรื่องมากจริงๆ เลย
แต่ในเมื่อเผยอวี่ถังขอมาแบบนี้แล้ว หลินเยียนก็จะพยายามตอบสนองเขา
ผ่านไปสักพัก หลินเยียนเดินเข้าไปในร้านค้าร้านหนึ่ง
ร้านนาฬิการ้อยปี
เจ้าของเป็นชายวัยกลางคน กำลังเช็ดถูนาฬิกาอยู่ตรงเคาน์เตอร์
“เถ้าแก่คะ”
หลินเยียนมองไปทางเถ้าแก่ร้านนาฬิกาแล้วเผยยิ้มขึ้น
ได้ยินเช่นนั้นแล้ว เถ้าแก่เงยหน้าขึ้นมองไปทางหลินเยียน “ยินดีต้อนรับครับ ต้องการอะไรไหม”
“หนูอยากซื้อนาฬิกาค่ะ เอาแบบใหญ่ๆ ” หลินเยียนพูดขึ้น
“มีครับๆ ”
เถ้าแก่ลุกขึ้นจากเคาน์เตอร์แล้วชี้ไปยังนาฬิกาขนาดใหญ่ที่ค่อนข้างเก่าแก่พลันพูดขึ้น “พวกนี้เป็นของเก่าแก่น่ะครับ คุณผู้หญิงจะซื้อนาฬิกาไปทำไมเหรอครับ?”
หลินเยียนเผยยิ้มบางๆ “ให้คนค่ะ”
ตอนที่ 480 เป็นคนที่ใจคอโหดเหี้ยมมาก
สิ้นเสียงหลินเยียน เถ้าแก่ร้านนาฬิกามองไปยังหลินเยียนด้วยความอึ้งทึ่ง
เขาฟังผิดหรือเปล่า ซื้อนาฬิกาให้คนเป็นของขวัญ[1]เนี่ยนะ?
นั่นถือว่าแช่ง…แช่งให้ตายไม่ใช่เหรอ
“เอ่อ…คุณผู้หญิงครับ ผมขอถามให้มั่นใจอีกครั้งนะ คุณจะซื้อนาฬิกาข้อมือหรือว่านาฬิกาเป็นขวัญ?” เถ้าแก่ร้านนาฬิกาเริ่มไม่ค่อยมั่นใจ
ทำร้านนาฬิกามาตั้งหลายปี ยังไม่เคยได้ยินและไม่เคยเจอใครให้นาฬิกาคนอื่นเป็นของขวัญเลย
“นาฬิกาค่ะ เถ้าแก่ฟังถูกแล้วค่ะ ฉันให้นาฬิกาเป็นของขวัญ” หลินเยียนพูดขึ้น
ทันใดนั้นเถ้าแก่ร้านนาฬิกามองไปทางหลินเยียนด้วยสายตาประหลาดอย่างยิ่ง
แม่นางผู้นี้ ช่างใจคอโหดเหี้ยมจริงๆ
“งั้นคุณคนสวยมีความต้องการเป็นพิเศษไหมครับ” เถ้าแก่ร้านนาฬิกาถามขึ้น
“อย่างแรก ต้องถูก…อย่างที่สอง ต้องใหญ่และหนักแน่น” หลินเยียนพูดขึ้น
“งั้นซื้อนาฬิกาใหม่ไหมครับ นาฬิกาเก่าเป็นแค่ของสะสม มีคุณค่าในการสะสมมาก ดังนั้นราคาไม่ค่อยถูกเท่าไหร่ นาฬิกาใหม่จะถูกกว่า มีความต่างด้านราคาอยู่มากทีเดียว”
“งั้นหนูเอานาฬิกาใหม่ก็ได้ค่ะ เอาอันที่ถูกที่สุด” หลินเยียนหัวเราะแล้วพูดขึ้น
หลังจากเลือกนาฬิกาและจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว เถ้าแก่ร้านนาฬิกามองไปทางหลินเยียนแล้วถามขึ้น “คุณคนสวย ต้องจัดส่งไหมครับ”
หลินเยียนครุ่นคิดสักพักแล้วพยักหน้าพูดขึ้น “เถ้าแก่คะ พวกเราแลกเปลี่ยนวิธีการติดต่อสักหน่อยแล้วกันค่ะ ตอนจะให้จัดส่ง หนูจะบอกอีกทีนะคะ”
“ได้เลย” เถ้าแก่ร้านนาฬิกาตอบตกลง “บอกตำแหน่งและเวลาผมล่วงหน้า เดี๋ยมผมจะให้คนส่งไปให้ตามเวลาครับ”
……
ณ คฤหาสน์เมฆ เผยอวี่ถังรออยู่เป็นเวลานานแล้ว
เห็นหลินเยียนกลับมา เผยอวี่ถังรีบตามเข้าไปทันที
ภายในห้องรับแขก เผยอวี่ถังนั่งอยู่บนโซฟา “พี่สะใภ้ เป็นไงบ้างๆ จัดการเรื่องของขวัญเสร็จหรือยังครับ!”
เห็นความตื่นเต้นบนหน้าเผยอวี่ถัง หลินเยียนพยักหน้า “ฉันเป็นคนจัดการซะอย่าง ไม่ต้องห่วง จัดการเสร็จหมดแล้ว”
“ใหญ่พอไหม” เผยอวี่ถังพูดด้วยความตื่นเต้น
“ไม่ต้องห่วง ใหญ่แน่นอน” หลินเยียนพยักหน้า
“หนักแน่นพอไหม” เผยอวี่ถังถามอีก
“หนักแน่นมาก” หลินเยียนตอบ
“มีเทสต์ไหม เป็นเอกลักษณ์หรือเปล่า!”
“หลักๆ แล้วถือว่าเป็นเอกลักษณ์มาก อีกทั้งยังมีความเป็นศิลปะสูงมาก ถ้าเธอให้ไปนะ สายตาที่ทุกคนมองเธอต้องเปล่งประกายแวววาวแน่นอน โดดเด่นสุดๆ” หลินเยียนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เผยอวี่ถังเผยสีหน้าสงสัย “พี่สะใภ้ครับ…ทำไมผมรู้สึกที่พี่พูดมาไม่ค่อยน่าไว้วางใจเท่าไหร่”
“เธอไม่เชื่อฉันเหรอ” หลินเยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ไม่ๆๆ ผมไว้ใจพี่สะใภ้สุดๆ พอพี่สะใภ้พูดแบบนี้ผมรู้เลยล่ะ ครั้งนี้ต้องขอบคุณพี่สะใภ้เลยนะ” บนหน้าเผยอวี่ถังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ค่อยรู้สึกเข้าท่าหน่อย ฉันเดินทางเหน็ดเหนื่อยแค่ไหนเพื่อหาของขวัญให้นายน่ะ” หลินเยียนกลอกตามองบนใส่เผยอวี่ถัง
“แหะๆ พี่สะใภ้เหนื่อยเลยนะครับ…แล้วของขวัญล่ะครับ เอามาให้ผมดูหน่อยได้ไหม” เผยอวี่ถังมองไปทางหลินเยียนแล้วพูดขึ้น
“จะรีบไปไหน เหมือนที่บอกไปว่าทั้งใหญ่ทั้งหนักแน่น จะให้ฉันพกติดตัวไว้หรือไง” หลินเยียนพูดขึ้น
“ก็ได้ พี่สะใภ้ซื้อของขวัญอะไรต้องบอกผมก่อนนะ ผมจะได้เตรียมใจถูก”
“ไม่ต้องรีบหน่า ถึงเวลาเธอก็รู้เอง บอกเธอตอนนี้ก็ไม่เซอร์ไพร์สแล้วสิ” หลินเยียนเผยยิ้มบางๆ
ได้ยินที่หลินเยียนพูดแล้ว เผยอวี่ถังก็พยักหน้าแรงๆ “งั้นโอเค ของขวัญเท่าไหร่ครับ เดี๋ยวผมเอาให้พี่”
หลินเยียนครุ่นคิดสักพักแล้วหัวเราะ “ไม่ต้องรีบ ของยังมาไม่ถึงเลย รองานเลี้ยงส่วนตัวเสร็จสิ้น เธอค่อยเอาเงินให้ฉันก็ได้”
[1] ซื้อนาฬิกาให้คนเป็นของขวัญ ในภาษาจีนพ้องเสียงกับประโยคที่มีความหมายว่า เฝ้าดูแลญาติผู้ใหญ่ก่อนตาย หรือ จัดการงานศพ ซึ่งมีความหมายว่า สาปแช่งให้ตาย คนจีนจึงไม่นิยมซื้อนาฬิกาเป็นของขวัญให้กัน