ตอนที่ 517 การประเมินของสมาคม + ตอนที่ 518 ข้าชื่อเฟิ่งจิ่ว

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า

ตอนที่ 517 การประเมินของสมาคม

“ที่นี่ไม่เห็นมีใครสักคน!” เฟิ่งจิ่วมองประตูใหญ่สมาคมที่ไม่มีคนเลย มองจากด้านนอกนี้ ข้างในช่างเงียบเหงา มีเพียงคนเดินไปมาไม่กี่คน

หลิงโม่หานเหลือบมองนาง “เจ้านึกว่านักปรุงยาเป็นผักกาดขาวหรือ ถึงจะมีอยู่ทุกที่?”

ได้ฟังเช่นนี้เธอก็หัวเราะเก้อๆ ถามว่า “ข้าเข้าไปก็พอ พวกท่านหาที่รอข้าเถอะ! เมื่อครู่ตอนเข้ามาทางนั้นมีโรงน้ำชาด้วย ข้าประเมินเสร็จแล้วจะเข้าไปหาพวกท่าน”

“ได้” ด้วยรู้ว่าการประเมินต้องใช้เวลาสองสามชั่วยาม หลิงโม่หานจึงขานรับ กำชับบางอย่างแล้วถึงจะพาฮุยหลางกับอิ่งอีไปยังโรงน้ำชา

“พวกเจ้าสองคนก็ตามไปด้วยเถอะ ไม่ต้องรออยู่ที่นี่หรอก มันต้องใช้เวลาหลายชั่วยาม” เธอส่งสัญญาณให้เหลิ่งซวงกับเหลิ่งหวาไปโรงน้ำชาด้วยกันกับพวกเขา

“ขอรับ/เจ้าค่ะ” ทั้งสองขานรับ โรงน้ำชาห่างจากที่นี่ไม่ไกล ตรงชั้นสองมองเห็นประตูใหญ่ของสมาคมนักปรุงยาได้ ด้วยเหตุนี้จึงมุ่งไปยังโรงน้ำชานั้น

ยามนี้ เฟิ่งจิ่วถึงจะเดินไปด้านในสมาคมนักปรุงยา เข้าไปข้างในหานักปรุงยาของสมาคมที่คอยต้อนรับสักคนแล้วแจ้งจุดประสงค์การมาเยือน

“สอบประเมินเหรียญตรา?” นักปรุงยาคนนั้นพินิจมองเฟิ่งจิ่วจากบนลงล่าง แล้วชี้อีกโต๊ะหนึ่งข้างๆ “ไปชำระค่าประเมินทางนั้นก่อน แล้วค่อยเข้ามาหยิบหมายเลข”

การสอบประเมินเหรียญตรานักปรุงยาต้องใช้ยาทิพย์ ดังนั้นนักปรุงยาทุกคนที่มาประเมิน ทุกระดับนักปรุงยาที่แตกต่างกัน จึงต้องจ่ายค่ายาทิพย์ที่สอดคล้องกัน เฟิ่งจิ่วที่รู้ข้อนี้จ่ายเงินอย่างพร้อมใจ แล้วถือใบรับรองมารับหมายเลขตรงนักปรุงยาคนนั้น

“เข้าไปรอข้างใน เจ้ามาแต่เช้า ได้เลขลำดับที่หนึ่ง” นักปรุงยาคนนั้นกล่าวด้วยท่าทีเฉยเมย ก่อนยื่นแผ่นป้ายไม้ให้เธอ

ทุกวันจะมีคนมาสอบประเมิน แต่คนที่สอบผ่านได้กลับน้อยยิ่งนัก หนุ่มน้อยคนนี้อายุแค่สิบห้าสิบหก เขาถึงกับหยิบหมายเลขส่งให้เข้าไปทันที โดยไม่มองว่าที่เด็กหนุ่มจ่ายไปเป็นราคาเท่าไรและจะสอบประเมินเหรียญตรานักปรุงยาระดับใด

สำหรับเขา หนุ่มน้อยคนนี้ไม่มีทางสอบผ่าน ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้ไว้หน้าหรือสำรวมท่าทีอะไรมาก

เฟิ่งจิ่วไม่เก็บมาใส่ใจ หยิบแผ่นป้ายเดินไปด้านใน เมื่อเข้ามาแล้วถึงจะเห็นว่าเป็นห้องหินใหญ่ที่แยกออกมา นอกห้องมีผู้เรียนปรุงยาคนหนึ่งยืนอยู่ พอเห็นเธอเข้ามาก็พินิจมอง

“เจ้ามาสอบประเมินหรือ? รออีกสักครู่ คนที่รับผิดชอบการประเมินยังไม่มา”

เธอพยักหน้าเมื่อได้ยิน เพราะไม่เคยมาที่นี่ จึงอาศัยโอกาสที่ยังเช้ามองสังเกตโดยรอบ กลางอากาศมีกลิ่นหอมยาจางๆ กระจายอยู่ สายตาเธอหยุดลงบนประตูหินตรงหน้าที่ปิดไว้ แอบคิดว่าจะสอบประเมินข้างในนี้หรือ ทำมิดชิดเกินไปแล้วกระมัง? ข้างในจะมีแสงหรือเปล่า?

หลังผ่านไปครึ่งก้านธูป มีคนสิบกว่าคนทยอยกันเข้ามา ต่างถือป้ายไม้รอทดสอบ ผ่านไปหนึ่งก้านธูป นักปรุงยาที่รับผิดชอบการประเมินถึงจะเข้ามาห้องโถงหินอย่างเอ้อระเหย

“หมายเลขลำดับที่หนึ่งเข้ามา” ผู้เรียนปรุงยาที่เฝ้าตรงประตูหินตะโกนขึ้น

ทุกคนมองๆ ดู ก็เห็นเด็กหนุ่มรูปงามสวมชุดสีแดงแพรวพราวยิ้มตาหยีพลางยื่นแผ่นป้ายไม้ของตนให้

“ข้าคือหมายเลขหนึ่ง”

เฟิ่งจิ่วยามนี้แสนสุขใจ ตะเกียกตะกายขึ้นมาแต่เช้าตรู่เป็นเรื่องที่คิดถูกแล้วดังคาด อย่างน้อยเธอก็เป็นผู้สอบประเมินคนแรก

“เข้าไปเถอะ!” ผู้เรียนปรุงยาเก็บป้ายไม้ เปิดประตูหินให้เธอเข้าไป

ครั้นเหยียบเข้าไปด้านใน นัยน์ตาเฟิ่งจิ่วฉายประกายแปลกๆ มองจากด้านนอกเป็นห้องหินที่ปิดมิดชิด แต่เข้ามาด้านในถึงจะรู้ว่านอกจากกำแพงสี่ด้านที่ล้อมขึ้นมา เหนือศีรษะยังเป็นท้องฟ้ากับเมฆขาว

แต่สิ่งที่ทำให้เธอแปลกใจคือ ที่นี่มีค่ายกลด้วย

………………………………………………….

ตอนที่ 518 ข้าชื่อเฟิ่งจิ่ว

ผู้ประเมินสามคนด้านในชำเลืองมองคนที่เข้ามา เห็นเป็นเด็กหนุ่มชุดแดงที่อายุยังน้อยนัก พอเข้ามาก็พินิจมองรอบๆ ด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเข้ามาสมาคมนักปรุงยาเป็นครั้งแรก

เห็นเช่นนี้ หนึ่งคนในนั้นกระแอมเบาๆ บอกว่า “เข้ามาลงบันทึกเสียสิ เจ้าชื่ออะไร? อายุเท่าไรแล้ว?”

การสอบประเมินต้องลงแค่ชื่อกับอายุพอ ชื่อเป็นนามแทนตัว แต่อายุไม่เป็นเช่นนั้น พวกเขาต้องรู้อายุผู้เข้าสอบทุกคนรวมถึงระดับนักปรุงยาที่จะสอบ เพื่อสะดวกให้นักปรุงยาจัดทำสถิติ

ยามนี้เฟิ่งจิ่วหยุดสายตาลงบนร่างทั้งสามคน เห็นเป็นชายวัยกลางคนสองคนกับชายชราอีกหนึ่ง จึงเดินเข้าไปคารวะ ใบหน้าหล่อเหลาเผยรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ไร้พิษสง

“คารวะอาจารย์ทั้งสาม ข้ามีนามว่าเฟิ่งจิ่ว อายุสิบหกขอรับ”

สามคนเห็นหนุ่มน้อยรูปโฉมงดงามตรงหน้า น้ำเสียงสดใสมีชีวิตชีวา บนใบหน้ามีความโง่เขลาไม่เข้าใจโลก แต่กลับมีมารยาทครบถ้วนรู้จักควบคุมตัวเอง แต่ละคนต่างลอบพยักหน้า คิดว่าเด็กคนนี้คงมาจากตระกูลสูงศักดิ์

ชายวัยกลางคนที่เขียนบันทึกจดชื่อกับอายุลงไปแล้ว ก็ชี้ประตูหินด้านหลัง บอกว่า “ด้านนั้นเป็นห้องเก็บยาทิพย์ มียาทิพย์หลากหลายชนิด เจ้าต้องแยกแยะยาทิพย์และคัดเลือกสมุนไพรด้วยตนเอง เลือกสมุนไพรที่ต้องการให้เรียบร้อย แล้วไปปรุงกลั่นยาตรงลานกลั่นยาทางนั้น”

เฟิ่งจิ่วมองยังทิศทางที่เขาชี้ พยักหน้าตอบ “ขอรับ”

ต่อมาจึงเดินไปทางนั้นและผลักเปิดประตูหิน ด้านในเป็นอีกโลกหนึ่ง แม้บอกว่าเป็นห้องเก็บยาทิพย์ กลับยังต้องออกไปอีกเกือบสิบเมตร เมื่อมาถึงห้องเก็บยาทิพย์ แทนที่จะบอกว่าเป็นห้อง สู้เรียกว่าหอโอสถสามชั้นยังดีกว่า

หน้าหอมีโต๊ะสี่เหลี่ยมตัวเล็ก ตรงนั้นมีชายชราคนหนึ่งนั่งเอามือเท้าคางสัปหงก อาจเพราะได้ยินเสียงฝีเท้าถึงได้ลืมตาขึ้นมา

“หยิบใบรับรองการชำระเงินมาลงบันทึกด้วย” ชายชราเหลือบมองเฟิ่งจิ่ว นิ้วมือเคาะๆ ลงบนหน้าโต๊ะ

ได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วก็หยิบใบรับรองการชำระเงินก่อนหน้านี้ยื่นให้ แอบคิดในใจว่าที่นี่มีเรื่องยุ่งยากไม่น้อยเลย แต่ละด่านเคร่งครัดนัก

ชายชราอ่านวันที่ชำระเงินสักพัก เมื่อสายตามองผ่านตรงราคาที่จ่ายโดยบังเอิญ ดวงตาพลันเบิกกว้าง ขยี้ตาด้วยนึกว่าตนเองมองผิดไป แต่มองอีกครั้งก็ยังคงเป็นตัวเลขนั้น จึงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าอย่างตกตะลึง กวาดมองเด็กหนุ่มชุดแดงตรงหน้าขึ้นลงด้วยความแปลกใจ

“เข้าไปเถอะ!”

เขายื่นใบรับรองคืนให้เฟิ่งจิ่ว แววตาประหลาดจับจ้องเด็กหนุ่มที่เข้าไปด้านในอยู่ตลอด ก่อนกระซิบเสียงเบา “นึกไม่ถึงว่าราคาที่จ่ายจะเป็นระดับสูงสุด หนุ่มน้อยคนนี้สอบเหรียญตราระดับไหนกัน?”

เมื่อเข้ามาแล้ว เฟิ่งจิ่วรู้สึกว่ามุมมืดในหอสามชั้นนี้ปกคลุมไปด้วยจิตของผู้แข็งแกร่ง คล้ายมีดวงตาคู่หนึ่งกำลังสังเกตทุกอย่างด้านในนี้ เธอไม่สนใจ หยิบตะกร้ามาเลือกพวกยาทิพย์ที่ต้องใช้ ในเวลาไม่ถึงครึ่งก้านธูปก็ถือยาทิพย์สองตะกร้าเดินออกมา

ครั้นเห็นเด็กหนุ่มคนนั้นถือยาทิพย์สองตะกร้าเดินมา ชายชราที่นั่งข้างโต๊ะจ้องมองอย่างตาค้างไปบ้าง ยาทิพย์มากมายเพียงนั้น หนำซ้ำยังไม่ใช่ยาทิพย์ทั่วไป ต่อให้จ่ายเงินอีกรอบก็ชดเชยกลับมาไม่ได้หรอก!

การชำระเงินของสมาคมแบ่งออกเป็นสามระดับ ปกติคนที่มาสอบประเมินเหรียญตราล้วนเลือกอะไรที่ถนัด แม้เป็นยาทิพย์สำหรับกลั่นยาทิพย์ระดับบรรพชนก็ไม่มากเกินกว่าห้าสิบต้น แต่เมื่อครู่เด็กหนุ่มคนนั้นเข้าไปใช้เวลาไม่ถึงครึ่งก้านธูปก็ถือออกมาสองตะกร้าแล้ว

ตอนนี้เขาเพียงอยากรู้ว่า หากอาจารย์สองสามท่านด้านหน้าเห็นหนุ่มน้อยถือยาทิพย์ออกไปสองตะกร้าจะแสดงอาการเช่นไร…

………………………………………………….