นอกจากอี้เฉินเฟยจะยิ้มเจื่อนแล้วยังพูดอะไรได้อีก?

กู้ชูหน่วนให้เหล่าทาสบำเรอสงบใจรออยู่ที่เดิม รอพวกเขามารับ จากนั้นนางก็คลำทางไปหอชั้นที่เจ็ดกับอี้เฉินเฟย

ใกล้จะถึงยามจื่อแล้ว เวลากระชั้นชิดมาก แล้วอี้เฉินเฟยยังไม่ยอมออกไปทั้งอย่างนี้อีก เอาแต่หาโอกาสตีฉีโส่วสลบ เปลี่ยนชุดของเขาแล้วถึงออกไป

กู้ชูหน่วนเบ้ปาก “มีรูปร่างดีอย่างนี้ทั้งที ใส่ชุดขาวบางน่ามองจะตาย”

“ต่อไปห้ามเอ่ยเรื่องชุดขาวบางอีก!”

“ได้! เช่นนั้นท่านก็รับปากข้าเรื่องหนึ่ง”

อี้เฉินเฟยจ้องนางด้วยความระแวง ไม่รู้ว่านังเด็กนี่คิดจะแกล้งอะไรเขาอีก

กู้ชูหน่วนตบแผ่นอกของเขา แสดงออกว่าวางใจเถอะ “ไม่ให้ท่านทำเรื่องผิดต่อคุณธรรมหรอก นั่นก็คือ…ท่านจะเต้นระบำเปลื้องผ้าให้ข้าดูได้หรือไม่?”

“แคกๆ…”

อี้เฉินเฟยเกือบสำลักน้ำลายตัวเอง

เขาเดินไปข้างหน้าต่อ พยายามกลบเกลื่อนความเคอะเขินของตัวเอง

“ชายหญิงมิควรถูกเนื้อต้องตัวกัน”

“ท่านไม่ว่าอะไร ข้าก็จะถือว่าท่านรับปากแล้วนะ”

“…”

เขาไม่พูดตั้งแต่เมื่อไร?

ไม่ใช่บอกว่าชายหญิงมิควรถูกเนื้อต้องตัวกันหรือ?

เสียงฝีเท้าจากที่ไกลๆ เดินใกล้เข้ามาทางพวกเขาอย่างช้าๆ ทุกที

อี้เฉินเฟยกับกู้ชูหน่วนยืนอยู่คนละทาง หน้ายืดอกตรง เฝ้าประตูหอ

“พวกเจ้าขนเหล้าพวกนี้ไปที่หอชั้นที่เจ็ด ไวหน่อย! อย่าให้เสียเรื่องของถันจู่เจียง ดูสิว่าข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร!”

ผู้คุมหลิวพาฉีโส่วหลายคนคนนำสุราหลายสิบไหวางลงกับพื้น ปากก็ก่นด่าแล้วจากไป

“ไหนบอกว่าส่งทาสบำเรอห้าคนไปอย่างไร? จู่ๆ มาเพิ่มเป็นยี่สิบคน แถมยังไม่บอกล่วงหน้าอีก ทำเอาข้ายุ่งทั้งคืนจะแย่”

กู้ชูหน่วนประหลาดใจ

เหล้าเยอะขนาดนี้?

จะให้ใครดื่ม?

ในใจสับสนขึ้นมา แต่ก็ยังค้อมตัว “ขอรับ…ข้าน้อยจะขนเดี๋ยวนี้”

พวกเขากำลังเครียดว่าจะหาโอกาสปะปนเข้าหอชั้นที่เจ็ดไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าโอกาสจะมาหาเอง

กู้ชูหน่วนกับอี้เฉินเฟยย้ายสุราไปที่หอชั้นที่เจ็ดอย่างเปิดเผย

เพิ่งเข้าไป กู้ชูหน่วนก็เห็นภาพที่ทำให้นางเดือดจัด

สองมือสองขาเย่เฟิงถูกโซ่มัด

เขามีบาดแผลเต็มตัว ฉีโส่วคนหนึ่งบีบปากของเขา ฉีโส่วอีกคนหนึ่งก็ถือเหล้าทั้งไห ใช้กำลังกรอกใส่ปากเขาไม่หยุด ไม่สนใจว่าเย่เฟิงจะดื่มลงไปได้หรือไม่

ที่ระเกะระกะอยู่ในนี้ล้วนเป็นไหสุรา นับคร่าวๆ ไปอย่างน้อยก็มียี่สิบสามสิบไห

ครั้นมองเย่เฟิง ใบหน้าเขาแดงก่ำ ดวงตาพร่าเบลอ แม้สองมือสองเท้าจะถูกพันธนาการ แต่ก็ยังพยายามดิ้นรนสุดแรง

แต่คนพวกนั้นมัดเขาแน่นหนา สุราไหแล้วไหเล่ากรอกใส่ปากเขาไม่หยุด

กู้ชูหน่วนฝืนกลั้นความหุนหันที่จะถีบพวกเขากระเด็น

เดือดดาล

เดือดดาลตัวโตๆ

ก่อนจะมาก็ทำให้นางเดือดมากพออยู่แล้ว

แต่ทุกเรื่องที่พบหลังจากมายิ่งทำให้นางเดือดหนักกว่าเดิม

“ถันจู่”

ที่ปากประตูมีคนหนึ่งเข้ามาแบบดาวล้อมเดือน ฉีโส่วในนี้พากันคารวะ กู้ชูหน่วนพยายามปรับไฟโทสะของตัวเอง จะได้ไม่เป็นที่สังเกต

นางรู้จักคนผู้นี้

คนผู้นี้ก็คือเจียงซวี่ที่ดักฆ่านางในวันนั้นแล้วชิงกระดิ่งทลายวิญญาณไป และเป็นเจียงซวี่ที่หาเรื่องเย่เฟิงเสมอมา

เจียงซวี่ค่อยๆ เดินไปทางเย่เฟิง มองท่าทางเย่เฟิงที่ทรมาน ดวงตาแวบความสะใจ

เขาเดินขึ้นหน้าบีบปากเย่เฟิง แล้วใช้กำลังกรอกสุราไหใหญ่ด้วยตัวเอง

“ถ้าไม่ใช่ว่าท่านหัวหน้ากองธงมีคำสั่งว่าห้ามลงทัณฑ์กับเจ้า เจ้านึกว่าเจ้าจะสบายอย่างนี้หรือ?”

“แต่หัวหน้ากองธงสั่งมาแล้ว คืนนี้เขาต้องการให้เจ้าปรนนิบัติ ตั้งแต่เล็กเจ้ามิใช่กลัวการปรนนิบัติท่านหัวหน้ากองธงตลอดหรือ? ข้าเชื่อ ว่าถ้าเทียบกับการลงทัณฑ์หนัก เจ้าน่าจะกลับถูกส่งไปที่ยอดเขามากกว่า ฮ่าๆๆ…”