“การประลองในรอบต่อไป ให้พวกข้าผู้ที่แพ้ทั้ง 5 คนเป็นคนจับสลากให้ดีหรือไม่” จักรพรรดินภาพสุธาตรัสบ้าง

“ได้” จักรพรรดินีนภาธาราพยักหน้า คนอื่นก็ไม่ได้โต้แย้งแต่อย่างใดถือว่ามีความยุติธรรมทีเดียว

“ถ้าเป็นเช่นนี้ ข้าจะจับสลากแทนจักรพรรดินีนภาพฤกษาเอง” จักรพรรดินภาพสุธาเสนอ

“ข้าจะจับแทนจักรพรรดินีนภาธารา” จักรพรรดิมารตรัส

“ข้าจับแทนจักรพรรดินถาสุวรรณ” เอ๋าเฟิงกล่าว ถึงแม้เอ๋าเลี่ยจะชนะในรอบที่แล้ว แต่เอ๋าเฟิงก็พอจะมองออกว่าเป็นการจับสลากเพื่อหาคู่แข่งให้กับคนที่ชนะในรอบที่แล้ว

“อมิตาพุทธ อาตมาจะจับสลากให้กับเอ๋าเลี่ย” นักบวชกล่าว

“อ่ะแฮ่ม ถ้าเป็นเช่นนี้ ข้าจะจับแทนจักรพรรดินภาเพลิงดีหรือไม่?” จักรพรรดินีนภาพฤกษาทรงตรัส ใครให้อสูรเทพมีทั้งแพ้และชนะเล่า

“ได้” ทุกคนไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ

และพลังเซียนทั้ง 5 ก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศอีกครั้ง จักรพรรดินีนภาพฤกษาจงใจปล่อยพลังเซียนออกมาน้อย นางอยากจะลองพิสูจน์ข้อเท็จจริงของจักรพรรดินภาเพลิงดู และผลที่เกิดขึ้นนั้นก็ทำให้คนตื่นตะลึง มองลังเซียนของจักรพรรดินีนภาพฤกษาที่โดดเดี่ยวเพียงสายเดียว

“ข้าบอกแล้วว่าหลิวหลีดวงดีทีเดียว” จักรพรรดินภาเพลิงยิ่งรู้สึกตกตะลึงกับความโชคดีของหลิวหลี ขนาดจักรพรรดินีนภาพฤกษาจงใจขนาดนี้ ก็ยังได้สลากว่าง คงไม่มีใครดวงดีขนาดนี้แล้ว

“ถ้าเป็นเช่นนี้ เยี่ยชิงขวงสู้กับจื่อชิง เอ๋าเลี่ยกับเวิ่นเทียน หลิวหลีเข้ารอบต่อไป” จักรพรรดินีนภาพฤกษาตรัส ทรงอุตส่าห์จงใจปล่อยพลังเซียนออกมาไม่มาก ก็ยังเป็นเช่นนี้ หรือจะเป็นผู้ที่มีบุญ

“ท่านพี่ ท่านได้สลากว่างจริงด้วย ท่านเดาออกได้อย่างไร” จื่อฉีถามด้วยความสงสัย

“ข้าดวงดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว” หลิวหลีชี้ให้เห็นว่าตั้งแต่นางเข้าร่วมการประลองมา นางก็ดวงดีมาโดยตลอด

“อาเลี่ยจะต้องประลองกับเวิ่นเทียน ดวงไม่ดีเลยจริงๆ” หลิวหลีส่ายหัวแล้วพูดขึ้น

“ข้าอยากจะประลองกับเจ้ามาโดยตลอด ตอนนี้มีโอกาสแล้ว” เอ๋าเลี่ยอยากจะลองประลองมาโดยตลอด เด็กคนนี้จะสามารถดูแลนังหนูของเขาได้หรือไม่ ตอนนี้พลังบำเพ็ญเพียรของพวกเขาเท่ากัน ขอลองดูหน่อยแล้วกัน

“ได้” หนานกงเวิ่นเทียนเองก็อยากจะลองเช่นเดียวกัน เพราะอย่างไรเสียตอนนั้นท่านเทพแห่งสงครามท่านนี้ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่คนเคารพนับถือ ตอนนี้เขาจะต้องมาประลองกับเทพแห่งสงครามท่านนี้ เพื่อจะพิสูจน์ว่าตนเองก้าวหน้าขึ้น

มีลานประลองฟองอากาศแค่เพียง 2 แห่งเท่านั้น

หลิวหลีกลับไปนั่งที่ตำแหน่งของวังนภาเพลิง ทุกคนมองหลิวหลีด้วยสายตาแปลกประหลาด เพราะอย่างไรเสียการประลองที่จะเริ่มต้นขึ้นนี้ ฝ่ายหนึ่งเป็นสามีของนาง อีกฝ่ายเคยเป็นคู่พันธสัญญา คิดว่าหลิวหลีคงจะลำบากใจไม่น้อยกระมัง

“หลิวหลี เจ้าอยากออกไปเดินเล่นหน่อยไหม” หงซวี่เสนอ

“หงซวี่อยากจะออกไปเดินเล่นหรือ แต่ข้าอยากดูการประลอง สามีของข้ากำลังประลอง” หลิวหลีสงสัย การประลองไม่น่าสนใจหรือ ถึงต้องออกไปเดินเล่น

“เอ่อ หลิวหลีไม่รู้สึกลำบากใจเลยหรือ ฝั่งหนึ่งเป็นสามีของตัวเอง อีกฝั่งหนึ่งเป็นคู่พันธสัญญาที่เห็นตัวเองมาตั้งแต่เด็กจนโต” หงซวี่ถาม

“น่าลำบากใจตรงไหน พวกเขาไม่ได้ทำเรื่องน่าอายเสียหน่อย ยิ่งเพราะเป็นคนรู้จักกันน่ะสิ ถึงยิ่งต้องชมการประลอง อีกอย่างการประลองนี้ไม่มีอะไรต้องเดา” หลิวหลีเข้าใจทันทีว่าคนกลุ่มนี้คิดมากเกินไป แต่ก็รู้สึกอบอุ่นใจไปพร้อมกัน

“ไม่มีอะไรให้ต้อง เจ้าคิดว่าใครจะชนะ” เหลยจ้านถาม คนอื่นที่อยู่ข้างๆก็รีบเงี่ยหูฟังทันที ไม่รู้ว่าหลิวหลีจะเลือกใคร สามีอย่างเวิ่นเทียน หรือเอ๋าเลี่ยผู้เป็นอดีตคู่พันธสัญญา

“แน่นอนว่าต้องเป็นสามีของข้า” หลิวหลีไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย นางตอบในทันที

“ท่านพี่ ท่านช่วยลังเลเสียหน่อยไม่ได้หรือ” จื่อฉีบ่นปอดแปด นางจะช่วยเสแสร้งทำเป็นลังเลใจก่อนจะเลือก แต่นี่กลับตอบออกมาโดยไม่คิด ทำร้ายจิตใจกันจริงๆ

“ก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไรให้ต้องลังเล ถึงเอ๋าเลี่ยจะเป็นเทพแห่งสงคราม แต่สามีของข้าบรรลุขั้นเทพเซียนนพเก้านภาก่อนอาเลี่ย อีกอย่างเจ้าคิดหรือว่าตอนนั้นข้ากับเขาไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาหรือ” หลิวหลียิ้มเจ้าเล่ห์ จื่อฉีนึกออกในทันทีว่าพี่สาวของตัวเองเป็นทาสสามี จะไม่เก็บของดีไว้ให้สามีตัวเองได้อย่างไร

“ถึงจะไม่อยากยอมรับ แต่คนที่หน้าตาหาเรื่องคนนั้นจะชนะ” ถึงหลิวหลีจะไม่ชอบหน้าเยี่ยชิงขวงนักเพราะใบหน้าของเขาเหมือนเจ้าตัวร้ายในโลกเบื้องล่างราวกับเป็นคนเดียวกัน ชวนให้โมโหทุกครั้งที่พบเห็น เพราะโลกเบื้องล่างเกือบถูกทำลายเพราะคนผู้นี้ ถึงจะรู้ว่าเป็นคนละคนกัน แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นมาเท่าไหร่นัก แต่ต้องยอมรับว่า คนผู้นั้นไม่ธรรมดาเลย ต่างก็เป็นคนแซ่เยี่ย หากจะบอกว่าไม่มีเกี่ยวข้องกัน นางไม่เชื่อหรอก

ทุกคนมองหน้าคนทั้งสองไปมา ก็ยังมองไม่ออกว่าคนไหนคือคนหน้าตาหาเรื่อง คำพูดนี้ดูกำกวมบอกไม่ถูก ไม่มีใครหน้าตาหาเรื่องเท่าเจ้าอีกแล้วหลิวหลี

“หลิวหลี เจ้ากับสามีของเจ้าใครเก่งกว่ากัน” มีคนจงใจยุแยง เป็นคำถามโลกแตก เหมือนคำถามที่ว่าภรรยากับแม่ตกลงไปในน้ำ แล้วจะช่วยใคร

“แน่นอนว่าสามีของข้าเก่งกว่า ไม่เช่นนั้นจะได้ข้าไปครองได้อย่างไร” คำพูดของหลิวหลีทำให้ทุกคนนิ่งไป แต่ทุกคนต่างก็สงสัยว่าจะเป็นอย่างไรกันแน่

การประลองบนเวทีเริ่มดุเดือด เอ๋าเลี่ยกลับคืนร่างเดิมเป็นมังกรโลหิตขนาดใหญ่

“มังกรโลหิตบรรพกาล” จักรพรรดินีนภาพฤกษาพึมพำ มังกรโลหิตเป็นผู้ที่มีร่างกายแข็งแกร่งที่สุด แต่ดูแล้วเวิ่นเทียนไม่ได้แข็งแกร่งมากมาย

“อือ เป็นตัวเดียวในโลกเซียนด้วย” เอ๋าเฟิงพูดอย่างได้ใจ

“ดูเจ้าสิ ภูมิใจจนออกนอกหน้า พวกเราโจมตีเจ้ามาหลายปี จะปล่อยให้เจ้าได้ลำพองใจหน่อยแล้วกัน” สิ่งที่จักรพรรดินภาเพลิงตรัสนั้นก็ไม่น่าฟังนัก แถมยังทำให้เอ๋าเฟิงเสียความมั่นใจ จพให้ทำอย่างไรได้ ก็กว่าอสูรเทพจะมีลูกหลานสักคน มนุษย์สามารถผลิตลูกหลานได้มากกว่ามาก แต่อสูรเทพเน้นคุณภาพมิใช่ปริมาณ เขาเองก็ปล่อยวางเรื่องนี้ไป

“ไม่เถียงกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องจำไว้ นังหนูกับเจ้าหนูคนนั้นถือเป็นคนดินแดนอสูรเทพครึ่งหนึ่ง” เอ๋าเฟิงไม่แยแส คนที่สุดยอดที่สุดเป็นคนที่มาจากดินแดนอสูรเทพ

“เอ่อ” ถึงแม้จักรพรรดินภาเพลิงจะมั่นใจว่าหลิวหลีจะไม่มีทางไปจากวังนภาเพลิง แต่ก็มักไปที่นั่นอยู่บ่อยๆ พอคิดเช่นนี้แล้วก็พบว่าคนสนิทของนางต่างก็อยู่ในดินแดนอสูรเทพ ไม่รู้ว่าจะทำให้สองสามีภรรยาคู่นี้กลับดินแดนอสูรเทพหรือไม่

และเหมือนกับที่หลิวหลีคาดเดาไว้ หนานกงเวิ่นเทียนชนะมาได้อย่างหวุดหวิด เยี่ยชิงขวงชนะมาได้ง่ายกว่าเล็กน้อย อย่างน้อยก็ไม่ได้ดูหมดสภาพมากมายนัก

“เจ้าหนู ฝากนังหนูไว้กับเจ้าด้วย เจ้าจะต้องปกป้องนางให้ดี” เอ๋าเลี่ยกลายร่างกลับเป็นมนุษย์ ล้มตัวลงบนสนามประลองแล้วกล่าว นึกไม่ถึงเลยว่าสองสามีภรรยาคู่นี้จะก้าวหน้าได้เร็วถึงเพียงนี้

“แน่นอน” เขาพยายามมาโดยตลอด พยายามที่จะแข็งแกร่งขึ้น

“มีความพยายามดีมาก” เอ๋าเลี่ยถูกหนานกงเวิ่นเทียนพยุงลงลานประลอง หลิวหลีดีดยาเซียนศักดิ์สิทธิ์ 2 เม็ดเข้าไปในปากทั้งสองคน จริงๆเลย หมดสภาพกันถึงขนาดนี้ ใครจะมาสงสารพวกเขาดีล่ะ ถึงแม้หลิวหลีจะคิดเช่นนี้ แต่กลับปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างอ่อนโยน

“ต่อไปการประลองของทั้ง 3 คนก็จะตัดสินด้วยการจับสลากหรือ?” จักรพรรดินีนภาพฤกษาตรัสถาม เฮ้อ จื่อชิงแพ้แล้ว แต่คนผู้นั้นร้ายกาจจริงๆ ดินแดนนภาพฤกษาของนางจึงไม่ได้ถือว่าขายหน้ามากนัก

“ให้เด็กๆเลือกกันเองก็แล้วกัน ข้าก็อยากจะรู้ว่าหลิวหลีจะได้เข้าสู่รอบต่อไปโดยไม่ต้องแข่งหรือไม่” จักรพรรดินภาสุวรรณตรัสอย่างติดตลก

“ก็ดีเหมือนกัน” ทุกคนต่างเห็นด้วย

“เลือกเองหรือ” หลิวหลีขมวดคิ้ว ใครเป็นคนคิด อายุตั้งขนาดนั้นแล้ว ยังคิดเหมือนเด็ก ไม่เหมาะกับวัยนัก

“ใช่แล้ว พวกเจ้าเลือกกันเองแล้วกัน” จักรพรรดินีนภาพฤกษาพยักหน้า มู่มู่กำชายเสื้อ ไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ หลิวหลีคงเป็นฝ่ายชนะกระมัง

“ดูสิ หนุ่มสาวคู่นี้มีความสามารถโดดเด่นกันทั้งคู่ สองสามีภรรยาผ่านเข้าสู่รอบ 3 คน อย่างนี้เรียกว่าคนที่มีความสามารถโดดเด่นต่างก็ดึงดูดกันหรือ?” จักรพรรดิมารตรัส

“ใช่ แต่ข้ารู้สึกว่าสุดท้ายแล้วฝ่ายชนะจะเป็นนังหนูหลิวหลี” จักรพรรดินภาพสุธาตรัส เขาอายุมากที่สุด มีความใกล้ชิดกับผู้พยากรณ์มากที่สุด

“นังหนูแทบจะไม่ได้ประลองอะไรเลย การประลองแค่ครั้งเดียวของนางก็เหมือนเล่นสนุกเท่านั้น ดูไม่ออกว่าความสามารถของนางเป็นอย่างไร” นักบวชกล่าว แต่เขาก็มั่นใจว่านังหนูคนนี้จะต้องเป็นผู้มีจิตใจเมตตาแน่

“เหอะๆ ท่านพูดผิดแล้ว นังหนูคนนี้เป็นคนที่โหดร้าย เผ่าอสูรของข้าเด็ก 3 คนนั้นต่างก็ถูกนังหนูรังแกมาหลายร้อยปี” เอ๋าเฟิงเน้นคำว่า 3 เป็นพิเศษ

“ดูไม่ออกเลย นังหนูคนนี้ดูไม่มีพิษไม่มีภัย จะเป็นผู้ชนะคนสุดท้ายจริงหรือ” จักรพรรดินีทรงมองหลิวหลีที่เหมือนอาศัยเพียงความงามเท่านั้น ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนคนเก่ง แต่เอ๋าเฟิงก็ไม่ใช่คนที่จะพูดอะไรมั่วซั่ว

“นังหนูคนนั้นมีเพลิงเซียน” จักรพรรดินภาเพลิงทรงพูดถึงเพลิงเซียนดาราทมิฬที่หลิวหลีใช้ในตอนแข่งขัน

“ข้าขอแอบเปิดเผยข้อมูลนิดหน่อย เด็กที่มาจากดินแดนนภาสุวรรณของข้าก็ยังไม่ได้ใช้พลังเซียนของตนเองเลย” จักรพรรดินภาสุวรรณลิงโลด เพลิงเซียนน่ะหรือ พวกเขาก็มีเหมือนกัน

“ซ่อนไว้ได้ดีจริงๆ” ทุกคนต่างมองจักรพรรดินภาสุวรรณที่ทำหน้าเหมือนเป็นกุมชัยชนะเอาไว้แล้ว

“ชมเกินไป”

ทั้งสามคนปล่อยพลังเซียนขึ้นไปบนท้องฟ้า พลังเซียน 3 สี รวมกันอยู่บนท้องฟ้า สุดท้ายพลังเซียนสีแดงขึ้นไปอยู่เหนือพลังเซียนสีฟ้ากับสีทองที่รวมกัน หลิวหลีไม่พอใจ นางควรจะได้อยู่กับสามีของตนเองสิ เกิดอะไรขึ้นกับชายคนที่เข้ามาแทรกกลาง น่ารังเกียจจริงๆ หลิวหลีรู้สึกรังเกียจเยี่ยชิงขวงอย่างไม่มีเหตุผลอีกครั้ง สีทองน่าเกลียดเกินไป สีแดงกับสีฟ้าอยู่ด้วยกันถึงจะงดงาม

 …………………..