ตอนที่ 127-3 ใจมารและการเคลื่อนไหวภายนอกที่หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

อวิ๋นหว่านชิ่นไม่แม้แต่จะหันกลับมา เดินตรงไปที่ประตู ไม่ไปอย่างนั้นหรือ จะอยู่ทำไม ในเมื่อไม่มีอะไรต้องพูดกับเจ้าแล้ว 

 

 

แต่เมื่อเอื้อมมือไปจับสลักประตูเพื่อจะลากเปิดออก บานประตูกลับไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด อวิ๋นหว่านชิ่นกระตุกคิ้วหนึ่งครั้ง ลองลากอีกครั้ง แต่ก็ยังคงไม่ขยับ ประตูถูกลงกลอนเสียแล้ว!  

 

 

ภายในใจของนางกระตุกวูบ อวิ๋นหว่านเฟยผู้นี้จงใจล่อให้ตนมา ไม่พูดพร่ำทำเพลง ตะโกนเรียก “ชูซย่า!”  

 

 

ไร้เสียงตอบรับ ที่บ้านหลังเล็กปกคลุมด้วยความเงียบสงบ ราวกับบ่อน้ำเก่าหนึ่งทศวรรษที่โยนหินลงไปก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับ 

 

 

“พี่ใหญ่” น้ำเสียงของหญิงสาวที่อยู่ด้านหลังเปลี่ยนไปเจือรอยยิ้มขึ้นราวกับคนเพิ่งพ้นมาจากห้องใต้ดิน ทั้งวิกลจริต สยดสยอง “ชูซย่าถูกพาตัวไปเรียบร้อยแล้ว ท่านอยู่ที่นี่ ร้องเรียกหาใครก็ไม่มีประโยชน์ ฮะฮ่าๆๆ” 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นหันกลับมา สีหน้าของน้องสาวคนรองช่างดูน่ากลัว ภายในห้องขนาดเล็กที่มีแสงเข้ามาไม่เพียงพอ เห็นครึ่งร่างเลือนราง อีกครึ่งชัดเจน เอวบางง่อนแง่น เครื่องหน้าบิดเบี้ยว มีเสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังเป็นระยะ 

 

 

 

 

 

“ท่านบอกว่า ท่านไม่มีมารดาสั่งสอน ไม่ได้รับความรักอย่างเท่าเทียมจากท่านพ่อ แล้วเหตุใดถึงได้มองข้ามข้าไปได้ล่ะ” อวิ๋นหว่านเฟยเดินเข้ามาใกล้เชื่องช้าพลางกวาดสายตามองขึ้นลง “นับแต่ข้าแต่งงานกับจวนกุยเต๋อโหว ในใจท่านคงเอาแต่หัวเราะเยาะข้าอยู่ล่ะสิ ถูกไหม” 

 

 

“เข้ามาในจวนกุยเต๋อโหว ไม่ใช่ทางที่เจ้าเป็นคนเลือกเองหรอกหรือ” อวิ๋นหว่านชิ่นพูดน้ำเสียงเหินห่าง ก่อนหน้านี้แม้ว่าอวิ๋นหว่านเฟยจะบ้าอำนาจและหยิ่งผยอง อย่างไรเสียก็ไม่ต่างจากคนธรรมดาทั่วไป แต่อวิ๋นหว่านเฟยที่อยู่ต่อหน้าวันนี้ ดูจะเป็นคนไร้เหตุผลอย่างเห็นได้ชัด บ้าราวกับปลาดิ้นอยู่ในตาข่ายตอนโดนจับอย่างไรอย่างนั้น ไม่มีเหตุผลอะไรที่นางต้องเผชิญหน้าคุยกับคนไร้เหตุผล ทางที่ดีคือควรพูดเอาใจนางก่อน 

 

 

“เฮอะ!” จู่ๆ อวิ๋นหว่านเฟยก็สติแตก ท่าทีโกรธเกรี้ยว “ถ้าไม่ใช่เพราะท่านที่สร้างปัญหา ทำไมข้าจะต้องมาแต่งงานกับจวนกุยเต๋อโหวด้วยชื่อเสียงแบบนั้น! ทำไมถึงยอมให้ผู้เฒ่าโหวตำหนิ! ยอมให้พี่ไท่รังเกียจด้วยล่ะ! ทำไมยอม…ที่จะกลายเป็นเช่นนี้ บ้านช่องก็ไม่ได้กลับ เรือนของสามีก็เข้าไปไม่ได้ ได้แต่อยู่ข้างนอกโดดเดี่ยวราวกับผีเร่ร่อน! จนถึงตอนนี้ท่านกำลังจะแต่งงานเข้าจวนอ๋องไปเป็นพระชายาอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ! ข้าจะบอกอะไรให้ ในเมื่อชีวิตข้าพังพินาศอย่างนี้ ท่านก็อย่าหวังว่าจะได้ดีไปกว่าข้า!” 

 

 

“เจ้าเปิดประตูให้ข้าก่อน” อวิ๋นหว่านชิ่นพูดเสียงอ่อน ขี้เกียจที่จะเสวนากับนางไปมากกว่านี้ “ถ้าเจ้าไม่อยากที่จะใช้ชีวิตเช่นนี้ ก็ใช่ว่าข้าจะไม่มีวิธีพาเจ้าออกไป” 

 

 

อวิ๋นหว่านเฟยตาเป็นประกาย เดินเข้ามาใกล้ทีละนิดพร้อมกับน้ำเสียงที่สั่นเครือ มีท่าทีประหลาดใจ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความอำมหิต “จริงหรือ ที่ท่านสามารถพาข้าออกจากจวนกุยเต๋อโหว สามารถทำให้ข้าไม่ต้องอยู่ในบ้านหลังเล็กที่ทั้งรกและสกปรก ไร้คนดูแลหลังนี้ได้…” 

 

 

“ใช่…” ก่อนจะพูดจบ อวิ๋นหว่านรู้สึกแน่นที่จมูก ที่รูม่านตาก็หดเล็กลง 

 

 

อวิ๋นหว่านเฟยยกมือขึ้น มือที่ถือผ้าเช็ดหน้า ยกขึ้นไปปิดแนบสนิทปากและจมูกของพี่สาวแน่น 

 

 

กลิ่นที่คุ้นเคยลอยลอดผ่านเข้ามาในปาก บนผืนผ้ามีผงหอมโปะอยู่จำนวนมาก มันคือยากระตุ้นความต้องการทางเพศที่พบได้ทั่วไปในร้านขายยา! 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นรีบกลั้นลมหายใจ แต่ก็ได้เผลอสูดดมเข้าไปแล้วเล็กน้อย สายไปเสียแล้ว ร่างกายรู้สึกอ่อนแรง นางรีบผลักน้องสาวออกไปอย่างแรง หายใจหอบอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพิงตัวที่บานประตู 

 

 

“ท่านหลอกให้ข้ากับพี่ไท่มาอยู่ที่บ้านตระกูลโหวได้อย่างไร วันนี้ข้าจะสนองมันกลับคืนให้ท่าน” น้ำเสียงของอวิ๋นหว่านเฟยโหดเ**้ยม รอยยิ้มบนใบหน้าบิดเบี้ยว “ท่านพี่ ดูสิ นี่ท่านดูข้าเป็นตัวอย่างเสีย!” 

 

 

“นั่นคือสิ่งที่แม่ที่ดีของเจ้าจงใจจะทำลายภาพลักษณ์ข้าสินะ วางยาข้า ข้าเพียงแค่ทำในสิ่งที่สามารถทำได้แล้วนำมันกลับมาคืนให้เจ้า ถ้าจะตำหนิ ก็น่าจะเป็นเพราะท่านแม่ที่มีเจตนาไม่ดีเสียมากกว่า หลังจากข่มเหงลูกสาว ก็ถูกประณามและถูกฆ่า” อวิ๋นหว่านชิ่นพยุงตัวที่บานประตู รอยยิ้มเย็นชาที่ริมฝีปากพูดแสดงความเห็นอกเห็นใจ ทั้งยังเพื่อเป็นการถ่วงเวลา 

 

 

อวิ๋นหว่านเฟยกางเล็บเกร็งนิ้วมือ ใบหน้าเปิดปากหัวเราะเสียงลั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ “เพราะอย่างนั้นแม้แต่นางก็ยังมีจุดจบที่ไม่ดี! ใครก็ตามที่ไม่ประสงค์ดีต่อข้า จะต้องไม่จบลงด้วยดี ท่านก็เช่นกัน…” 

 

 

บ้าไปแล้ว อวิ๋นหว่านเฟยผู้นี้บ้าไปแล้ว มีชีวิตอยู่เพื่อจิกกัดผู้คน ไร้ซึ่งความคิด! อวิ๋นหว่านชิ่นขมวดคิ้ว รู้สึกเพียงว่ามึนงงขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายร้อนผ่าวไปทั้งตัว มือจับสลักประตูอย่างคนไร้สติ ค่อยๆ แอบบิดมันออก 

 

 

อวิ๋นหว่านเฟยเห็นว่านางคิดจะแอบออกไป รอยยิ้มก็หุบลง มีสีหน้าแสดงความเศร้าและไม่พอใจ นางกัดริมฝีปาก “พี่ไท่” 

 

 

มู่หรงไท่? จิตใต้สำนึกที่เลือนรางของอวิ๋นหว่านชิ่นตื่นขึ้นมาเล็กน้อย เขาเองก็อยู่ที่นี่รึ 

 

 

ที่ตู้สี่ขาด้านหลังเตียง มีชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินออกมา เดินตรงไปที่อวิ๋นหว่านชิ่น ในขณะที่นางไม่สามารถขยับตัวหนีได้ ก็รวบตัวดึงเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของตน เฉกเช่นการช่วยชีวิตสมบัติโบราณที่หวงแหน พูดพึมพำ “ชิ่นเอ๋อร์…” 

 

 

อวิ๋นหว่านเฟยมองดูมู่หรงไท่ที่กอดพี่สาวตนเอาไว้ มือที่กำแน่นจนเล็บฝังลงผิวเนื้อบนฝ่ามือ รู้สึกอิจฉาเสียจนกัดฟัน แม้ว่าฉากนี้นางจะจัดขึ้นเองก็ตามที แต่เมื่อได้เห็นภาพเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะอิจฉา เมื่อคิดว่าภายหลังจะต้องอยู่ในห้องเล็กๆ นี้ คอยจับตาดูคนทั้งสองแสดงหนังสดโป๊เปลือยต่อหน้า ยิ่งคิดก็แทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด โลหิตพุ่งออกมาจากฝ่ามือ อย่ารีบร้อน ต้องใจเย็น เพียงแค่นี้ก็จะสามารถเอาใจพี่ไท่ได้แล้ว ทำให้พี่ไท่พึงพอใจในตนเองอีกครั้ง คืนมาซึ่งความอ่อนโยนเช่นเก่า ส่วนพี่ใหญ่ในวันข้างหน้าแม้จะต้องอยู่กับพี่ไท่ด้วยเพราะมอบความบริสุทธิ์ให้ ก็จะมีสถานะไม่ได้สูงไปกว่าตน! 

 

 

ในขณะเดียวกัน อวิ๋นหว่านชิ่นออกแรงเฮือกสุดท้ายที่มีอยู่ผลักมู่หรงไท่ออก พยายามที่จะเปิดเปลือกตา จ้องมองเขาเขม็ง “มะ มู่หรงไท่ ท่านรู้ไหมว่าตอนนี้ท่านกำลังทำอะไรอยู่ รู้ไหมว่าท่านทำเช่นนี้แล้วจะมีจุดจบเช่นไร ช่างกล้าดียิ่งนัก…” 

 

 

แน่นอนว่ามู่หรงไท่รู้แก่ใจว่าตนกำลังทำอะไร แต่ที่เขาไม่รู้จริงๆคือยังมีวิธีอื่นใดอีกนอกเหนือจากนี้ที่จะได้นางมา! 

 

 

ในเมื่อก้าวเข้ามาในชีวิตชาตินี้พร้อมกับความทรงจำของช่วงชีวิตชาติก่อนที่เขาเกลียดนางเข้ากระดูกดำในตอนแรก แต่กลับพบว่าในชาตินี้นางไม่แม้แต่จะสนใจตัวเองสักนิด ความเกลียดชังเช่นนั้นกลับกลายเป็นความรู้สึกไม่สบายใจทั้งเจ็บปวดไปถึงกระดูก 

 

 

นางยังยึดติดกับชีวิตในชาติก่อน ที่แม้จะเป็นเพราะความเย็นชาและความโศกเศร้าของตัวเขาเองก็ตาม แล้วทำไมในชาตินี้ถึงไม่ใช่แบบนี้เล่า 

 

 

สับสนยุ่งเหยิงอยู่แบบนี้ สาบานให้ตายเถอะว่าจะได้นางไป! 

 

 

ยิ่งต้องมาเฝ้ามองนางที่อยู่ชาตินี้ที่นับวันผ่านไปยิ่งสวยสง่ามากขึ้นด้วยจิตวิญญาณชั้นสูง หาใช่ในชาติก่อนที่เป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กที่เอาแต่นั่งกอดตัวเองอยู่ในห้องส่วนตัว ขมวดคิ้วร้องไห้ราวกับถูกมดนับพันตัวกัดแทะเนื้อหนังและกระดูก 

 

 

เธอเป็นคนของเขาชัดๆ 

 

 

ความรู้สึกปลื้มปีติเช่นนี้ ทำให้เขากระสับกระส่ายจนกลางคืนนอนไม่หลับ 

 

 

ในที่สุดมู่หรงไท่ก็เข้าใจเหตุผลที่พระเจ้าส่งให้ตนกลับมาเกิดอีกครั้งหนึ่งแล้ว ฮ่าๆ ก็เพื่อให้มีชีวิตอยู่กับความทุกข์ทรมานของตัวเองนี่ไง! ทุกข์ทรมานอยู่กับคนที่ไม่สามารถครอบครองได้!