บทที่ 83 ไปหาหนอนไหมเย็นที่เนินเขาสิบลี้

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

บทที่ 83 ไปหาหนอนไหมเย็นที่เนินเขาสิบลี้

 

เมื่อออกมาจากจวนตระกูลจวินก็มืดแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นขึ้นไปบนรถม้าและกล่าวประโยคแรกกับหนานกงเย่ว่า:“ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ทรงใจกว้าง และมอบไข่มุกราตรีให้แก่หม่อมฉันเพคะ”

หนานกงเย่เลิกคิ้วขึ้น:“ใช่ ข้ามอบมันให้แก่เจ้า แต่ไม่ได้ให้ไปเปล่า ๆ นะ”

“เช่นนั้นท่านอ๋องต้องการอะไรเป็นการตอบแทนเพคะ?” ฉีเฟยอวิ๋นไม่ใช่คนโง่ ของดี ๆ เช่นนี้ หนานกงเย่จะมอบให้นางอย่างง่ายดายได้อย่างไร

หวังดีประสงค์ร้าย เจตนาไม่ดี!

“ข้าก็ยังไม่ได้คิด เอาไว้ก่อนแล้วกัน”

ฉีเฟยอวิ๋นรีบกล่าวว่า:“ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ”

“ฮึ!” เห็นแก่ได้

เมื่อรถม้ากลับมาถึงหน้าจวนอ๋องเย่ ฉีเฟยอวิ๋นก็กล่าวว่า:“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันอยากออกไปข้างนอก”

“อืม”

“ถึงแม้ว่าจะเตรียมสิ่งที่จะนำมาทำสีผึ้งกุหลาบให้พระพันปีได้แล้ว แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือหนอนไหมเย็น หม่อมฉันต้องการจะออกไปหามันเพคะ”

ฉีเฟยอวิ๋นตัดสินใจแล้วว่าจะไป แต่ที่นางไม่ได้พูดระหว่างทาง เพราะนางต้องการนำเครื่องมือไปด้วย

“จะต้องใช้มันจริง ๆ หรือ?” หนานกงเย่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

ฉีเฟยอวิ๋นรีบกล่าวว่า:“แน่นอนเพคะ”

“อาอวี่ ไปที่เนินเขาสิบลี้” หนานกงเย่สั่งให้อาอวี่ไปด้วย แต่ก็ถูกฉีเฟยอวิ๋นหยุดไว้

“หม่อมฉันต้องนำเครื่องมือไปด้วย ท่านอ๋องโปรดรอสักประเดี๋ยว เดี๋ยวหม่อมฉันมาเพคะ”

ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นและลงไปจากจากรถม้า หนานกงเย่เปิดม่านเพื่อมองออกไปข้างนอก และเห็นฉีเฟยอวิ๋นยกกระโปรงขึ้น จากนั้นก็วิ่งเข้าไปในจวนอย่างรวดเร็ว

“อาอวี่”

“พ่ะย่ะค่ะ”

อาอวี่ลงไปจากรถม้าและตามฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปในจวนทันที

หลังจากที่ฉีเฟยอวิ๋นไปประมาณครึ่งชั่วยาม หนานกงเย่ก็ตื่นขึ้นจากการงีบหลับ เขาเตรียมจะลงจากรถม้า แต่ฉีเฟยอวิ๋นก็กลับขึ้นมาในรถม้าพอดี

อาอวี่วางตะกร้าไว้ด้านนอกรถม้า ฉีเฟยอวิ๋นโยนห่อผ้าในมือเข้าไปในรถม้า นางนั่งลงและหายใจหอบ

“ข้าคิดว่าเจ้าหลับไปเสียแล้ว?” นางรู้สึกผิดที่ปล่อยให้เขารอนานเช่นนี้

“หนอนไหมเย็นซ่อนตัวอยู่ในดินก่อนที่มันจะโตเต็มที่ หนอนไหมเย็นเป็นไข่ของหนอนไหมชนิดเดียวที่สามารถอยู่รอดได้ในฤดูหนาวที่หนาวเย็น เพียงแค่หารังของมันให้พบ ก็น่าจะเพียงพอให้เรานำไปใช้แล้ว ถึงแม้จะเรียกมันว่าหนอนไหมเย็น แต่การขยายพันธุ์ของมันก็ไม่ต่างจากหนอนไหมชนิดอื่น ๆ เพียงเพราะพวกมันจำศีลอยู่ในดินในฤดูหนาว และเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิพวกมันก็จะออกมา ดังนั้นจึงเรียกมันว่าหนอนไหมเย็น

นอกจากนี้……” ฉีเฟยอวิ๋นลังเล

“มีอะไรอีกหรือ?”

หนานกงเย่ไม่มีความอดทนที่จะรอให้ฉีเฟยอวิ๋นลังเล

ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองหนานกงเย่:“หม่อมฉันได้ยินมาว่าหนอนไหมเย็นพ่นใยไหมออกมาเป็นน้ำแข็ง มันคือความเย็น”

เดิมทีฉีเฟยอวิ๋นไม่เชื่อเรื่องนี้ แต่ในบันทึกเกี่ยวกับวิชาแพทย์ได้กล่าวไว้

ก่อนหน้านี้ฉีเฟยอวิ๋นรู้จักหนอนไหมเย็นชนิดนี้ แต่ไม่เคยได้สัมผัส คราวนี้ดูเหมือนว่านางจะได้เห็นของจริงแล้ว

หนานกงเย่เหลือบมองฉีเฟยอวิ๋นอย่างไม่ใส่ใจ หญิงผู้นี้เสียสติได้ทั้งวัน สิ่งที่นางกล่าว……

ไม่มีความเท็จใด ๆ แต่สิ่งที่หนอนไหมพ่นออกมาคือความเย็น และนี่ก็เป็นสิ่งลวงตา

หนานกงเย่หรี่ตาลงและโยกตัวตามรถม้า เขาคิดถึงความลับของตัวฉีเฟยอวิ๋นเอง ยังมีอะไรที่สามารถลวงตาได้อีก

ทั้งสองพักผ่อนก่อนที่จะมาถึงเนินเขาสิบลี้ เมื่ออาอวี่หยุดรถม้า ฉีเฟยอวิ๋นก็ลืมตาตื่นขึ้นมาในทันที และออกมาด้านนอกรถม้า

นางหยิบห่อผ้าและลงจากรถม้าอย่างรวดเร็ว

ใบหน้าอันหล่อเหลาของหนานกงเย่จมลง เขาลุกขึ้นและออกมาจากรถม้า จากนั้นก็พูดด้วยเสียงต่ำว่า:“จะรีบอะไรนักหนา?”

ฉีเฟยอวิ๋นตอบว่า:“หากมืดแล้วจะหายากเพคะ จึงต้องรีบหน่อย”

หนานกงเย่จึงลงจากมารถม้าและมองไปรอบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง

เนินเขาและทุ่งหญ้าที่แห้งแล้งตรงหน้า มีหนอนไหมเย็นอยู่ในสถานที่เช่นนี้หรือ หนานกงเย่รู้สึกสงสัย

“เจ้าแน่ใจหรือว่าพวกเขาไม่ได้หลอกเจ้า?” หนานกงเย่สงสัยเป็นอย่างมากมาก ไม่ใช่ว่าหญิงผู้นี้ถูกหลอกแล้วยังไม่รู้ตัวหรอกนะ

เขาไม่เคยได้ยินชื่อหนอนไหมเย็นมาก่อน แต่ดูจากท่าทางของหมอในจวนแล้ว มันคงจะเป็นของดี

ถ้าหากขายจะได้ราคาหนึ่งร้อยสิบตำลึง แล้วเหตุใดพวกเขาต้องบอกที่อยู่ของหนอนไหมเย็นกับผู้อื่นด้วย

“หม่อมฉันคิดว่ามีเพคะ หม่อมฉันจะออกไปหา ท่านอ๋องรอหม่อมฉันนะเพคะ”

ฉีเฟยอวิ๋นเข้าใจดี ไม่มีใครในจวนอ๋องเย่ที่คิดว่านางเป็นพวกเดียวกัน ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่จะหลอกนาง

แต่ถ้านางไม่มาหา นางจะรู้ได้อย่างไรว่านางถูกหลอก

หนอนไหมเย็นมีความสำคัญต่อนางมาก ถ้าหาไม่เจอนางก็จะไม่ยอมแพ้!

ฉีเฟยอวิ๋นถือเสียมเดินขึ้นไปบนเนินเขาสิบลี้ อาอวี่มองไปที่หนานกงเย่:“ท่านอ๋อง เราต้องทำอะไรกันพ่ะย่ะค่ะ?”

“เจ้าอยู่ที่นี่ ข้าจะไปดูหน่อย”

หลังจากที่พูดจบ หนานกงเย่ก็เดินตามขึ้นไป คราวก่อนมาตามหาจิ้งจอกหางสั้น มันยังวิ่งหนี คราวนี้ก็ไม่แน่ว่าจะหาเจอ

ทั้งสองค่อย ๆ เดินไกลออกไป อาอวี่จึงกลับไปรอที่รถม้า

ระหว่างทางฉีเฟยอวิ๋นลองหาตามที่ต่าง ๆ มาไม่น้อย แต่ก็ยังหาไม่พบ

ฉีเฟยอวิ๋นหาจนกระทั่งมืด แต่ก็ไม่ได้เป็นกังวล:“หรือว่าจะถูกหลอกจริง ๆ ?”

“กลับไป ข้าจะไม่ปล่อยไว้แน่!” หนานกงเย่เดินตามอย่างหงุดหงิด เขาเฝ้ามองนางที่แขนขาอ่อนล้ามาตลอดทาง แต่นางยังมีแรงพอที่จะขุดหาตามใต้ก้อนหิน นางดูไม่สบายใจ

คนอื่นหลอกเจ้า เจ้าก็ให้คนอื่นหลอก?

ฉีเฟยอวิ๋นยันเสียมในมือกับพื้นอย่างใจจดใจจ่อ:“อยู่ที่ไหนกันแน่นะ?”

สีหน้าของหนานกงเย่ดูไม่น่ามอง:“กลับเถอะ ข้าจะไปเอามาจากหมอในจวน”

“ไม่มีประโยชน์ที่จะเอามันมาหรอกเพคะ บางทีมันอาจจะเสื่อมสภาพแล้ว เอามาก็ไม่มีประโยชน์ที่ ถ้าหากรอให้มันกลายเป็นแมลงแล้วออกไข่ ก็คงต้องใช้เวลาเวลาสิบถึงยี่สิบวัน ซึ่งรอไม่ไหว”

ฉีเฟยอวิ๋นก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน

หนานกงเย่ถามว่า:“เสื่อมสภาพคืออะไร?”

“คืออยู่ในช่วงอายุที่ไร้ประโยชน์ ตามคำบอกเล่าของหมอในจวน เขาได้หนอนไหมเย็นมาระยะหนึ่งแล้ว ถ้าหม่อมฉันเดาไม่ผิด เขาคงจะให้แม่ของเขาใช้แล้ว และส่วนของหนอนไหมเย็นที่สามารถใช้ได้มีเพียงไหมของมันเท่านั้น หมอในจวนบอกว่าต้องนำมาบดเป็นผง แต่จริง ๆ แล้วถ้าบดเป็นผงมันจะใช้ไม่ได้ ส่วนไหมสามารถนำมาทำเป็นยาได้ แต่ต้องเป็นไหมที่เพิ่งพ่นออกมา ดังนั้นสิ่งที่หมอในจวนกล่าวจึงไม่สามารถเชื่อถือได้

ยิ่งกว่านั้นหนอนไหมเย็นของหมอในจวนอยู่ที่นั่นมากว่าครึ่งเดือนหรือสิบวันแล้ว เช่นนี้แล้วการนำซากมันมาก็ไม่มีประโยชน์อันใด ๆ

เพราะหม่อมฉันรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ จึงไม่ได้นำมันมา”

ฉีเฟยอวิ๋นก็จนปัญญา เจ้าของร่างเดิมนิสัยไม่ดี ดังนั้นผู้คนในจวนตั้งแต่เจ้านายไปจนถึงบ่าวรับใช้ ต่างก็ไม่อยากอยู่ร่วมกับนาง

ถ้านางไม่รู้ความเป็นจริง แล้วนำหนอนไหมเย็นนั้นมาใช้ นางคงจะรู้สึกซาบซึ้งจนหาที่สุดมิได้แล้ว

สีหน้าของหนานกงเย่เย็นชามากขึ้นเรื่อย ๆ:“ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว เหตุใดถึงไม่เปิดโปงความจริง เจ้าช่างโง่เสียจริง?”

ฉีเฟยอวิ๋นจนปัญญา:“หม่อมฉันรู้ว่าพวกเขาร่วมมือกันวางแผนจะทำร้ายหม่อมฉัน และที่หม่อมฉันไม่ได้เปิดโปงต่อหน้าสาธารณชน เพราะพวกเขาต่างก็เกลียดชังหม่อมฉัน และรอที่จะทำร้ายหม่อมฉัน สู้หม่อมฉันแสร้งทำเป็นไม่รู้เสียจะดีกว่า แผนการของพวกเขาไม่สำเร็จ และหม่อมฉันก็ไม่ได้เป็นอะไร”

“ไม่ได้เป็นอะไรงั้นหรือ?” สีหน้าของหนานกงเย่เปลี่ยนเป็นดำเหมือนถ่าน:“ข้าว่าในหัวของเจ้าคงจะมีแต่น้ำ”

“เช่นนั้นก็คงจะมีนิดหน่อยเพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นพูดติดตลก จริง ๆ แล้วนางก็รู้สึกว่าตั้งแต่มาที่นี่ สมองของนางใช้งานได้ไม่ค่อยดี

ปล่อยให้มันผ่านไป แต่ก็ยังถูกผู้อื่นวางแผนคิดร้าย?

หลังจากที่พักพอแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็เดินไปขึ้นไปบนเนินเขาสิบลี้ เพื่อที่จะหาต่อไป

“ไม่ต้องหาแล้ว กลับไปกับข้า ข้าจะดูสิว่าใครที่บังอาจไม่ยอมมอบหนอนไหมเย็นออกมาให้ข้า ” ต้องจัดการกับพวกเขา!

“ตนย่อมเป็นที่พึ่งแห่งตน พวกเขาไม่เต็มใจ แม้ว่าจะตอบตกลงก็ตาม ในเมื่อไม่เต็มใจที่จะทำ สุดท้ายก็จะทำได้ไม่ดี”

“ช่างพูดช่างจา เหตุใดเจ้าจึงไม่พูดจาอย่างมีเหตุมีผลกับพวกเขา?”

แม้จะไม่พอใจ แต่หนานกงเย่ก็เดินตามไป

ฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากพูดเรื่องไร้สาระเหล่านั้นกับหนานกงเย่ การที่คนในจวนอ๋องเย่ไม่พอใจนาง มันไม่ใช่วันสองวัน ถ้านางไม่ฆ่าคนเหล่านั้น นางคงไม่ถูกโกรธแค้นชิงชัง เพิกเฉยเสียจะดีกว่า

ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปข้างหน้า นางพบหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งและมีพงหญ้าอยู่รอบ ๆ เป็นไปตามที่หนังสือแพทย์กล่าวไว้ หนอนไหมชอบที่เช่นนี้มาก เป็นไปได้ว่ามันจะนอนอยู่ข้างใต้นี้

 

 

**********************