ตอนที่ 113 โผล่ออกมา!

เนื่องจากเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และเพื่อย่นระยะเวลาของขั้นตอนการผ่าชันสูตรศพ มีศพสองสามศพถูกเคลื่อนย้ายไปยังโรงพยาบาลในเครือทงเฉิงที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อช่วยตรวจศพ

เมืองทงเฉิงเป็นเมืองที่เงียบสงบ และเพราะเหตุนี้ จู่ๆ เกิดคดีฆ่าคนที่รุนแรงปรากฏขึ้นมา จึงดึงดูดความสนใจของฝ่ายต่างๆ ได้ภายในพริบตา ในวีแชตโมนเมนต์และเวยป๋อ ข่าวที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้แพร่กระจายไปทั่ว ประชาชนมากมายถึงขนาดเกิดอาการหวาดกลัวและไม่สบายใจ

ดังนั้นจึงสร้างแรงกดดันให้กับทางตำรวจในระดับหนึ่ง

ทางตำรวจทุ่มเททำงานอย่างตั้งใจ เพื่อที่จะหาเบาะแสและปิดคดีให้ได้ในเร็ววัน จึงมีการสร้างทีมสืบสวนพิเศษขึ้นมาโดยตรง แน่นอนว่า เรื่องราวพวกนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับโจวเจ๋อ

ตอนนี้เขาจำเป็นต้องยืนยันเรื่องหนึ่ง นั่นคือหมอและพยาบาลที่เสียชีวิตพวกนั้นถูกคนฆ่าหรือว่าถูก…ผีฆ่ากันแน่

ในความเป็นจริง โจวเจ๋อไม่ได้รู้สึกกระวนกระวายใจใดๆ ต่อการตายของคนพวกนั้น และไม่ถึงขั้นที่ตัวเองต้องรับผิดชอบหรือรู้สึกละอายใจอะไร ถ้าหากผีผู้หญิงตนนั้นเก่งสักหน่อย เธอก็คงกลายเป็นดาบที่โจวเจ๋อยืมมาฆ่าคนไปนานแล้ว คนที่ใช้ชีวิตมนุษย์เป็นเครื่องมือในการเดิมพันเหล่านั้น ตายไปกลับจะทำให้โลกนี้สะอาดขึ้นเยอะ

แต่สิ่งที่โจวเจ๋อทนไม่ได้ก็คือ ถ้าหากมีผีอีกตัวหนึ่งแอบซ่อนอยู่ในมุมมืดจริง แต่ตัวเขาเองกลับไม่รู้ มันรอให้เขาออกไป แล้วจึงเริ่มออกมาฆ่าคน นั่นคือการบกพร่องในหน้าที่ของเขา

เขาตามไล่ล่านกนางแอ่นมาตลอด คิดไม่ถึงว่าจะถูกนกนางแอ่นจิกตา ความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้สวยงามสักเท่าไร

โจวเจ๋อแอบหยิบเสื้อกาวน์หมอตัวหนึ่งมาสวมใส่ แล้วเดินเข้าไปในห้องดับจิต มีศพสองศพกำลังถูกผ่าชันสูตรอยู่ ที่นี่พักศพไว้สามศพ เมื่อก่อนโจวเจ๋อเคยเป็นหมอที่นี่เหมือนกัน ทำงานที่นี่มาสิบปี ดังนั้นจึงคุ้นเคยกับโรงพยาบาลในเครือแห่งนี้เป็นอย่างมาก

มิหนำซ้ำห้องดับจิตนี้ หลังจากโจวเจ๋อได้เกิดใหม่ จริงๆ แล้วก็เคยมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนั้นเขาได้เจอลูกสองสามคนกำลังแย่งสมบัติของแม่อยู่ที่นี่โดยที่ไม่มีใครสนใจไปรับศพ

นักพรตเฒ่ารีบมาจากสถานีตำรวจเพื่อมาเจอกับโจวเจ๋อที่โรงพยาบาลในเครือ เขาได้แอบถามนักข่าวพวกนั้นพอได้ข้อมูลมาบ้างไม่มากก็น้อย จากนั้นก็รีบมารายงานกับโจวเจ๋อ

เพียงแต่สิ่งที่ทำให้นักพรตเฒ่าผิดหวังก็คือ โจวเจ๋อไม่สนใจข้อมูลเหล่านั้นเลย เขาขาดความสนใจในการสืบคดีซึ่งต่างแตกต่างจากเถ้าแก่คนก่อนของนักพรตเฒ่า

อุณหภูมิในห้องดับจิตแน่นอนว่าไม่สูงมาก ความน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกไปทั้งด้านในและด้านนอก

“เถ้าแก่ ทำไมศพถูกย้ายมาผ่าที่โรงพยาบาลนี้” นักพรตเฒ่าไม่เข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

“หมอนิติเวชเก่งๆ ต่อให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ในประเทศจีนก็เช่นกัน ถ้าหากเป็นคดีที่มีแค่ศพสองศพเท่านั้น ก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลย แต่คนที่ตายในครั้งนี้มีมากกว่าสิบคน เดิมทีจำนวนของหมอนิติเวชที่ถูกจัดสรรให้สถานีตำรวจทงเฉิงมีจำนวนไม่พออยู่แล้ว จึงได้แต่อาศัยความช่วยเหลือจากกำลังคนของหน่วยงานอื่นนอกเหนือจากภาครัฐ”

โจวเจ๋อตรวจสอบหมายเลขและกวาดตาดูตารางที่อยู่ด้านหลังประตู จากนั้นจึงลากตู้แช่เย็นออกมา ในนั้นมีศพของหญิงชราผมสีขาวเทาศพหนึ่ง

นักพรตเฒ่ามองศพแล้วเบิกตาโตเอ่ยว่า “นี่ต้องเป็นฝีมือของผีแน่นอน พยาบาลสาวถูกดูดจนตัวแห้ง”

โจวเจ๋อยื่นมือเคาะแผ่นเหล็ก “นี่เป็นศพของคนไข้ที่อยู่ในห้องใต้ดินของโรงพยาบาลนั้น”

“อ้อ แบบนี้นี่เอง”

นักพรตเฒ่าลูบศีรษะอย่างเก้อเขิน

“ถ้าอย่างนั้นตายได้ยังไง” นักพรตเฒ่าถามอีก

“ตอนที่ศพยังมีชีวิตอยู่เดิมเป็นโรคมะเร็งอยู่แล้ว และคนไข้พวกนั้นที่นอนอยู่ในห้องใต้ดินก็ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือการพนัน ถูกห้ามไม่ให้มีการรักษาใดๆ นานแล้ว พวกเขาจะตายตอนไหนมีความเป็นไปได้เสมอ แต่ดูโดยรวมแล้ว ศพนี้ไม่ได้มีแผลภายนอกที่ชัดเจน และผมก็ไม่สามารถรับรู้ถึงพลังชี่พิฆาตจากตัวเธอได้เลย”

“อย่างนั้นสาเหตุการตายของเธอจึงแปลกมากและหาสาเหตุยากใช่ไหม” นักพรตเฒ่าทำเป็นลูบคางเต๊ะท่าเก่ง ราวกับว่าเวลานี้เขากำลังครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง “อย่างนั้นก็น่าสนุกละ เดาสาเหตุการตายไม่ได้ ต้องมีอะไรแปลกๆ อยู่ในนี้แน่นอน”

“ป่วยตาย”

“อะไรนะ”

“ผมพูดว่า เธอน่าจะป่วยตาย”

“เอ่อ…”

ถ้าหากคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนอื่นไม่ใช่โจวเจ๋อ นักพรตเฒ่าอยากจะด่าเสียหน่อย

เจ้าบอกว่าป่วยตายแต่ยังวิเคราะห์นานขนาดนี้ แถมยังปล่อยให้ข้าแสร้งทำเป็นจริงจังเสียขนาดนี้ ข้าไม่หน้าแตกแย่เหรอ!

โจวเจ๋อไม่สนใจความคิดของนักพรตเฒ่า แต่ดึงศพที่สองออกมา นี่เป็นศพผู้ชาย เป็นชายหนุ่มวัยรุ่น

“ศพนี้ข้าคุ้นหน้าเล็กน้อย อ้อ เฮ้ย นี่คือศพของยามคนนั้น” นักพรตเฒ่าจำศพนี้ได้ว่าเป็นใคร ไม่ว่าอย่างไรเขากับยามรักษาความปลอดภัยคนนั้นก็เคยปะทะกันมาก่อน

โจวเจ๋อยื่นมือเชยคางของศพขึ้นมา มีแผลสีแดงเข้มอยู่ตรงนี้

แผลลึกมาก ปากแผลเนียนกริบ

“นี่คือถูกปาดคอเหรอ” นักพรตเฒ่าพูดเดา

โจวเจ๋อพยักหน้า สาเหตุการตายคือถูกของมีคมปาดลำคอทำให้เสียเลือดมากจนเสียชีวิต

โจวเจ๋อเปิดตู้แช่เย็นของศพที่สามออกมาอีก นี่เป็นศพของผู้หญิง

“อันนี้ข้ารู้จัก เป็นพยาบาลสาวคนหนึ่งที่อยู่ในโรงพยาบาล ตอนนั้นด้านล่างเธอใส่เปปป้าพิก ข้ามองอยู่สองสามทีแน่ะ”

โจวเจ๋อตรวจสอบคางของศพผู้หญิง พบว่าเธอไม่มีบาดแผลตรงนี้ จากนั้นจึงเลื่อนลงไปตามลำคอ โจวเจ๋อเห็นด้านล่างอกข้างซ้ายของศพผู้หญิง มีปากแผลที่ลึกมาก รอยแผลไม่ได้ยาวมากเหมือนรอยแผลตรงคอของศพผู้ชายที่อยู่ถัดไป แต่ระดับความลึกนั้นน่ากลัวมาก

หากตัดปัจจัยที่ไม่คาดคิดอย่างอื่นทิ้งไป และวิเคราะห์ตามประสบการณ์ในชาติที่แล้วของโจวเจ๋ออย่างเดียว การเสียชีวิตของทั้งสองคนน่าจะมาจากบาดแผลสองจุดที่ตัวเขาหาเจอ

“นี่คือถูกคนแทงด้วยกริชใช่ไหม” นักพรตเฒ่าถือว่าเป็นคนที่เคยเดินทางไปเจ็ดย่านน้ำ และเคยเป็นหมอเท้าเปล่าในชนบทมาพักหนึ่ง ถึงแม้จะมีนิสัยชอบหลอกลวงผู้คน แต่ก็นับว่ามีประสบการณ์และความรู้มากมาย

“น่าจะเป็นของมีคมคล้ายกริช” โจวเจ๋อพยักหน้า

ผีฆ่าคน ไม่ใช้มีด ดังนั้นดูจากตอนนี้แล้ว น่าจะเป็นฝีมือของคน

ในเมื่อเป็นฝีมือของคน เช่นนั้นก็ไม่เกี่ยวกับโจวเจ๋อเลยสักนิด เรื่องของโลกมนุษย์ มอบให้ตำรวจจัดการ เขารับผิดชอบแค่เรื่องไล่จับผีเท่านั้น

แต่เหตุการณ์นี้ทำให้โจวเจ๋อไม่สบายใจมาก ก่อนหน้านั้นเขาอยากจะฆ่าหมอและพยาบาลเหล่านี้ แต่สุดท้ายก็ไม่ทำ ทว่าในหัวของเขาจริงๆ แล้วกลับมีภาพหนึ่งที่สามารถคาดเดาออกมาได้

นั่นก็คือหลังจากที่ตัวเขากับนักพรตเฒ่ากลับไปแล้ว มีคนหนึ่ง ถือสิ่งของที่มีลักษณะคล้ายกริชหรือมีดเล็กอยู่ในมือมาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ และหมอกับพยาบาลพวกนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่ยังสลบอยู่

เขาเข้าใกล้ทีละคนแล้วใช้กริชปาดคอหรือไม่ก็แทงหน้าอกในขณะที่พวกเขาสลบอยู่ เพื่อให้พวกเขาแต่ละคนเสียเลือดมากจนเสียชีวิตไปอย่างทรมาน

ผีไม่ได้ช่วยฆ่า แต่กลับเป็นคนที่ช่วยฆ่าแทน

ฉันฆ่าไม่ฆ่าเป็นเรื่องของฉัน คุณอาศัยจังหวะตอนที่ฉันกลับไปแล้วแทงพวกเขาตอนที่ยังสลบอยู่ โจวเจ๋อรู้สึกเหมือนถูกเอาเปรียบและโดนวางแผนตลบหลัง

“ไปกันเถอะ ไม่มีอะไรแล้ว” โจวเจ๋อกล่าว

ในเมื่อไม่ใช่ผีที่เป็นตัวการ โจวเจ๋อจึงคิดจะถอนตัวออกมา

“อย่างนั้นข้า…ข้ายังต้องไปมอบตัวอีกไหม”

“เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ของบางสิ่งอยากจะปิดบังกลับเป็นไปไม่ได้ ถึงแม้คุณไม่ได้มอบตัว ห่วงโซ่ธุรกิจสีดำนี้ก็จะถูกขุดขึ้นมาเพราะเหตุการณ์ในครั้งนี้”

“อย่างนั้นก็ดี”

นักพรตเฒ่าเป็นห่วงจริงๆ ว่าโจวเจ๋อจะสั่งให้ตัวเองไปมอบตัวเป็นพยานที่มีมลทินต่อ

พอเดินออกมาจากโรงพยาบาลก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว ข้างนอกมีร้านอาหารโต้รุ่งอยู่หลายร้าน นักพรตเฒ่าจึงเสนอให้กินอะไรนิดหน่อย อย่างไรเสียตั้งแต่ตอนกลางวันจนถึงตอนนี้ เขายังไม่ได้กินอะไรเลย

โจวเจ๋อพยักหน้าเห็นด้วย เขาเองก็รู้สึกว่าเท้าของตัวเองเริ่มลอยเล็กน้อย สวี่ชิงหล่างกลับบ้านเกิด สองสามวันที่ผ่านมานี้ตัวเขาไม่ค่อยอยากอาหารเท่าไร แต่เนื่องจากไม่ได้พกน้ำบ๊วยมาด้วย ในขณะที่นักพรตเฒ่าที่อยู่ด้านข้างกินอย่างเอร็ดอร่อย โจวเจ๋อกลับกินลำบากมาก กับข้าวหนึ่งอย่าง เขาต้องทนกับอาการคลื่นไส้ฝืนกลืนลงไปอย่างยากลำบาก

และของกินในร้านอาหารโต้รุ่งก็มีน้ำมันค่อนข้างเยอะ ยิ่งทำให้โจวเจ๋อกินยากขึ้น

นักพรตเฒ่ากินไปกินมาแล้วลูบปาก จากนั้นลุกขึ้นเดินไปข้างหน้า ตอนที่กลับมาเขาถือหมั่นโถวที่ยังร้อนสองลูกอยู่ในมือ

“เถ้าแก่ เจ้ากินของจืดหน่อยจะดีกว่า ข้างหน้ามีร้านเปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงพอดี จึงซื้อหมั่นโถวมาให้เจ้าสองลูก”

โจวเจ๋อวางตะเกียบลงแล้วรับหมั่นโถวมา เขาจำเป็นต้องกินบ้าง อย่างน้อยก็ต้องรักษาพลังงานที่จำเป็นต่อการเคลื่อนไหวของร่างกายนี้เอาไว้ จะปล่อยให้ร่างกายทรุดตัวไม่ได้

โจวเจ๋อหยิบหมั่นโถวมาไว้ในมือ แล้วส่ายหน้าด้วยความจนใจอยู่บ้าง “หมั่นโถวไม่สด”

“เอ่อ…” นักพรตเฒ่าพูดอย่างจนปัญญา “ตอนนี้ดึกแล้ว ถ้าจะกินของสด ก็ต้องรอตอนที่ร้านเพิ่งจะเปิดช่วงเช้าถึงจะมี”

โจวเจ๋อใช้เล็บของตัวเองจิ้มหมั่นโถว ข้างนอกนุ่มมาก แต่ข้างในกลับแข็งเล็กน้อย

ตอนที่โจวเจ๋อกำลังจะฉีกใส่เข้าปาก เขากลับตกตะลึงในทันใด

เขาหันเปลี่ยนทิศของหมั่นโถวอย่างกะทันหัน มองตำแหน่งที่ถูกตัวเองใช้เล็บจิ้มเข้าไปเมื่อครู่

จากนั้นโจวเจ๋อก็ทิ้งหมั่นโถวที่อยู่ในมือ ลุกขึ้นพรวดแล้ววิ่งข้ามถนนไปที่โรงพยาบาลทันที

“เถ้าแก่!”

นักพรตเฒ่าตะโกนหนึ่งที เมื่อเห็นว่าโจวเจ๋อไม่สนใจ จึงได้แต่ทิ้งเงินสองร้อยหยวนไว้บนโต๊ะ แล้วตะโกนบอกเจ้าของร้านโต้รุ่งว่า “คิดเงิน” จากนั้นจึงวิ่งตามโจวเจ๋อไป

ทั้งสองคนกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง โจวเจ๋อวิ่งตรงไปที่ห้องดับจิต เจอหมอใส่เสื้อกาวน์คนหนึ่งเดินออกมาจากประตูห้องดับจิตพอดี โชคดีที่เขาหันหลังให้โจวเจ๋อแล้วเดินไปอีกทาง ขึ้นไปชั้นบนจากทางนั้น

หลังจากรอให้หมอออกไปแล้ว โจวเจ๋อกับนักพรตเฒ่าจึงเปิดประตูห้องดับจิตแล้วเดินเข้าไป

โจวเจ๋อเปิดตู้แช่เย็นด้วยตัวเอง ศพผู้หญิงนอนอยู่ในนั้น

“เถ้าแก่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่” นักพรตเฒ่าถามพลางหายใจหอบแฮก

“ไม่ได้ถูกฆ่าด้วยกริช” โจวเจ๋อพูดเสียงขรึม

“ไม่ใช่กริช อย่างนั้นก็เป็นมีดเล่มเล็กน่ะสิ เจ้าตั้งใจวิ่งกลับมาเพราะเรื่องเล็กแค่นี้เองเหรอ” นักพรตเฒ่าถอนหายใจ

โจวเจ๋อไม่พูดอะไร เขาปล่อยให้เล็บนิ้วชี้ของตัวเองยาวออกมาอย่างเงียบๆ จากนั้นเล็บสีดำก็ถูกโจวเจ๋อวางลงที่ด้านล่างหน้าอกซ้ายของศพผู้หญิงเบาๆ แล้วหยุดอยู่ที่ปากแผล เมื่อแทงเข้าไปมันเข้ากับรอยแผลนั้นพอดี!

นี่ไม่ได้ถูกฆ่าด้วยกริชและไม่ใช่มีดเล็กอะไร กระทั่งไม่ใช่ของมีคมอะไรทั้งนั้น แต่มันเป็นเล็บ! เป็นเล็บจริงๆ!

นักพรตเฒ่าอ้าปากค้างทันที ถึงขนาดตกใจจนไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร จึงได้แต่พูดตะกุกตะกัก

“ผะ…ผี…”

“ผมก็ว่าอยู่ทำไมเห็นแล้วมันคุ้นๆ ตา รู้สึกคุ้นเคยมาก” โจวเจ๋อหันมามองนักพรตเฒ่าแล้วเอ่ยว่า “ดึงตู้แช่เย็นที่มีศพของผู้ชายออกมา แล้วตรวจสอบอีกที”

นักพรตเฒ่าพยักหน้าทันที แล้วดึงตู้แช่เย็นที่มีศพผู้ชายอยู่ออกมา จากนั้นนักพรตเฒ่าก็เอ่ยด้วยความตกตะลึง “เถ้าแก่ แย่แล้วเกิดเรื่องแล้ว!”

“มีอะไร” โจวเจ๋อดึงเล็บของตัวเองออกมา แล้วหมุนตัวไปทางนักพรตเฒ่า

“ไม่…ไม่มีศพแล้ว!” นักพรตเฒ่าหันไปหาโจวเจ๋อ เพื่อบอกว่าตู้แช่เย็นที่ตัวเองดึงออกมานั้นว่างเปล่า

ต่อจากนั้นฉากที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็ปรากฏออกมา นักพรตเฒ่ายื่นมือสั่นๆ ชี้ไปที่โจวเจ๋อ เพราะเขาเห็นว่าที่ด้านหลังของโจวเจ๋อ ศพผู้หญิงที่เดิมทีนอนอยู่บนเปลของตู้แช่เย็นกำลังลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆ แล้วศพผู้หญิงก็หันใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยมองมาทางเขา…

…………………………………………………………………………