บทที่ 257 ไล่งูพิษ

ในขณะเดียวกับที่ไม่เห็นใครในออฟฟิศของเผิงอิงอิง ผู้จัดการหวังก็วิ่งตามมาถึงอย่างกระหืดกระหอบหลังจากจัดการไล่หัวหน้าแผนกการผลิตร่างอ้วนออกไปจากบริษัทเรียบร้อย

เมื่อเห็นว่าเผิงอิงอิงไม่ได้อยู่ในออฟฟิศ ผู้จัดการหวังจึงรีบเอ่ยแนะนำทันที “ท่านประธาน ผมคิดว่าตอนนี้ เผิงอิงอิงน่าจะอยู่ในห้องของหลี่จิงเทียน แน่นอน!”

“ในออฟฟิศของหลี่จิงเทียน?”

อวี้ฮ่าวหรานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และหลังจากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นมืดหม่นมากกว่าเดิม เพราะก่อนหน้านี้ชายหนุ่มได้ยินรายงานมาบ้างว่าไอ้คู่นี้ชอบอยู่ด้วยกัน!

เมื่อคิดได้เช่นนี้ชายหนุ่งจึงรีบเดินตรงดิ่งไปที่ออฟฟิศของหลี่จิงเทียน ทันที และในทันทีที่เขาเดินไปถึงหน้าห้อง ด้วยประสาทการได้ยินที่เหนือมนุษย์เขาได้ยินเสียงคุยด้านในอย่างชัดเจน

“นายน้อยหลี่…พวกเรามาเริ่มกันเลยไหม? ตอนนี้ฉันต้องการ…”

“เอ่อ…ในออฟฟิศเลยเหรอ? มันคงไม่ดีเท่าไหร่ล่ะมั้ง…”

“มันจะเป็นอะไรไปกันเล่า ยังไงซะพวกเราก็…”

เมื่อได้ยินบทสนทนานี้ อวี้ฮ่าวหรานก็ยิ่งโมโห

รับคนไม่ได้เรื่องมาดูแลแผนกที่สำคัญที่สุดยังไม่พอ ไอ้สองคนนี้กลับกำลังจะทำเรื่องอย่างว่าในบริษัทอีก!

“ปัง!!”

อวี้ฮ่าวหรานถีบประตูอย่างรุนแรงจนลูกบิดประตูที่ล็อคอยู่กระเด็นหลุดและประตูก็เปิดอ้าออกอย่างฉับพลัน!

“ฮ…เฮ้ย!”

หลี่จิงเทียนสะดุ้งโหยงทันทีเมื่อได้ยินเสียงถีบประตูดังลั่น แต่ในขณะที่เขากำลังจะตะโกนด่า เมื่อเห็นว่าเป็นพี่เขยของตัวเองที่เดินเข้ามา ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นแข็งค้าง

“พ…พี่เขย เป็นพี่เองหรอกเหรอ…”

หลี่จิงเทียนตัวสั่นงันงกราวกับเขาเป็นหนูที่เห็นแมวเดินเข้ามาหา เขากลัวพี่เขยของตัวเองอย่างแท้จริง

อวี้ฮ่าวหรานไม่คิดจะสนใจกับหลี่จิงเทียน ในตอนนี้สายตาของเขาจ้องเขม็งไปที่เผิงอิงอิงซึ่งแต่งหน้าหนาเตอะเหมือนทุกวัน แถมเสื้อผ้าของเธอในตอนนี้ก็อยู่ในสภาพที่หลุดรุ่ย

นังผู้หญิงคนนี้นี่มันเหลือรับจริง ๆ กล้าทำเรื่องไร้ยางอายแบบนี้ในบริษัทของเขาได้ยังไง!

อวี้ฮ่าวหรานโมโหมากกว่าเดิม!

“ฮึ่ม! ฉันไม่ว่าอะไรหากแกจะยั่วยวนหลี่จิงเทียน และฉันก็ยังพอทนไหวหากแกทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างครบถ้วน แต่ทั้ง ๆ ที่ฉันอดทนกับแกแล้ว แกกลับรับไอ้หมูโง่นั่นมาเป็นหัวหน้าแผนกที่สำคัญที่สุดในบริษัทของฉัน!”

“นั่นญาติของฉันนะ!”

เมื่อได้ยินอวี้ฮ่าวหรานด่าญาติของตัวเองต่อหน้า เผิงอิงอิงจึงอารมณ์ขึ้นเช่นกันและหลุดปากเถียงออกไป

“ฮ่า ๆ! เป็นญาติของแกจริง ๆ ด้วย! ฉันเดาเอาไว้แล้วไม่มีผิดเลย! แกนี่มันนังงูเห่าชัด ๆ มิน่าล่ะ ขนาดทำศัลยกรรมมาตั้งหลายรอบหน้าแกก็ยังเหมือนงูเห่าไม่เปลี่ยน!”

อวี้ฮ่าวหรานด่าอย่างไม่ไว้หน้า ในเมื่ออีกฝ่ายสร้างความเสียหายให้กับบริษัทของเขา ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องสุภาพอีก!

“นี่คุณ!”

เผิงอิงอิงโกรธจนตัวสั่นเมื่อโดนด่าขนาดนี้ ตั้งแต่เกิดมาไม่มีใครด่าเธอขนาดนี้ต่อหน้ามาก่อนเลย!

แต่ไม่ว่าเธอจะโกรธขนาดไหน อีกฝ่ายเป็นถึงประธานบริษัท ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าด่าตอบและเก็บความแค้นนี้เอาไว้ในใจ เธอกำหมัดและก้าวเดินไปยังประตูเพื่อที่จะออกไปจากห้องนี้ทันที

เธอตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดแล้วว่านับจากนี้ เธอจะทำทุกอย่างเพื่อบ่อนทำลายอวี้ฮ่าวหราน โดยการใช้หลี่จิงเทียนเป็นตัวกลาง!

แต่แล้วในขณะที่เธอกำลังจะเดินออกจากห้องไป อวี้ฮ่าวหรานก็ขวางทางเธอเอาไว้ก่อนที่จะพูดขึ้นอย่างเย็นชา

“ฉันไล่แกออก! แกรีบไปเก็บของซะแล้วออกไปให้พ้น ๆ จากบริษัทของฉันภายในวันนี้!”

แน่นอนว่าเมื่อได้ยินประโยคนี้เข้าไป เผิงอิงอิงถึงกับตกตะลึง

“ฉ…ฉันถูกไล่ออก? ม…ไม่ได้นะ! คุณจะไล่ฉันออกไม่ได้!”

สีหน้าของเผิงอิงอิงในตอนนี้ได้เปลี่ยนจากอาฆาตแค้นเป็นตื่นตระหนกไปเรียบร้อย

เธอไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะไล่เธอออกทันทีแบบนี้

อวี้ฮ่าวหรานยิ้มเยาะกับคำพูดของอีกฝ่าย

“ทำไมฉันจะไล่แกออกไม่ได้? เป็นเพราะหลี่จิงเทียนงั้นเหรอ?”

“ท..ท่านประธาน ได้โปรดเถอะ ได้โปรด! ฉันรู้ตัวแล้วว่าฉันทำผิดไป ได้โปรดให้โอกาสฉันอีกครั้งเถอะ ต่อจากนี้ฉันจะไม่เอาญาติเข้ามาทำงานที่นี่อีกแล้ว ฉันผิดไปแล้ว!”

ขณะนี้เธอไม่สนใจอีกว่าต้องเสียหน้ากับการอ้อนวอนขอร้องมากขนาดไหน เธอต้องการรักษางานนี้เอาไว้

ตำแหน่งของเธอตอนนี้แทบจะเรียกได้เกือบถึงจุดสูงสุดของสายงานแล้ว การเป็นผู้จัดการแผนกฝ่ายบุคคลของบริษัทใหญ่ขนาดนี้นับได้ว่ามีเกียรติเป็นอย่างมาก

มีคนไม่รู้เท่าไหร่ที่อิจฉาเธอ ดังนั้นเธอจะยอมถูกไล่ออกง่าย ๆ ได้ยังไง!

“ไสหัวออกไปซะ!”

อวี้ฮ่าวหรานรังเกียจผู้หญิงคนนี้เป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพยายามเข้ามากอดขาเขา เขาไม่ลังเลเลยที่จะเดินถอยห่างด้วยสายตารังเกียจ

“ได้โปรดเถอะท่านประธาน ฉันผิดไปแล้ว! ได้โปรดให้โอกาสฉันอีกครั้งเถอะ ฉันสาบานว่าฉันจะทำงานอย่างซื่อสัตย์นับจากนี้เป็นต้นไป!”

เผิงอิงอิงซึ่งไม่อยากสูญเสียงานของตัวเอง พยายามก้มกราบอ้อนวอนครั้งแล้วครั้งเล่า

แต่แน่นอนว่าการกระทำนี้ไม่ได้ทำให้อวี้ฮ่าวหรานใจอ่อนลงเลยสักนิด!

“ผู้จัดการหวัง เรียก รปภ. มาที่นี่เดี๋ยวนี้ ให้พาตัวผู้หญิงคนนี้ไปเก็บของและลากออกไปนอกบริษัทซะ!”

อวี้ฮ่าวหรานยินดีเมตตาต่อคนที่จริงใจกับเขา แต่กับคนที่เป็นเนื้อร้ายเขาไม่เคยปราณีด้วย

“ม…ไม่ อย่านะ!”

เมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานไม่ให้โอกาสเธอแน่นอน เผิงอิงอิงจึงรีบหันไปหา หลี่จิงเทียน

“นายน้อยหลี่! คุณจะดูอยู่เฉย ๆ จริง ๆ งั้นเหรอ? ที่ผ่านมาฉันทำดีกับคุณมาตลอด คุณช่วยพูดให้ฉันสักหน่อยไม่ได้รึยังไง?”

เธอหันไปอ้อนวอนหลี่จิงเทียนอย่างสุดตัว แต่หลี่จิงเทียนกลับเบือนหน้าหนีไม่สนใจเธอเลย ต่อหน้าพี่เขยของตัวเอง หลี่จิงเทียนไม่กล้าทำอะไรทั้งนั้น

ท้ายที่สุดเมื่อเห็นว่าการอ้อนวอนไม่ได้ผล เผิงอิงอิงที่สิ้นหวังไปเรียบร้อยแล้วจึงตะโกนออกมาเสียงดังลั่น

“คุณจะไล่ฉันออกไม่ได้! ไม่งั้นฉันจะทำให้คุณเสียใจ! คุณจะต้องเสียใจ!”

เธอขู่ด้วยความอาฆาตแค้น

อวี้ฮ่าวหรานเหลือบมองด้วยแววตาเย้ยหยันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาหันไปหาผู้จัดการหวัง อีกรอบ

“ผู้จัดการหวัง ทำตามที่ผมสั่ง เมื่อไหร่ที่รปภ.มา คุณสั่งให้รปภ.ลากนังผู้หญิงคนนี้ออกไปจากบริษัทผมทันที และอย่าลืมส่งประวัติของผู้หญิงคนนี้ไปให้กับทุกบริษัทคู่ค้าของเราด้วย!”

ไม่นานหลังจากนั้นรปภ.หลายคนก็กรูกันเข้ามาในห้อง และพาตัวเผิงอิงอิงที่ดื้อดึงออกไป

เมื่อทุกอย่างในห้องสงบลงแล้ว อวี้ฮ่าวหรานจึงเบนสายตาไปที่หลี่จิงเทียนที่กำลังตัวสั่น ก่อนที่จะหันไปหาผู้จัดการหวังและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“หลังจากนี้หากคุณจะรับใครเข้ามา คุณควรสัมภาษณ์และตรวจสอบประวัติของผู้สมัครให้ดีมากกว่านี้ อย่าให้มีเรื่องผิดพลาดแบบนี้เกิดขึ้นอีก!”

หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็เดินออกจากห้องทันที

หลี่จิงเทียน เมื่อเห็นว่าพี่เขยที่แสนจะน่ากลัวของตัวเองออกไปจากห้องแล้ว เขาก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก

เมื่อกี้เขากลัวจนแทบจะหยุดหายใจ เขากลัวว่าเขาจะโดนไล่ออกไปด้วย!

เดี๋ยวนี้พ่อของเขาไม่ให้เงินเขาอีกแล้ว ดังนั้นชายหนุ่มจึงจำเป็นต้องพึ่งพาเงินเดือนจากตำแหน่งของเขาเพียงอย่างเดียว หากตัวเองโดนไล่ออกไปด้วยเขาต้องแย่แน่!

อีกด้านหนึ่ง

หลังจากจัดการเรื่องของเผิงอิงอิงเสร็จเรียบร้อย อวี้ฮ่าวหรานก็เดินตรงไปที่สวนสนุกของบริษัททันที

“ถวนถวน พ่อมารับลูกไปกินข้าวกลางวันกัน!”

“อื้ม!”

ถวนถวนซึ่งกำลังเล่นอย่างสนุกสนานกับเด็กคนอื่น ๆ ในสวนสนุก เมื่อได้ยินพ่อของเธอเรียก เธอรีบหันมาและพยักหน้าอย่างว่าง่ายทันที ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาอวี้ฮ่าวหรานด้วยสีหน้าร่าเริง

“พ่อจ๋า ถวนถวนมีความสุข มาก ๆ เลย! มีพี่สาวเยอะแยะเลยที่มาเล่นกับหนู!”

อวี้ฮ่าวหรานอุ้มลูกสาวของตัวเองขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เบิกบาน

“ถ้างั้น หลังจากกินข้าวเสร็จพ่อพาลูกกลับมาเล่นต่ออีกดีไหม?”

“เย้!”

เด็กน้อยเขย่าตัวอย่างตื่นเต้นทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของอวี้ฮ่าวหราน

ขณะนี้เป็นเวลาหลังเที่ยงนิดหน่อย ดังนั้นอวี้ฮ่าวหรานจึงอุ้มถวนถวน ไปกินอาหารกลางวันที่โรงอาหารของบริษัท

อย่างไรก็ตามเมื่อไปถึงโรงอาหาร ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาช้าไปสักหน่อยเพราะมันมีแถวต่อคิวยาวกันพอสมควร

เมื่อเห็นเช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานไม่พูดอะไรทั้งนั้น เขาอุ้มถวนถวนไปต่อแถวเหมือนพนักงานคนอื่น ๆ

เขาเป็นประธานและเป็นเจ้าของบริษัท ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องรีบอะไร

แต่ในทางกลับกัน การกระทำเช่นนี้ของเขาทำให้พนักงานคนอื่น ๆ มองมาที่เขาด้วยแววตาไม่สบายใจ