ตอนที่ 53 ธุลีรักในสายลม

Perfect Superstar

ตอนที่ 53 ธุลีรักในสายลม

“วันนั้นตอนพลบค่ำ

หิมะขาวเริ่มปลิวว่อน

ความระทมทุกข์เต็มไปทั่วเนินเขา

รอการสิ้นสุดของวัยหนุ่มสาว

ภาพยนตร์ตอนเที่ยงคืนเต็มไปด้วยความรักเก่าแก่

ร้องเพลงให้หนุ่มสาวท่ามกลางความมืด

…”

คนที่นั่งอยู่ในบาร์เดย์ลิลลี่เงียบมาก ทุกคนฟังลู่เฉินร้องและเล่นเพลงอย่างเงียบๆ

เพลงใหม่ที่พวกเขาไม่เคยฟังมาก่อน

ถึงแม้ทำนองดนตรีจะไม่เหมือนกัน แต่ยังคงสไตล์ที่คุ้นเคย เสียงดีดกีตาร์ดังขึ้นเบาๆ การร้องเพลงไพเราะและน่าฟังของลู่เฉิน ไม่มีการตะโกนสุดเสียง ไม่มีความเลือดร้อนพลุ่งพล่าน มีแต่การเล่าเรื่องในอดีต ความอบอุ่นกับความโรแมนติกที่แฝงไปด้วยความเศร้าและหวนคิดถึงเล็กน้อย

เพลงที่เขาแต่งเหมือนกับน้ำที่ใสสะอาด พอได้ลิ้มรสอย่างละเอียดก็สัมผัสถึงรสชาติที่สวยงาม

“…

ไปกันเถอะ

สาวๆ

ไปดูพระอาทิตย์ทอแสงสีแดงในยามเช้า

แล้วก็พาเพลงรักของฉัน

ร้องขับขานรับสายลมของเธอ

น้ำค้างแตะที่ปลายผม

เต็มไปด้วยความเศร้าใจระทมทุกข์อย่างชัดเจน

เป็นความสับสนงงงวยในตอนแรกของชีวิตฉัน

…”

เยี่ยจื่อถงนั่งอยู่ตรงหน้าบาร์ ตำแหน่งของเธอดีมาก มองเห็นลู่เฉินบนเวทีได้ชัดเจน

เธออดจ้องมองใบหน้าที่คุ้นเคยมากโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าที่สะอาดและหล่อเหลา คิ้วดกคมเข้มกับจมูกเป็นสัน ทว่าสิ่งที่ตราตรึงมากที่สุด ยังคงเป็นดวงตามีพลังเป็นประกายคู่นั้น

อารมณ์เคร่งขรึมเดาใจยากแบบนั้น ราวกับแฝงไปด้วยความลับมากมายนับไม่ถ้วน ทำให้คนอยากจะสืบค้นอย่างอดใจไม่ไหว…

ใบหน้าเรียวเล็กของเยี่ยจื่อถงแดงขึ้นมา แดงจนร้อนวูบวาบนิดหน่อย

เพราะว่าสายตาของลู่เฉินที่มองมา เหมือนกำลังร้องเพลงเพื่อเธอโดยเฉพาะ!

“…

ช่วงเวลากับความสวยงาม

กลายเป็นการถอนหายใจกลางสายลม

ดวงตาเศร้าของเธอมีน้ำตาเป็นบางครั้ง

ในวัยที่เชื่อมั่นในความรัก

ฉันไม่สามารถร้องเพลงให้เธอได้

ทำให้ฉันหวนรำลึกถึงชีวิตบ่อยครั้ง!”

เขาดีดโน้ตตัวสุดท้ายเบาๆ แล้วเพลงนี้ก็จบลง

ลู่เฉินดึงสายตากลับมา เขาวางกีตาร์บนขาของตัวเอง แล้วพูดกับไมค์ว่า

“เพลงธุลีรักในสายลม เป็นผลงานเพลงต้นฉบับของผมเหมือนกัน หวังว่าทุกคนจะชอบนะครับ”

เสียงปรบมือดังขึ้นมาอย่างไม่ต้องแปลกใจ เสียงปรบมือคึกคักดังอยู่นาน เป็นเสียงที่สดใสและจริงใจ!

ไม่ว่าจะเรื่องทำนองหรือสไตล์ของเพลง ‘ธุลีรักในสายลม’ ก็ไม่เกินขอบเขตของเพลง ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ กับเพลง ‘ซินเดอเรลล่า’ และยังเป็นเพลงบัลลาดหวนรำลึกอดีต แต่มันยังคงนำความเซอร์ไพรส์มากมายมาสู่ทุกคน

มีนักร้องที่มีพรสวรรค์และความสามารถมากมาย หลังจากพวกเขาแต่งเพลงอันยอดเยี่ยมเพลงหนึ่งแล้วก็มักจะตกอยู่ในชีวิตที่อับจนและลำบาก ผลงานต่อไปจึงสูญเสียพลังและจิตวิญญาณ แต่ก็มีบางคนที่พอใจกับผลประโยชน์และชื่อเสียงที่ได้มาจากผลงานก่อนหน้านี้แล้ว จึงวิ่งไล่ตามสิ่งที่สวยแต่รูปจูบไม่หอมเหล่านั้น

เห็นได้ชัดว่าลู่เฉินไม่ได้เป็นเช่นนี้ แรงบันดาลใจของเขาเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด สร้างผลงานอันยอดเยี่ยมติดต่อ กันเรื่อยๆ หรืออาจพูดได้ว่าเป็นผลงานเพลงคลาสสิค ไม่ว่าจะเป็นเนื้อร้องหรือทำนอง ก็ไม่ได้ทำอย่างลวกๆ

ต่อให้เป็นเพลง ‘ธุลีรักในสายลม’ ก็ไม่ได้เด่นไปกว่าเพลงอื่น ซึ่งมากพอแล้ว!

ยามที่ความรักเปลี่ยนเป็นเพลง ยามที่คนร้องเพลงจากไป ยามที่เรื่องในอดีตค่อยๆ หวนกลับมา แขกที่ผ่านไปมาอย่างเร่งรีบ มีใครบ้างจะลืมเพลงรักที่น่าประทับใจเช่นนี้

ดังนั้นเวลานี้ พวกเขาแค่ปรบมือก็พอแล้ว

จั่วซินเถียนก็ปรบมือ ตบจนฝ่ามือแดง เธอกระซิบพูดข้างหูเยี่ยจื่อถงว่า

“เยี่ยจื่อ รุ่นพี่ลู่เฉินร้องเพลงให้เธอแล้ว อย่างนั้นเธอก็ยอมๆ ไปเถอะ!”

เยี่ยจื่อถงแยกเขี้ยวยิงฟันบิดเนื้อเพื่อนสาวทีหนึ่ง แล้วพูดด้วยความโกรธว่า

“เธอชอบก็เอาไปเลย ไม่ต้องมาดึงฉันไปเกี่ยวด้วย!”

วันนี้จั่วซินเถียนเอาลู่เฉินมาพูดล้อเล่นกับเยี่ยจื่อถงหลายครั้ง จนเธอแทบจะแย่งอาชีพของแม่สื่อหมดแล้ว

จั่วซินเถียนหัวเราะคิกคัก “ถ้าฉันเอาไปจริงๆ เธออย่าเสียใจนะ…”

เยี่ยจื่อถงทำเสียง ‘เชอะ’ หนึ่งที แล้วพูดว่า “ฉันมีคนมาจีบตั้งเยอะแยะ!”

จั่วซินเถียนจึงพูดสวน “ปากไม่ตรงกับใจ!”

เยี่ยจื่อถงพูดไม่ออก

และบนเวทีเวลานี้ ลู่เฉินไม่ได้ร้องอีกเพลงตามคำเรียกร้องของลูกค้า เขาขอบคุณแล้วจึงลงจากเวที

ลู่เฉินชอบบรรยากาศในบาร์เดย์ลิลลี่มาก แต่ที่นี่ไม่ใช่ศาลาพักในชีวิตของเขา ไม่อาจพักอยู่นานได้ ต่อไปเวลาที่มาที่นี่จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ

เขาคืนกีตาร์ให้กับวงเฮสิเทชั่น แล้วลู่เฉินก็กลับไปที่บาร์

จั่วซินเถียนพูดชื่นชม “รุ่นพี่ลู่เฉิน พี่ร้องเพลงเพราะมากค่ะ ทำไมไม่ร้องอีกสักเพลงสองเพลงล่ะคะ”

ลู่เฉินอธิบายว่า

“ร้องสามเพลงก็พอแล้ว เพราะต้องรักษาลำคอ พวกเธออยากดื่มอะไรไหม เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”

จั่วซินเถียนกำลังจะพูดว่าดี แต่เยี่ยจื่อถงกลับพูดว่า “ขอบคุณรุ่นพี่ค่ะ ฉันอยากกลับแล้วค่ะ”

จั่วซินเถียนตกใจ “เยี่ยจื่อ เป็นไปไม่ได้มั้ง”

ลู่เฉินก็ตกตะลึงเช่นกัน จึงรีบพูดว่า “ก็ดี อย่างนั้นพี่จะไปส่งพวกเธอกลับพร้อมกัน”

เยี่ยจื่อถงยิ้มเล็กน้อยและพยักหน้า

จั่วซินเถียนไม่ชอบใจมาก แต่เธอจะอยู่ที่นี่คนเดียวก็ไม่ได้ จึงได้แต่กลับไปอย่างอาลัยอาวรณ์

ลู่เฉินส่งพวกเธอกลับมหาวิทยาลัยครูปักกิ่งก่อน

พอลงจากรถ เยี่ยจื่อถงก็พูดกับเขาว่า “รุ่นพี่คะ วันนี้รบกวนพี่จริงๆ ค่ะ ขอบคุณนะคะ”

ทันใดนั้นเธอก็แสดงความเกรงใจและมีมารยาทกับลู่เฉินมากขึ้น

ลู่เฉินหัวเราะพูดว่า “ไม่ต้องเกรงใจครับ ถ้าหากโน้ตบุ๊คมีปัญหาอะไร ก็ติดต่อพี่ได้ตลอดเวลา”

เยี่ยจื่อถงบอก “ได้ค่ะ”

จั่วซินเถียนมองเยี่ยจื่อถง แล้วก็มองลู่เฉินอีกที ด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจ

ลู่เฉินโบกมือให้เธอ “บ๊ายบาย”

หลังจากลู่เฉินนั่งรถแท็กซี่ออกไปแล้ว เยี่ยจื่อถงกับจั่วซินเถียนก็เดินเข้าไปในมหาวิทยาลัย

จั่วซินเถียนลังเลเล็กน้อย พอใกล้ถึงหอพักเธอจึงถามอย่างระมัดระวังว่า “เยี่อจื่อ เธอโกรธเหรอ”

เยี่ยจื่อถงเม้มปากแล้วยิ้มพูด “เปล่า ฉันกำลังคิดว่า ประเดี๋ยวฉันจะจัดการเธออย่างไรดี!”

“หา!”

จั่วซินเถียนพูดหยอกล้อว่า “ตอนนี้ทำเป็นปากแข็ง พอถึงเตียง ไม่รู้ว่าใครจัดการใครกันแน่…หา!”

ทั้งสองคนหัวเราะเสียงดังสนุกสนาน ส่งเสียงไปไกลภายในบริเวณรั้วมหาวิทยาลัยยามดึก

น่าเสียดายลู่เฉินไม่ได้ยินแล้ว

เขากลับไปที่อพาร์ทเมนท์สตูดิโอในเขตจิ่นเฉิงหย่วน อาบน้ำ จากนั้นก็เปิดคอมพิวเตอร์ล็อกอินเข้า ‘จิงอวี๋ทีวี’

ขณะที่กำลังเตรียมถ่ายทอดสด จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา

เมื่อเห็นชื่อที่โชว์บนหน้าจอ ลู่เฉินจึงกดปุ่มรับสายทันที

“พี่ลู่ซี”

คนที่โทรมาหาลู่เฉินคือลู่ซีพี่สาวของเขา

ลู่ซีอายุมากกว่าลู่เฉินสามปี เธอก็เรียนจบมาจากมหาวิทยาลัยเจียงไห่เหมือนกัน ถือว่าเป็นศิษย์เก่าเหมือนกับ ลู่เฉิน แต่เธอเรียนจบคณะบริการจัดการทางการเงิน เรียนจบมาได้สองปีแล้ว ตอนนี้ทำงานอยู่ในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง

“ลู่เฉิน ได้ยินแม่บอกว่าตอนนี้นายมีชื่อเสียงแล้ว”

เสียงของลู่ซียังคงคุ้นเคย แฝงไปด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวดเหมือนเดิม

“โอนเงินมาให้ที่บ้านตั้งสามแสน”

“แค่กๆ!”

ลู่เฉินกระแอมสองทีแล้วพูดว่า “ผมโชคดีครับ แต่งเพลงได้สองเพลงแล้วขายได้กำไรสูง”

“เรื่องที่ทำเงินได้และมีอนาคตแบบนี้ นายก็ตั้งใจทำให้ดีก็แล้วกัน!”

ลู่ซีพูดว่า “เรื่องของฉัน นายไม่ต้องกังวล ฉันไม่คิดจะเรียนต่อโทแล้ว นายดูแลตัวเองให้ดีก็พอ!”

พอสิ้นเสียง เธอก็วางสายเลย

ลู่เฉินได้ยินเสียงสัญญาณของโทรศัพท์แล้วจึงหัวเราะฝืดๆ พูดไม่ออก

พี่สาวของลู่เฉินมีนิสัยแข็งกร้าว ดื้อรั้นและยืนหยัดเหมือนกับพ่อแม่ หนำซ้ำยังมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีกับเขามาก

ก่อนที่ลู่เสวี่ยน้องสาวจะเกิดมา เนื่องจากลู่เฉินเป็นลูกผู้ชาย ดังนั้นที่บ้านจึงรักและเอาใจมาก เลี้ยงดูน้องชายจนกลายเป็นคุณชายบ้านรวยเอาแต่ใจและหยิ่งยโสทีละนิด

ตอนแรกที่ธุรกิจของลู่ชิ่งเซิงยังไม่ตกอับ ลู่เฉินยังหลงระเริงทำตัวสนุกสนานอยู่ในมหาวิทยาลัย ไม่สนใจเรื่องที่บ้านเลยสักนิด รู้จักแต่แบมือขอเงิน จนกระทั่งพ่อทำงานหนักจนเสียชีวิตเขาจึงกลับเนื้อกลับตัวใหม่อย่างฉับพลัน

ถึงแม้สถานการณ์ในตอนนั้น ต่อให้ลู่เฉินขยันและพยายามมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ แต่ลู่ซียังคงคิดว่า ถ้าหากไม่ใช่เพราะอยากจะเลี้ยงดูให้ลู่เฉินมีกินมีใช้ไม่ลำบาก ลู่ชิ่งเซิงก็คงไม่ต้องทำงานหนักลำบากขนาดนั้น

หลังจากนั้น สองคนพี่น้องคู่นี้ก็ไม่ค่อยพูดจากัน ลู่เฉินยังคงเสียใจ ดังนั้นหลังจากที่หาเงินได้แล้ว จึงอยากให้เธอกลับไปเรียนต่อปริญญาโทที่มหาวิทยาลัย เพื่อทำให้ความฝันของเธอเป็นจริง

คิดไม่ถึงว่าลู่ซีจะไม่รับน้ำใจ แถมยังโทรมาสั่งสอนเขาอีก

ลู่เฉินปิดคอมพิวเตอร์ที่เพิ่งเปิดอีกครั้ง

เพราะโทรศัพท์สายนี้ อารมณ์ของเขาจึงแย่มาก ยากที่จะยิ้มแย้มต่อหน้ากล้องได้

และคืนพรุ่งนี้ก็คือหัวข้อการแข่งขันใน ‘จิงอวี๋ทีวี’ แล้ว ลู่เฉินจึงใช้เวลาเตรียมตัวนานอย่างตั้งใจ เขาไม่อยากใช้อารมณ์ที่ไม่มีความสุขไปสู้กับคนอื่น

เป้าหมายของลู่เฉิน คือการแย่งรางวัลสามอันดับแรกของการแข่งขันการแสดง!

พอฟังแล้วดูเหมือนจะเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อมาก ควรทราบว่าตอนนี้จำนวนผู้ติดตามในห้องถ่ายทอดสดของเขา มีน้อยมากที่สุดในบรรดาผู้จัดรายการที่เข้าร่วมแข่งขันทั้งหมดยี่สิบสี่คน ด้านความนิยมกับความฮอตในการจัดรายการก็ยังห่างไกลมากนัก

แต่ลู่เฉินกลับไม่คิดว่าตัวเองจะไม่มีโอกาสติดสามอันดับแรก เขาเชื่อมั่นในความพยายามของตัวเองว่าจะต้องสำเร็จ

เขาจะต้องสำเร็จให้ได้!

…………………………………………………………………………

Ink Stone_Fantasy
ข้อความถึงนักอ่าน
Ink Stone_Fantasy
เพลง 恋恋风尘 โดย 老狼 https://www.youtube.com/watch?v=8zigFEyckNA&ab_channel=bonidlehouse