ตอนที่ 249 เด็กไม่ใช่ลูกนาย!
เย่เฉินกับหวังเจียเหยายังคงต่อปากต่อคำอย่างไม่ลดละ

ส่วนหลิวอวี่เจ๋อยืนอยูี่ข้างๆ ดูพวกเขาอย่างนึกสนุก

หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เย่เฉิน ถามหน่อยเถอะทำไมถึงต้องดึงดันจะตรวจ DNA ด้วยล่ะ? คุณสงสัยว่าตอนที่หวังเจียเหยามีลูกกับคุณหล่อนจะยังมีผู้ชายคนอื่นอีกเหรอ?”

ไม่ว่าอย่างไรเด็กก็ไม่ใช่ลูกเขา เขาไม่จำเป็นต้องตรวจ DNA ด้วยซ้ำไป

หวังเจียเหยาถึงได้พลิกตัวหันมองเย่เฉิน “นั่นสิ เย่เฉินนายเอาแต่บีบให้ตรวจ DNA ลูกนายหมายความว่ายังไง? นี่เท่ากับว่านายกำลังสงสัยว่าตอนนั้นฉันมีผู้ชายคนอื่นใช่ไหม?”

“เย่เฉินนายมันสารเลวเกินไปแล้วนะ ตอนนั้นฉันรักนายขนาดนั้น ไม่เจอหน้านายแค่นาทีเดียวก็คิดถึงนายจะแย่ อยู่วิลล่าของนายทุกวันไม่ออกไปไหน ไม่อยากจะเชื่อว่านายจะยังมีหน้ามาสงสัยว่าฉันมีชู้อีก?”

เย่เฉินทำอะไรไม่ถูก เขาเองก็พอจะรู้ว่าหวังเจียเหยาในตอนนั้นเป็นคนดี ไม่มีท่าทีจะออกนอกลู่นอกทาง

เย่เฉินกล่าว “ไม่ใช่ ผมไม่ได้สงสัยคุณหรอก เพียงแต่ว่านี่เป็นกฎของตระกูลเย่ ผมก็ทำอะไรไม่ได้”

หวังเจียเหยาหัวเราะเสียงเย็น “ฮ่าๆ กฎตระกูลเย่เหรอ? นายโดนไล่ออกจากตระกูลเย่มาตั้งนานแล้ว นายจะพูดถึงกฎบ้านนั้นทำไม ที่ตระกูลเย่ต้องตรวจ DNA นั่นเพราะหลังจากที่ยืนยันได้แล้ว พวกเขาจะมอบมรดกมูลค่าหลายแสนล้านให้ทายาท!

ส่วนนายจะตรวจไปทำไม? ต่อให้ตรวจออกมาว่าเด็กเป็นลูกนายแล้วนายมีมรดกนอะไรยกให้พวกเขาเหรอ? เงินของนายตอนนี้ก็เป็นของฉินหงเหยียน ฉินหงเหยียนไม่มีทางยอมยกเงินที่หล่อนหามาได้ให้ลูกฉันหรอก!”

เย่เฉินไม่อยากอธิบายอะไรกับหวังเจียเหยา “คุณไม่ต้องสนใจเรื่องผมจะมีมรดกให้ลูกไหมหรอก ขอแค่พวกเขาเป็นลูกผม ผมไม่มีทางให้พวกเขาลำบากแน่!”

“เด็กไม่ใช่ลูกนาย!” หวังเจียเหยาโพล่งออกมา

วินาทีนี้กระทั่งหลิ่วอวี่เจ๋อก็ยังตกใจ

เขามองเหตุการณ์ตรงหน้าเหมือนมองละครฉากใหญ่อย่างเพลิดเพลินใจ

ส่วนเย่เฉินนั้น เมื่อได้ยินคำพูดของอดีตภรรยาก็ตกใจอย่างมาก เพราะในช่วงที่หวังเจียเหยาตั้งท้อง บางครั้งเขาก็ฝันร้าย ฝันว่าหวังเจียเหยาพูดแบบนี้กับตัวเอง!

เย่เฉินหอบหายใจถี่กระชั้นขณะมองหวังเจียเหยา “คุณ…คุณพูดว่าอะไรนะ?”

หวังเจียเหยากล่าวด้วยใบหน้าเย่อหยิ่ง “ฉันบอกว่าเด็กไม่ใช่ลูกนาย!”

“งั้นลูกใคร!” เย่เฉินตะโกนกร้าว

หวังเจียเหยาไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวชายหนุ่มแต่อย่างใด เจ้าหล่อนตอบกลับเขาเสียงดังฟังชัด “ฟางเชา!”

เมื่อได้ยินคำตอบนี้เย่เฉินและหลิ่วอวี่เจ๋อก็มีสีหน้างุนงงไปกันหมด

หลังจากหายตกใจแล้วหลิ่วอวี่เจ๋อก็แอบดีใจ “ที่แท้เด็กก็เป็นลูกของลูกพี่ลูกน้องฉันเหรอเนี่ย ฮ่าๆ แหมซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไรขนาดนี้? หมอนั่นดูไม่เอาอ่าวเท่าไหร่แต่กลับเป็นคนที่ใช้ได้เหมือนกันนี่ คิดไม่ถึงว่าทำเรื่องงามหน้าขนาดนี้แต่กลับไม่บอกฉัน”

“จะว่าไปก็ไม่ได้คุยกับเขานานแล้ว ไม่รู้ว่าช่วงครึ่งปีมานี้เขาไปไหน ไว้ว่างๆ โทรหาเขาดีกว่า จะได้บอกเขาว่าฉันจะเลี้ยงลูกแทนเขาเอง ฮ่าๆ ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นญาติกัน”

ส่วนเย่เฉินในตอนนี้วุ่นวายใจอย่างเหลือเกิน!

“ฟางเชาเหรอ? เด็กเป็นลูกของฟางเชาเหรอ?”

ภาพของฟางเชาและหวังเจียเหยาปรากฏขึ้นในหัวเย่เฉินไม่หยุด รวมไปถึงคลิปเสียงที่ฟางเชาอัดเอาไว้ด้วย

“หรือว่าหวังเจียเหยาท้องหลังจากครั้งนั้น? หรือว่าหวังเจียเหยาแอบไปหาฟางเชาที่อวิ๋นโจวตอนที่พยายามมีลูกหรือเปล่านะ”

พอคิดว่าฟางเชาทำให้หวังเจียเหยามีความสุข ก็น่าจะเป็นไปได้ว่าเจ้าหล่อนอาจจะยอมรับฟางเชาอีกครั้ง

เย่เฉินหน้าแดงก่ำ ถ้าไม่ใช่เพราะคิดถึงเด็กสองคน ตอนนี้เขาคงเดินไปตบหวังเจียเหยาแล้ว!

เย่เฉินที่ไม่เคยตบผู้หญิงมาก่อนยังทนผู้หญิงอย่างหวังเจียเหยาไม่ไหว!

แต่เย่เฉินเองก็เป็นผู้ชายที่รู้อะไรมากกว่าที่ผ่านมา เขาเองก็รู้ว่าหวังเจียเหยาโกหกจนเป็นนิสัย จะเชื่อคำพูดที่หล่อนไปเสียหมดไม่ได้

เย่เฉินกล่าวว่า “ผมไม่เชื่อ! ตอนที่พวกเราอยากมีลูกกัน ฟางเชาไปเทียนไห่แล้ว เขาไม่กล้ากลับมาแน่! ผมต้องการตรวจ DNA! คุณบอกว่าเด็กๆ ไม่ใช่ลูกของผมก็ไม่มีประโยชน์ ผมจะตรวจ DNA!”

เย่เฉินพูดพลางเดินไปจะอุ้มเด็กสองคนขึ้นมา

แต่หวังเจียเหยากลับเดินปราดเข้ามาขวางเขา “ห้ามแตะต้องลูกๆ ของฉันนะ! นายห้ามตรวจ DNA ลูกฉัน! ถ้าตอนนี้นายยังเป็นลูกหลานของตระกูลเย่อยู่ล่ะก็ ฉันจะไม่ห้ามนายเลย แต่ตอนนี้นายแค่เกาะผู้หญิงกินไปวันๆ นายมีสิทธิ์อะไรจะมาตรวจ DNA ลูกฉัน?

ต่อให้เด็กเป็นลูกนาย ฉันก็ไม่ต้องการให้นายมาจ่ายเงินกับเด็กๆ สักแดง ลูกฉันฉันเลี้ยงเองได้! สรุปคือ เด็กๆ ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับนาย นายไสหัวไปเลย ฉันไม่อยากเห็นหน้านายอีก!”

หวังเจียเหยาเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมา ส่วนเด็กๆ ก็เริ่มกระจองอแง

หลิ่วอวี่เจ๋อเห็นเช่นนั้นจึงก้าวมาตรงหน้าเย่เฉินแล้วกล่าว “เย่เฉินนายรีบออกไปเลย นายทำเด็กๆ ตกใจหมดแล้วเด็กใช่ลูกนายหรือเปล่า มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรือไง? ตอนนี้นายก็มีฉินหงเหยียนแล้ว ไม่มีลูกน่าจะเป็นผลดีนายมากกว่า หรือนายอยากจะให้ฉินหงเหยียนช่วยนายเลี้ยงลูก?”

เย่เฉินเองก็เจ็บปวดหัวใจอย่างมากเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กๆ!

เขาไม่อยากอยู่ทะเลาะกับหวังเจียเหยาที่นี่ต่อ เพราะไม่อยากจะให้เด็กๆ ร้องไห้ไม่หยุด

ดังนั้นเย่เฉินเดินออกไป แต่ก่อนจะออกจากห้องเขายังบอกทั้งสองคนว่า “ผมจะต้องตรวจ DNA ให้ได้”

ทันทีที่เดินออกจากโรงพยาบาลลงไปด้านล่าง พ่อบ้านฟางก็โทรเข้ามา

“ฮัลโหล”

“คุณชายสามครับ นายท่านอยากจะรู้ผลการตรวจ DNA ของคู่แฝดสองคนว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ?”

“ยังไม่ได้ตรวจเลย”

“ยังไม่ได้ตรวจเหรอ? คุณชายเมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ? อยากให้ผมช่วยไหมครับ?”

“ไม่ต้อง!”

เย่เฉินรีบร้อนปฏิเสธความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายทันควัน เพราะเขารู้ดีว่าทันทีที่ตระกูลของเขาจะยื่นมือเข้ามาจัดการให้ พวกเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการ

ตอนนี้เด็กๆ อยู่ติดกับหวังเจียเหยาตลอดเวลา หากดึงดันจะอุ้มเด็กๆ ไปตรวจ DNA ล่ะก็…

เรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องให้พ่อบ้างฟางจัดการ แต่ตัวเย่เฉินเองก็ทำได้เหมือนกัน

เพียงแต่ว่าหากไม่จนตรอกจริงๆ เขาก็ไม่อยากทำขนาดนั้น

แต่ในเวลานี้เองฉินหงเหยียนก็โทรเข้ามา

เย่เฉินจึงรีบตัดบท “เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง แค่นี้นะ”

เย่เฉินวางสายพ่อบ้านฟางแล้วรับสายฉินหงเหยียน

“เย่เฉิน คุณคุยกับหวังเจียเหยาเป็นไงบ้าง?”

ฉินหงเหยียนเปิดปากถาม หญิงสาวรู้ว่าวันนี้เย่เฉินมาที่โรงพยาบาลเพื่อคุยเรื่องตรวจ DNA กับหวังเจียเหยา

ในฐานะที่หล่อนเป็นแฟนเขา หญิงสาวย่อมให้ความสนใจกับเรื่องนี้

เย่เฉินกล่าว “หล่อนบอกว่าเด็กไม่ใช่ลูกผมแต่เป็นลูกฟางเชา”

“อะไรนะ?” ฉินหงเหยียนที่อยู่ปลายสายตกใจ “ไม่ใช่มั้ง? หล่อนแค่อยากยั่วโมโหคุณหรือเปล่า?”

“ผมเองก็ไม่รู้” เย่เฉินกล่าว

ฉินหงเหยียนกล่าวต่อ “เอาแบบนี้แล้วกัน คุณอย่าเพิ่งใจร้อน เดี๋ยวฉันจะไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ค่ะ ปล่อยให้ฉันพูดกับหล่อนดีกว่า ผู้หญิงสองคนคุยกันน่าจะง่ายกว่า พวกคุณสองคนจะต้องททะเลาะกันแน่ๆ คุยกันไปก็ไม่ได้อะไรหรอก”

“ครับ” เย่เฉินผงกศีรษะ เขารู้ว่าฉินหงเหยียนเป็นคนมีวาทศิลป์

บางทีฉินหงเหยียนอาจจะช่วยพูดให้เขาได้

เมื่อมาถึงเขตสูบบุหรี่ของโรงพยาบาล เย่เฉินจุดไฟสูบบุหรี่อย่างอ้อยอิ่ง เขาลอบกล่าว “เดิมคิดว่าพอหวังเจียเหยาคลอดลูกแล้วจะไม่มีเรื่องอะไรอีกแล้ว คิดไม่ถึงว่าการคลอดลูกจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหา”

“เด็ก…เป็นลูกฉันหรือเปล่านะ?”