ตอนที่ 278 โทษอาตมาไม่ได้จริงๆ

บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์

ฟางเจิ้งยิ้ม

เด็กแดงเบะปากเพราะไม่คิดเช่นนั้น “เหลวไหล ข้าเคยเห็นพระอรหันต์กินเนื้อ ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร นิกายหินยานมีอิสรเสรี พาตัวเองข้ามฟาก ไม่เห็นต้องสนใจอะไรมากขนาดนั้น พระธรรมของเจ้ากินเนื้อไม่ได้ ดื่มสุราไม่ได้ กินอาหารคาวห้าอย่างไม่ได้ แต่งงานไม่ได้ มีลูกไม่ได้ มีเส้นผมไม่ได้…นี่มัน…อ้อ ข้าเคยได้ยินว่าความอกตัญญูมีสามประการ ไม่มีชนรุ่นหลังร้ายแรงสุด! ร่างกายเกิดผิวหนังจากบุพการี เจ้าตัดขาดแบบนี้ เจ้ามันคนอกตัญญู! อืม…แล้วก็ๆ…คิดไม่ออกแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เจ้าทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง ข้าขอแนะนำว่าจากวันนี้ไปพวกเราจะนับถือนิกายหินยาน ดื่มสุรากินเนื้อ มีอิสรเสรี!”

หมาป่าเดียวดายกับลิงได้ยินดังนั้นก็หัวใจเต้นระรัว ยกกรงเล็บขึ้นร่วมมือหน่อยดีไหม?

เดิมทีกระรอกไม่กินเนื้ออยู่แล้วเลยยืนข้างฟางเจิ้งอย่างแน่วแน่ นอนยกสี่เท้าขึ้น และยังมีหาง “ถึงยังไงฉันก็จะไปกับอาจารย์!”

ฟางเจิ้งยิ้มมองเด็กแดง “จิ้งซิน นายรู้ไหมว่าทำไมพุทธศาสนาถึงไม่กินเนื้อ ไม่แต่งงาน ไม่มีลูก ไม่ต้องการผม?”

เด็กแดงทำเสียงหึๆ “จะให้ดูแตกต่าง ดึงดูดความสนใจคน จับความคิดของคนอื่นไปเป็นทาส!”

ฟางเจิ้งส่ายหน้า “ใครไม่รู้บ้างว่าเนื้ออร่อย? ใครไม่รู้บ้างว่าผู้หญิงสวย? ใครไม่รู้ถึงความสำคัญของการสืบทอดต่อของศาสนา? ใครไม่รู้บ้างว่าถ้ามีเส้นผมแล้วจะดูดีกว่าเดิม? แต่นักบวชไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้ก็เพื่อบอกชาวโลกว่าสิ่งที่ดูเหมือนสำคัญมากในสายตาชาวโลกเหล่านี้ละวางได้เหมือนกัน อีกทั้งหลังละวางแล้วจะมีความสุข เป็นอิสระ จึงมีความสุขเป็นอิสระได้ ชาวโลกจะมีอะไรที่ละวางไม่ได้? ยิ้มให้ชีวิตคน ชีวิตคนถึงยิ้มให้นาย ถ้ามีแต่โทษคนอื่นจะมีประโยชน์อะไร?”

เด็กแดงพลันเงียบ แต่ก็ยังพูดด้วยความไม่ยอม “ถะ…ถ้าเช่นนั้นนี่ไม่ใช่การหลอกตัวเองหรือ? ไม่มีความสุขก็คือมีความสุข จะโชคร้ายอะไรก็ว่าไป ยังจะอยากมีความสุข ชิ…”

“ความโชคดีจะไม่ตกใส่ขยะที่ปล่อยตัวเองให้ล้าหลัง แต่มักจะตกใส่ไข่ดวงซวยที่พยายามพัฒนาตัวเองตลอด โอกาสมักจะเก็บไว้ให้คนที่พร้อมเสมอ นายเข้าใจไหม?” ฟางเจิ้งถามกลับ

เด็กแดงหรี่ตาลงเหมือนกำลังขบคิด ตรึกตรองในใจ ‘เหมือนจะมีเหตุผลอยู่บ้าง ตามที่เขาว่ามา ข้าต้องเตรียมกะซวกเขาตลอดเวลาถึงจะถูก ไม่อย่างนั้นมัวแต่รอโอกาสเกรงว่าจะไม่สำเร็จภารกิจ’

เห็นเด็กแดงพยักหน้าฟางเจิ้งจึงคิดว่าในที่สุดก็กำราบเด็กแดงได้ จึงนึกภูมิใจยิ่ง อ่านคัมภีร์กับตำรามานานไม่เสียเปล่าแล้ว! แต่ว่าถ้าเขารู้ความคิดเด็กแดง เดาว่าคงต้องสำนึกเสียใจทีหลัง?

ขณะที่เด็กแดงเข้าสู่ความคิดสังหาร แน่นอนว่าได้เริ่มข้าวมื้อนี้แล้ว กินดื่มอิ่มท้อง ก่อนฟางเจิ้งจะไปดูข้าวผลึกตนเอง แต่มือถือดังอีกแล้ว!

ฟางเจิ้งหยิบมาดูก็ยังเป็นเบอร์แปลกนั่น เขาขมวดคิ้ว กดรับสาย ยังไม่ทันพูดก็ได้ยินเสียงเด็กแว่วมาจากอีกทาง “พ่อ ใช่พ่อไหมครับ?”

ฟางเจิ้งยิ้มแห้งๆ “อมิตาพุทธ เด็กน้อย โทรผิดแล้ว อาตมาไม่ใช่พ่อโยม”

พูดจบฟางเจิ้งวางสายอีกครั้ง ส่ายหน้าน้อยๆ ผลักประตูหลังเพิ่งเดินออกไป มือถือก็ดังอีกครั้ง

“อมิตาพุทธ เด็กน้อย อาตมาไม่ใช่พ่อโยม” ฟางเจิ้งไม่คิดอะไร รับสายแล้วพูดทันที

แต่ว่า…

“เอ่อ…ไต้ซือ เทคนิคตีสนิทญาติพี่น้องคนอื่นของท่านสูงกว่าฉันอีกนะ” เสียงผู้หญิงแปลกหูแต่มีความคุ้นเคยนิดๆ ดังขึ้นจากในสาย

ฟางเจิ้งอึ้งไป ไม่ใช่เด็กนั่น! เลยรีบดูหมายเลขบนหน้าจอ เป็นอีกเบอร์แปลก แถมยังเป็นเบอร์บ้าน! แต่ว่าทำไมเบอร์นี้ถึงคุ้นตาขนาดนี้? ไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น เขาหน้าแดง รีบตอบกลับ “อมิตาพุทธ ขอโทษด้วย สีกา เมื่อครู่มีโยมน้อยชอบโทรหาอาตมา…อืม สีกามีธุระอะไรหรือเปล่า?” ฟางเจิ้งไม่รู้ว่าควรจะอธิบายอย่างไร พูดไปจะเอาเปรียบอีกฝ่าย เหมือนจะใส่ความเกินไปหน่อย

เสียงหัวเราะดังแว่วมา ตามด้วยผู้หญิงใช้เสียงหวาน “ในเมื่อไต้ซือขอโทษฉัน ก็ให้โอกาสฉันเล่าเรื่องให้ไต้ซือฟังหน่อยได้ไหมคะ”

ฟางเจิ้งตรึกตรอง ถึงอย่างไรก็ว่าง ถ้าอย่างนั้นฟังแล้วกัน

พอได้ยินว่าฟางเจิ้งตกลง ผู้หญิงดูดีใจมาก ถอนหายใจโล่งอกยาว กำหมัดแน่น ระงับความตื่นเต้นในใจไว้ คิดในใจว่า ‘ในที่สุดก็สำเร็จ! ครั้งนี้มาดูกันว่าหลวงจีนเจ้าถิ่นรูปนี้จะว่ายังไง!’

ผู้หญิงจึงเอ่ย “ไต้ซือ คืออย่างนี้ค่ะ ท่านออกไปบิณฑบาตปลุกเสกทุกวันเหนื่อยไหมคะ?”

ฟางเจิ้งงุนงง บิณฑบาต ปลุกเสก? เขาไม่เคยปลุกเสกมาก่อนจริงๆ บิณฑบาตก็แค่ตีนเขา ไม่ถึงกับเหนื่อยหรอก เลยตอบไป “ก็ใช้ได้”

“อย่างนี้เอง แต่ฉันจะให้ท่านบิณฑบาตสบายกว่าเดิม ฉันขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ฉันเสี่ยวหรง ที่ปรึกษาด้านรถยนต์ของท่านที่โชว์รูปรถปอร์เช่โดยเฉพาะในเมืองเฮยซาน ครั้งก่อนพวกเราเคยคุยกันทางโทรศัพท์แล้วนะคะ ไต้ซือเหมือนจะไม่สนใจโปรโมชั้นของเรา คิดว่าลดราคาให้ห้าหมื่นเป็นการดูถูกท่าน ครั้งนี้เสี่ยวหลงจึงขอแนะนำรถหรูคันงามที่เหมาะสมกับฐานะของท่านอย่างมาก นางฟ้าปอร์เช่ นี่คือสินค้าใหม่สุด ทั่วโลกมีเพียงห้าสิบคัน ราคาตลาดอยู่ที่สิบสามล้าน! ถ้าจองวันนี้ พวกเราจะส่งให้ถึงบ้าน ไม่ว่าท่านอยู่ที่ไหน” เสี่ยวหรงกล่าว

ฟางเจิ้งได้ยินแบบนั้นพลันตะลึงค้างก่อนนึกออกในฉับพลัน เมื่อปีก่อนผู้หญิงคนนี้เคยแนะนำรถให้เขาจริงๆ จากนั้นเขาปฏิเสธไปด้วยเหตุผลว่าไม่ขาดเงินห้าหมื่น ตอนนั้นก็พูดตัดรำคาญไปอย่างนั้น ไม่นึกเลยว่าจะชนปากกระบอกปืนเร็วขนาดนี้…

ฟางเจิ้งกระแอมไอ ตอบกลับ “ที่แท้ก็สีกาหรง อาตมาขอเสียมารยาทถามหน่อย รถคนนี้ลุยป่าเป็นอย่างไร? อาตมาต้องเข้าออกเขตป่าบ่อยครั้ง”

พอเสี่ยวหรงได้ยินว่าลุยป่าพลันยิ้มร่าเริง ถามสมรรถนะตรงๆ แบบนี้แปลว่าสนใจ! เลยตอบไปว่า “นี่คือรถSUV รุ่นใหม่ของบริษัทปอร์เช่ค่ะ ขอไม่บอกว่าความสามารถในการลุยป่าแกร่งที่สุด แต่เข้าไปในเขตภูเขาไม่มีปัญหา มีลูกค้าขับไปทิเบตมาแล้ว นำวิ่งได้ตลอดทาง ราบรื่นไม่มีอุปสรรค! อ้อ ไต้ซือ ถนนในเขตภูเขาที่ท่านไปเป็นยังไงคะ?”

ฟางเจิ้งนึกถึงเส้นทางขั้นบันไดหินที่กำลังซ่อมแล้วตอบ “เพิ่งซ่อม…”

“เพิ่งซ่อม ถ้าอย่างนั้นไม่มีปัญหาแน่นอนค่ะ! เส้นทางกำลังซ่อมเป็นทางกว้างพอ รถพวกเราวิ่งไปได้เหมือนกับบินเลยค่ะ!” เสี่ยวหรงไม่รอให้ฟางเจิ้งพูดจบก็เอ่ยต่อทันที

ฟางเจิ้งมองบน เด็กนี่ปากไวจริงๆ ไม่ฟังเขาพูดให้จบก่อนหรือ?

สรุปฟางเจิ้งยังไม่ทันพูดก็ได้ยินอีกฝ่ายถาม “ไต้ซือ เส้นทางภูเขาท่านชันไหมคะ?”

ฟางเจิ้งนึกถึงขั้นบันไดนั้น “ไม่ถือว่าชันมาก แต่ว่า…”

“ถ้าอย่างนั้นก็โอเคค่ะ รถแทรกเตอร์ขึ้นได้ รถพวกเราก็ขึ้นได้! ท่านมีอะไรสงสัยไหมคะ? ถามทีเดียวเลย ฉันรับรองว่าจะให้คำตอบที่สมบูรณ์แบบที่สุดกับท่าน!” เสี่ยวหรงถามด้วยความตื่นเต้น

ฟางเจิ้งยิ้มแห้งๆ “สีกา ก็ยังมีปัญหาเรื่องถนนนะ เส้นทางภูเขาไม่ถือว่าชัน ถนนก็ซ่อมใหม่จริงๆ แต่ว่าเส้นทางเป็นขั้นบันไดหิน ทางกว้างไม่ถึงเมตรห้า ถ้ารถของสีกาขึ้นได้อาตมาก็อยากจะลองรถ…”

‘ตู้ด…ตู้ด…’

ฟางเจิ้งมองมือถืองงๆ พลางส่ายหน้า “จะโทษอาตมาไม่ได้นะ…อมิตาพุทธ เป็นสีกาที่ใจร้อนจริงๆ”