เมืองมังกรเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของทะเลบูรพา มีพื้นที่ทอดยาวร่วมพันลี้ มีสิ่งมีชีวิตหลายร้อยล้านกระจายตัวอยู่ที่นี่

มันตั้งอยู่กลางทะเลลึก ถูกเขตอาคมมโหฬารปกคลุม จำลองพระอาทิตย์ขึ้นและตก มีสี่ฤดูเฉกเช่นบนบก ตอนนี้เป็นช่วงต้นฤดูสารทแล้ว

อันหลินขี่ต้าไป๋มาถึงนครที่รุ่งเรืองแห่งนี้

“จิ๊ๆ ๆ เมืองมังกรนี่สมกับเป็นเมืองใหญ่อันดับหนึ่งของทะเลบูรพา!”

“ตึกรามบ้านช่องหลากหลายชนิดไกลสุดลูกหูลูกตา ซ้ำยังมีทิวทัศน์ธรรมชาติอย่างขุนเขาสายธารห้วยหนองคลองบึง หากเป็นเมื่อก่อน ข้าคงไม่เชื่อว่านี่เป็นทัศนียภาพที่อยู่ใต้ทะเลลึก!”

อันหลินชื่นชมไม่ขาดปาก ราวกับค้นพบสวรรค์บนดินอย่างไรอย่างนั้น

ตอนนี้เขาเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นอิสระแล้ว เพียงแค่ร่างกายยังอ่อนเพลียอยู่บ้าง ท่าทางเหมือนหักโหมเกินเหตุ

ต้าไป๋ก็เพิ่งเคยมาเมืองมังกรครั้งแรก จ้องจนดวงตาเป็นประกาย “ไม่ใช่แค่นี้นะ ผู้หญิงที่นี่ก็ได้มาตรฐานมาก มีหญิงงามของทุกเผ่าพันธุ์ในทะเลบูรพา พี่อัน เจ้าเห็นม้าน้ำตัวเมื่อครู่นี้หรือไม่ ช่างบิดสะโพกได้ จิ๊ๆ ๆ…”

อันหลิน “…”

ม้าน้ำตัวหนึ่งบิดก้นมีอะไรน่าดูกัน

ทางด้านการชื่นชมความงามของต่างเผ่าพันธุ์ บางทีต้าไป๋อาจจะเชี่ยวชาญกว่าเขาจริงๆ ก็ได้

อันหลิน ต้าไป๋และเจ้าอัปลักษณ์ตรงไปที่วังมังกรอย่างสบายอารมณ์

วังมังกรอยู่ไม่ห่างจากเขตอาคมที่พวกเขาเข้ามา เดินเท้าครึ่งวันก็น่าจะถึง จึงไม่รีบร้อนเท่าใดนัก

อันหลินซึมซับประเพณีท้องถิ่นของที่นี่อย่างสนอกสนใจ ในตอนนั้นเอง กุ้งยักษ์สองตัวที่ผ่านพวกเขามาสนทนากัน

“นี่ เจ้าได้ข่าวหรือไม่ องค์หญิงสิบเอ็ดแห่งวังมังกรจะถูกเจ้ามังกรยกให้เซี่ยเจ๋อแห่งหน่วยองครักษ์แล้ว!” กุ้งยักษ์สีทองตัวหนึ่งพูดอย่างตื่นเต้น

“เหอะ…อย่ามาหลอกข้าเสียให้ยาก เรื่องที่ธิดามังกรน้อยปฏิเสธเซี่ยเจ๋อต่อหน้าธารกำนัลเมื่อสองปีก่อนยังลือกันให้แซ่ดอยู่เลย ไยจู่ๆ ตอนนี้ถึงได้เปลี่ยนใจแล้วล่ะ” กุ้งยักษ์อีกตัวส่ายหน้า ไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด

“ไม่ได้หลอกเจ้าจริงๆ นะ ส่วนทำไมถึงเปลี่ยนใจนั้น ข้าได้ยินมาว่า…” กุ้งยักษ์สีทองทำหน้ามีเลศนัย กดเสียงให้เบาลง “ธิดามังกรน้อยสู้กับจักรพรรดิปีศาจหลายตัวเพื่อช่วยไข่มุกทั้งเมืองในจักรวรรดิมุกดา สุดท้ายยังสังเวยเลือดเพื่อช่วยนักพรตมนุษย์คนหนึ่งด้วย ตอนนี้สายเลือดของนางถือว่าไม่บริสุทธิ์แล้ว! ไม่อย่างนั้นเจ้าคิดว่าเจ้ามังกรจะยอมยกธิดาที่มีอนาคตให้กับหัวหน้าหน่วยองครักษ์หรือ เรื่องนี้ลือไปทั่ววังมังกรแล้ว คิดว่าอีกวันสองวันคงจะป่าวประกาศ”

กุ้งยักษ์อีกตัวได้ยินก็ชะงักไปอีกครั้ง “ไยคำพูดเจ้าฟังดูไม่น่าเชื่อยิ่งกว่าเดิมเล่า…”

“ตัดหนทางบำเพ็ญเพียรเพื่อไข่มุกที่ไม่มีประโยชน์อะไร แถมยังมีมนุษย์ที่เพิ่งรู้จักอีกด้วย ธิดามังกรบ้าไปแล้วหรือ”

เมื่อกุ้งยักษ์ทั้งสองเดินไปไกลแล้ว อันหลินก็หลับตาลงช้าๆ ใบหน้ามีความรู้สึกผิดอย่างสุดซึ้ง

“ไปกันเถอะต้าไป๋ เหาะไป”

หอหยกมรกต วังมังกร

“พี่เป่ยเหลียน ท่านจะไปจริงๆ หรือ” หยินอวี่คว้าข้อมือเป่ยเหลียน ใบหน้าฉายความอาลัยอาวรณ์อย่างยิ่ง

นางรู้ว่าหากเป่ยเหลียนไปครานี้ เท่ากับว่าจะตัดสัมพันธ์กับวังมังกรอย่างเด็ดขาด ตามนิสัยของเจ้ามังกรแล้ว คงไม่อนุญาตให้นางกลับวังมังกรอีกแล้ว…

เป่ยเหลียนยิ้มบางๆ กุมมือหยินอวี่กลับ “ข้าไม่มีทางเลือกนี่นา เสด็จพ่อจะให้ข้าแต่งงานกับคนที่ข้าไม่ได้รักเลยสักนิด เรื่องนี้ข้าจำต้องตกลง ในเมื่อขัดขืนไม่ได้ เช่นนั้นข้าก็ทำได้เพียงจากไป”

ดวงตาของหยินอวี่แดงก่ำ ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร

นางรู้จักนิสัยของพี่เป่ยเหลียนดี คำไหนคำนั้น ไม่มีใครบังคับให้นางทำอะไรได้

“หึ…เป็นเพราะนักพรตมนุษย์คนนั้น เขามีสิทธิ์อะไรมาให้ท่านต้องชดใช้เช่นนี้!” หยินอวี่อัดอั้นตันใจ ไม่มีที่ให้ระบาย จึงโยนความผิดทั้งหมดให้กับนักพรตที่ไม่เคยรู้จักคนนั้น

ใบหน้าของเป่ยเหลียนเจือความอ่อนโยน มองน้องสาวที่นางรักที่สุดในวังมังกรแล้วพูดยิ้มๆ ว่า “ไม่เลย ข้ายินดีมากที่ได้ช่วยเขา เรื่องนี้อีกไม่นานเจ้าก็คงจะรู้”

ดวงตากลมโตสุกใสของหยินอวี่กะพริบปริบๆ จ้องพี่สาวด้วยความงุนงง

แต่เป่ยเหลียนไม่คิดจะพูดอะไรมาก ที่ก่อนหน้านี้นางไม่บอกชื่อของคนคนนั้นให้วังมังกร ก็เพราะไม่อยากสร้างปัญหาให้คนคนนั้น แต่เรื่องนี้ปิดไม่ได้ เป็นเพราะวีรกรรมของทั้งสอง ลือกระฉ่อนทั่วจักรวรรดิมุกดานานแล้ว สักวันหยินอวี่ก็ต้องรู้

นางถอนหายใจเบาๆ บางครั้งคำว่าบุพเพสันนิวาสก็ช่างมหัศจรรย์อย่างแท้จริง

หากนางไม่ช่วยนักพรตมนุษย์คนนั้น มนุษย์คนนั้นก็จะไม่ปรากฏตัวในสนามรบบรรพกาล

หากนักพรตมนุษย์ไม่ปรากฏตัวในสนามรบบรรพกาล เช่นนั้นหยินอวี่ก็อาจจะเสียชีวิตที่นั่น

อีกนัยหนึ่งก็คือ นางช่วยชีวิตนักพรตมนุษย์คนนั้น ก็เท่ากับได้ช่วยชีวิตของหยินอวี่ด้วย!

มีเหตุแบบใด ก็มีผลแบบนั้น

อืม ไม่เสียเปล่าจริงๆ!

เพียงแต่ไม่รู้ว่า หลังหยินอวี่รู้เรื่องนี้แล้ว สภาพจิตใจจะเป็นอย่างไร…

เป่ยเหลียนสูดหายใจเข้าลึกแล้วลุกขึ้น ใบหน้าเจือความผ่อนคลาย “ข้าไปแล้วนะ ต่อไปเราจะได้เจอกันอีก”

หยินอวี่ลุกตาม “ข้าจะไปส่งท่าน!”

เป่ยเหลียนพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ส่งอะไรกันเล่า ไม่ได้ไปทำเรื่องชอบธรรมอะไรเลย พี่เจ้ากำลังจะหนีนะ!”

หยินอวี่ยู่ปากนุ่มหยุ่น ท่าทางดูดื้อรั้นและอาลัย “ต่อไปท่านพี่ห้ามลืมเสี่ยวอวี่นะ หากเสี่ยวอวี่ออกไปฝึกตนข้างนอก จะใช้ยันต์สื่อสารติดต่อท่านนะ”

“เอาละ รู้แล้วน่า” เป่ยเหลียนลูบหัวหยินอวี่ ใบหน้างามหยาดเยิ้มมีแต่ความอ่อนโยน “ดูแลตัวเองดีๆ นะ”

“อืมท่านพี่ ท่านก็ต้องดูแลตัวเองด้วยนะ!” หยินอวี่พยักหน้า นัยน์ตาคู่งามจ้องร่างนั้นไม่วางตา

ร่างนั้นกลายเป็นลำแสงที่เฉียบขาด พุ่งออกจากหอหยกมรกต หนีไปไกลโพ้น

เป่ยเหลียนจากไปอย่างเงียบเชียบ ไปจากสถานที่ที่เคยเป็นบ้าน

พี่น้องมากมายปานนี้ นางอำลาเพียงน้องสาวอย่างหยินอวี่คนเดียวเท่านั้น

ถึงอย่างไร นอกจากหยินอวี่แล้ว วังมังกรไม่มีสิ่งใดควรค่าให้นางอาลัยอาวรณ์อีกแล้ว

ตอนนี้นางเพียงต้องการหาสถานที่สักแห่ง ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างเป็นอิสระเท่านั้น

“อืม…ไปไหนดีเล่า”

ใบหน้าเฉยชาของเป่ยเหลียนฉายความสับสน

ในตอนนั้นเอง ยันต์ส่งสารในสาบเสื้อของนางก็พลันสั่นขึ้นมา

พลังนี่มัน…นางชะงัก หยิบยันต์ส่งสารออกมา

ไยจึงเป็นเขา เขาติดต่อข้าอีกทำไม

จริงสิ เขาเคยบอกว่าจะมาเยี่ยมวังมังกร คงจะมาหาเสี่ยวอวี่กระมัง

เป่ยเหลียนลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายก็กดรับ “สหายอันหลิน”

“ข้าเองสหายเป่ยเหลียน ข้ามาเมืองมังกรแล้ว เจ้าอยู่ที่วังมังกรไหม ข้าจะไปหาเจ้า”

“ไม่ต้องหรอก ข้าออกจากวังมังกรแล้ว ภายหลังค่อยพบกันเมื่อฟ้าลิขิตเถอะ”

“ฟ้าลิขิตอะไรกัน เจ้าอยู่ไหน ข้าจะไปหาเจ้าทันทีเลย!” น้ำเสียงของอันหลินร้อนรนขึ้นมา

เป่ยเหลียนไม่ตอบ เพราะตอนที่นางกำลังเหาะอยู่นั้น เห็นร่างหนึ่งที่ขี่สุนัขมาแล้ว

เห็นได้ชัดว่าชายที่ขี่สุนัขก็อึ้งไปเช่นกัน

สุดท้ายเขาก็หัวเราะร่า “หึๆ พบกันเมื่อฟ้าลิขิตคำนี้ใช้ได้ดีนัก ท่าทางเราทั้งคู่จะมีวาสนาต่อกันมากทีเดียว”

ผู้มาเยือนคืออันหลินที่สื่อสารกันเมื่อครู่นี้ ชัดเจนว่าเขาก็แปลกใจมากเช่นกัน

เป่ยเหลียนลอบถอนหายใจ น้ำเสียงยังคงเรียบเฉย “มีธุระอะไรกับข้าหรือ”

“มีธุระ” อันหลินพยักหน้าจริงจังและเจือความรู้สึกผิด

“ขอโทษนะ ข้ามาช้าไป ทำให้เจ้าต้องทนลำบากใจขนาดนี้…”

เป่ยเหลียนงุนงง “มาช้าทนลำบากใจอะไรกัน…เจ้ามาเพื่อขอโทษงั้นหรือ”

อันหลินได้ฟังก็ส่ายหน้า “เปล่า ข้ามาตอบแทนคุณต่างหาก!”

ตอบแทนคุณหรือ

เป่ยเหลียนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากปฏิเสธ ประโยคถัดไปของอันหลินก็ทำให้นางอึ้งงัน

“คือว่า…ข้ามาช่วยคืนชีพสายเลือดของเจ้าให้บริสุทธิ์อีกครั้ง”

“รวบรวมวัตถุดิบเสียเวลาเหลือเกิน เรื่องของเจ้าข้ารู้แล้ว ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น…หากรู้แต่แรกว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ ข้าควรจะบอกเจ้าก่อน ขอโทษนะ…”

เป่ยเหลียนไม่เข้าใจ มีเพียงคำพูดนั้นของอันหลินวนเวียนอยู่ในสมอง

คืนชีพสายเลือดให้บริสุทธิ์อีกครั้งหรือ