เรื่องการตรวจสอบที่เขาใส่ร้ายเมื่อปีนั้นให้ชัดเจนเป็นเรื่องที่อยู่ในใจของเย่เทียนเฉินมาโดยตลอด และนี่ก็เป็นสิ่งที่เขารู้สึกว่าเป็นความอัปยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหลังจากที่ได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ให้ตายเถอะ ถึงกับถูกคนอื่นวางแผนใส่ ไม่รู้จริงๆ ว่าหลายปีมานี้ ผู้อยู่เบื้องหลังแผนร้ายที่มีต่อตนเองและหลิ่วหรูเหมยจะหัวเราะเยาะไปกี่ครั้งแล้ว ที่สำคัญที่สุดก็คือ เย่เทียนเฉินรับรู้ได้ว่าการที่ตนและหลิ่วหรูเหมยถูกคนวางแผนร้ายใส่ ไม่เพียงจะเป็นการเพ่งเล็งพวกเขาทั้งสอง แต่ยังเป็นแผนการครั้งใหญ่ที่เพ่งเล็งไปยังตระกูลเย่และตระกูลหลิ่วอีกด้วย
เดิมทีเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีอันโหดร้ายแข็งแกร่งของตระกูลเซวียนเยวี๋ยน เขาก็รู้ดีว่าเรื่องด่วนและสำคัญที่สุดที่ควรจะทำก็คือกำจัดตระกูลเซวียนเยวี๋ยน แต่เขารู้สึกว่ามีกลุ่มอำนาจบางอย่างกำลังจับจ้องเขาอยู่ตลอดเวลา หรือบางทีอาจจะกล่าวได้ว่าจับจ้องตระกูลเย่อยู่ตลอด เมื่อเขาไปจากเมืองหลวง เกรงว่าตระกูลเย่ก็จะพบกับความลำบากครั้งใหญ่ ดังนั้นครั้งนี้เขามาที่เทียนซ่างเหรินเจียนก็เพื่อตรวจสอบเรื่องที่เขาถูกใส่ร้ายเมื่อปีนั้น ต่อให้จะไม่มีผลลัพธ์ออกมาในทันที แต่อย่างน้อยก็สามารถเคาะภูเขาสะเทือนพยัคฆ์ได้ การที่จะทำให้ตนเองได้มีเวลาไปกำจัดตระกูลเซวียนเยวี๋ยนที่มณฑลชวนก็คือจุดประสงค์ที่แท้จริงของเย่เทียนเฉิน
และยังมีอีกสาเหตุหนึ่งนั่นก็คือ จนถึงตอนนี้อู๋เสวี่ยก็ยังไม่กลับมา ไม่รู้ว่าการสร้างอำนาจเป็นอย่างไรบ้าง ที่เย่เทียนเฉินรู้ก็มีแค่ อู๋เสวี่ย หูหลง หลินตวน เปาเทียนหลง ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งสี่คนจะเป็นยอดฝีมือระดับสูง แต่ครั้งนี้หากไปกำจัดตระกูลเซวียนเยวี๋ยนที่มณฑลชวน ก็จะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดรุนแรงเป็นอย่างมาก ในเมื่อจะไปมณฑลชวนแล้ว เช่นนั้นก็จะต้องกำจัดตระกูลเซวียนเยวี๋ยนจนถึงราก หากลังเลไม่เด็ดขาดก็ไม่ใช่นิสัยของเย่เทียนเฉิน ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนเป็นตระกูลที่ปิดซ่อนตัวตนตระกูลหนึ่ง ความสามารถที่เก็บซ่อนเอาไว้จะแข็งแกร่งขนาดไหนเย่เทียนเฉินเองก็ไม่รู้ แต่ดูจากยอดฝีมือที่สามารถอัดพลังอันมหาศาลเข้าไปในจดหมายได้นั้น คนผู้นี้นับว่ามีคุณสมบัติมากพอที่ตนจะสู้ด้วย
สำหรับนักรบอันดับหนึ่งของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนที่มือสังหารชุดดำคนนั้นพูด ไม่เพียงแต่จะมีความสามารถลึกล้ำเกินหยั่ง แต่ยังมีจิตใจโหดเหี้ยมอีกด้วย เป็นยอดฝีมือคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่ามีความสามารถลึกล้ำแค่ไหน เย่เทียนเฉินเองก็รู้สึกระมัดระวังเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงต้องการรอให้อำนาจของตนยิ่งใหญ่สักหน่อย แล้วค่อยพาลูกน้องของตนไปที่มณฑลชวนด้วยกัน เพื่อกำจัดตระกูลเซวียนเยวี๋ยนให้ถึงรากถึงโคน
เย่เทียนเฉินขี่มอเตอร์ไซค์ของตนมาจอดอยู่ด้านนอกเทียนซ่างเหรินเจียน มองไปยังคลับที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศจีนแห่งนี้ เมื่อปีนั้นเขาเองก็เป็นแขกประจำของที่นี่ เป็นสมาชิกของพรรคคุณชาย เพียงแต่เป็นคนที่ไร้ความสำคัญคนหนึ่งก็เท่านั้น หลังจากที่เขาแอบดูหลิ่วหรูเหมยอาบน้ำและถูกทำให้อัปยศอดสูอย่างยิ่งยวด เย่เทียนเฉินก็ไปจากพรรคคุณชาย ไปเข้าร่วมกองทัพเพื่อเป็นทหาร หลังจากที่กลับมาก็ไม่ได้มีการติดต่ออะไรกับพรรคคุณชายอีก การมาครั้งนี้เขามาหาไป๋อู่ลูกพี่ของพรรคคุณชาย คนคนนี้เป็นคุณชายเสเพลของตระกูลชั้นสามเหมือนกับเขา ตอนนี้ได้กลายเป็นคนระดับบิ๊กของพรรคคุณชายไปแล้ว ไม่กล่าวไม่ได้ว่าไป๋อู่ปิดซ่อนตัวตนได้ดีมาก และปีนป่ายได้เร็วมากด้วย
“คุณผู้ชาย คุณเข้าไปไม่ได้นะครับ เรียนถามหน่อยว่าคุณเป็นสมาชิก VIP ของที่นี่หรือเปล่า?” บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่นอกประตูถามเย่เทียนเฉินด้วยท่าทางเฉยเมย
“อ้อ? นายคิดว่าฉันไม่ใช่หรือไง?” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
“เนื่องจากพวกเราไม่มีบันทึกของคุณจึงพิสูจน์ได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่คุณมาเทียนซ่างเหรินเจียน แบบนี้พวกเราก็ไม่มีทางอนุญาตให้คุณเข้าไปได้นะครับ!” บอดี้การ์ดอีกคนหนึ่งเอ่ยปากพูด
ดูท่าทางเทียนซ่างเหรินเจียนแห่งนี้ไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะสามารถเข้าไปได้ ที่นี่เป็นสถานที่ที่คนมีอำนาจและมีอิทธิพลมากัน ดังนั้นไม่ใช่ว่าใครก็สามารถเข้าไปได้ นี่เป็นคลับระดับสูงที่มีเป้าหมายลูกค้าเป็นคนมีอำนาจและมีเงินทั้งหลาย ดูจากบอดี้การ์ดที่นี่ก็พอจะรู้ได้บ้าง พวกเขาไม่ใช่หน่วยรักษาความปลอดภัยไร้เดียงสา แต่ผ่านการอบรมมาอย่างเข้มงวดและมีฝีมืออยู่บ้าง ในจุดนี้เย่เทียนเฉินเองก็พอจะมองออก
ตอนนี้เอง เย่เทียนเฉินพบว่าที่ประตูของเทียนซ่างเหรินเจียน มีเครื่องมือจดจำตัวตนเครื่องหนึ่งกำลังทำงาน ดูท่าทางบอดี้การ์ดสองคนนี้หยุดเขาเอาไว้เป็นเพราะในเครื่องมือจดจำบุคคลนี้ ไม่พบข้อมูลที่ตนเองทิ้งไว้เมื่อก่อน ในตอนนั้นที่เขาอัดลั่วเหลย เย่เทียนเฉินก็บุกเข้าไปโดยตรง ตอนนี้กลับอยากจะเดินเข้าไปดีๆ ไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น ไม่อยากทำให้คุณชายกลุ่มนั้นตกใจ คิดจะทำเซอร์ไพรส์ที่คนพวกนั้นคิดไม่ถึง
“เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ฉันจะทำบัตร VIP เลย วันหน้าว่างๆ ก็จะมาเที่ยวเล่นสักหน่อย!”
เย่เทียนเฉินพูดแล้วควักบัตรสีทองออกมาใบหนึ่ง ส่งไปให้บอดี้การ์ดที่อยู่บริเวณประตู ล้อเล่นอะไรกัน ประธานกรรมการของเครือไห่หวางที่สง่าผ่าเผยซึ่งมีมูลค่านับร้อยล้าน สถานที่เช่นเทียนซ่างเหรินเจียนจะต้องเข้าไปได้อยู่แล้ว
เมื่อเห็นเย่เทียนเฉินส่งบัตรสีทองมาให้ บอดี้การ์ดสองคนนั้นก็ยังไม่ได้สติกลับมา ดูเหมือนจะคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินที่สวมเสื้อผ้าธรรมดาแบบนี้ จะมีบัตรสีทองของธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน ยิ่งไปกว่านั้นบัดสีทองนี้ยังเขียนคำว่า VIP เอาไว้ด้วย นั่นไม่ธรรมดาเลย แม้แต่คนโง่ก็ยังดูออกว่าในนี้มีเงินเยอะมาก มีเงินมากพอที่จะทำให้คนตกใจตายได้เลย
ไม่รอให้บอดี้การ์ดทั้งสองได้มีปฏิกิริยากลับมา ผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นมาม่าซัง อายุประมาณสามสิบปีก็รีบเดินมาที่ประตู พูดด้วยใบหน้าที่ระดับไปด้วยรอยยิ้มว่า “น้องชายมาเป็นครั้งแรกหรือ? เป็นคนนอกพื้นที่หรือ? ขอโทษด้วย เจ้าสองคนนี้ไม่รู้เรื่องเอาซะเลย คุณอยากได้โกรธไปเลย เข้าไปกับฉันเถอะ อยากเล่นอะไรก็บอกฉันได้!”
เมื่อต้องเจอกับมาม่าซังที่เป็นมิตรคนนี้ เย่เทียนเฉินก็ทำเพียงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มแต่ไม่พูดอะไร เดินตามหลังเธอเข้าไปในเทียนซ่างเหรินเจียน มีบัตรทองอยู่ในมือ เมื่อเดินเข้าไปก็ได้รับการปฏิบัติที่เป็นมิตรจากคนนับไม่ถ้วน ที่เคาน์เตอร์ เย่เทียนเฉินได้สมัครสมาชิก VIP สำหรับสามปีของเทียนซ่างเหรินเจียนแล้ว ส่วนเรื่องที่ว่าจ่ายเงินไปเท่าไหร่นั้นเย่เทียนเฉินเองก็ไม่รู้ คงจะเกือบสิบล้านได้ ก็แค่บัตร VIP เท่านั้น มาเที่ยวที่นี่ลิ้มรสอำนาจสักหน่อยก็พอแล้ว สามารถเลือกหญิงบริการสวยๆ ทั้งหมด เหมาห้องที่ดีที่สุด ทำได้ทุกตัวเลือก และสามารถเข้าร่วมกิจกรรมที่เทียนซ่างเหรินเจียนจัดขึ้นมาได้โดยไม่ต้องจอง เช่นกิจกรรมรัสเซียนรูเล็ต เป็นต้น น่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“คุณเย่ ฉันแนะนำให้คุณกดเงินสดออกมาดีกว่า!” มาม่าซังที่เป็นมิตรพูดด้วยรอยยิ้ม
“ทำไมล่ะ?” เย่เทียนเฉินเอ่ยปากถามไปตามใจ
“เพราะว่าระหว่างทางคงจะมีคุณหนูสวยๆ มาต้อนรับคุณ ถ้าหากคุณคิดว่าพวกเธอไม่เลวก็สามารถให้ทิปพวกเธอได้ ทุกคนต่างก็ไม่ง่ายเลย!”
“งั้นก็ดี กดเงินออกมาให้ฉันซักหนึ่งล้านก็แล้วกัน อย่าลืมใส่ถุงมาให้ฉันด้วย!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเย่เทียนเฉินพูดแบบนี้ออกมาก็ทำให้มาม่าซังที่อยู่ด้านข้างตกใจจนชะงักไป ไม่ใช่ว่าการที่เย่เทียนเฉินใช้เงินหนึ่งล้านที่เทียนซ่างเหรินเจียนภายในคืนเดียวจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร ที่นี่ล้วนมีแต่คนมีอำนาจและมีเงิน ของแบบเงินนั้นเป็นเพียงกระดาษสำหรับเทียนซ่างเหรินเจียน แต่หากจะพูดถึงว่าคนคนหนึ่ง พอเข้ามาก็ทำบัตร VIP ที่มีมูลค่าเกือบสิบล้าน แล้วยังใช้เงินสดหนึ่งล้านมาเป็นทิป เกรงว่าจะเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครเกินไป นับเป็นอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้
“คุณเย่ นี่เงินของคุณค่ะ ถือให้ดี!”
ถุงใบหนึ่งถูกส่งมาให้ที่มือของเย่เทียนเฉิน ด้านในมีเงินสดบรรจุอยู่หนึ่งล้านหยวน ซึ่งสำหรับเย่เทียนเฉินแล้วก็ไม่ได้มีความคิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เดิมทีเขาก็เป็นคนที่ไม่ได้สนใจกับเรื่องเงินเงินทองทองอยู่แล้ว ของพวกนี้สำหรับเขาอย่างมากก็แค่เป็นสกุลเงินอย่างหนึ่งเท่านั้น ก็แค่สกุลเงินที่แปรเปลี่ยนไปตามสภาพของแต่ละคนเท่านั้น
“ขอบคุณ!”
หลังจากที่เย่เทียนเฉินยิ้มขอบคุณแล้วก็ใช้มือซ้ายหิวถุงใบนั้นบนไหล่ เดินเข้าไปที่เทียนซ่างเหรินเจียนอย่างรวดเร็ว สถานที่ที่เขาต้องไปไม่ใช่ชั้นหนึ่งของเทียนซ่างเหรินเจียนแห่งนี้ แต่ต้องการไปที่ชั้นสามเพื่อไปพบคนของพรรคคุณชาย ทางที่ดีจะต้องพบกับไป๋อู่ให้ได้เพื่อทำให้เรื่องเมื่อปีนั้นกระจ่างชัด
“สุดหล่อ เล่นกันหน่อยไหมคะ?” หญิงงามคนหนึ่งถือถ้วยเหล้ามาต้อนรับเย่เทียนเฉิน
“ไม่เล่น เธอดูไม่น่าสนุก!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“คุณผู้ชาย อยากพูดคุยกันเรื่องหัวใจไหมคะ?” มีผู้หญิงหุ่นสะบึมคนหนึ่งเดินมาถามเย่เทียนเฉินด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ หน้าอกเธอมันดูปลอมเกินไป!” เย่เทียนเฉินพูดทางส่ายหน้า
“ต้องการเกย์หรือเปล่าครับ?” มีผู้ชายคนหนึ่งถามออกมาตรงๆ
“อ้อ รสนิยมทางเพศของผมปกตินะครับ” เย่เทียนเฉินพูดพลางยักไหล่
เมื่อเข้ามาถึงที่นี่แล้ว ถ้าคุณไม่มีท่าทางเย็นชาเหมือนกับเทพแห่งความตาย เช่นนั้นก็จะถูกคนสงสัย กระทั่งลอบติดตาม เย่เทียนเฉินไม่ได้กลัวเรื่องพวกนี้ แต่รู้สึกว่าเป็นความวุ่นวายที่ไม่จำเป็น จึงคิดจะหลบเลี่ยง เพราะเขาเป็นคนที่กลัวความยุ่งยากมากที่สุด
ระหว่างทางเดินนี้ ทั้งหญิงทั้งชายที่ถามเย่เทียนเฉินต่างเป็นพนักงานระดับต่ำที่สุดในเทียนซ่างเหรินเจียนแห่งนี้ ในหมู่พนักงานเหล่านี้ต่างก็มีทุกรูปแบบ เสนอบริการทุกรูปแบบ ถ้าหากคุณถูกใจพวกเขา ก็เป็นใช้จ่ายที่ไม่เลวเลย อาจจะมีใครหลายคนคิดว่านี่ไม่เหมือนกับคลับที่ใหญ่ที่สุดและดึงดูดผู้คนมากที่สุดในประเทศจีน แต่เหมือนกับเดินเข้าไปในซ่องมากกว่า ถ้าหากคิดแบบนี้คุณก็ผิดแล้ว คุณจะไม่มีทางพบกับสินค้าน่าตื่นตะลึงไปตลอดกาล และไม่อาจชื่นชมเสน่ห์ของเทียนซ่างเหรินเจียนได้เลย คนเหล่านี้เป็นพนักงานระดับต่ำ ทำให้แขกที่มีเงินใช้จ่ายพึงพอใจได้บ้างเท่านั้น แน่นอนว่าการบริการเหล่านี้ไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะได้รับ
เย่เทียนเฉินแบกถุงเงิน เดินไปด้านในพลางควักบุหรี่ออกมาสูบที่ปาก แสดงท่าทางเหมือนคุณชายเสเพลที่รักความสนุกสนานเป็นที่สุด ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีการเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้ เรียกได้ว่าผู้ชายที่ไม่ต่างอะไรจากเทพแห่งความตาย ในตอนที่เขานึกสนุกขึ้นมา ในตอนที่แสดงนิสัยที่เหมือนอันธพาลออกมา จะทำให้คนยากที่จะเชื่อ จะทำให้คนลบล้างภาพจำเกี่ยวกับเย่เทียนเฉินไปได้โดยสิ้นเชิง
“พี่ชาย หะ ให้หนูไปเป็นเพื่อนพี่ไหมคะ?” ในตอนนี้เอง หญิงสาวตัวน้อยอายุประมาณสอบเจ็ดสิบแปดปีคนหนึ่งกระพริบตาก่อนจะจ้องมองไปยังเย่เทียนเฉิน ถามขึ้นด้วยท่าทางขี้ขาดและคาดหวัง
เย่เทียนเฉินมองหญิงสาวตรงหน้า เธอสวมชุดเปิดเผยเป็นอย่างมาก ถุงน่องสีดำ รองเท้าหนังสีดำ เสื้อสายเดี่ยวสีดำ ม้วนผมขึ้น แต่งหน้าเบาๆ โดยเฉพาะหน้าอกหน้าใจที่ยังไม่พัฒนาเต็มที่ ภายใต้การพยายามดันอย่างสุดความสามารถของเธอถึงจะทำให้รู้สึกน่าดึงดูดขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่อาจปิดซ่อนอายุของเธอได้ ไม่รู้ว่าทำไมถึงเข้ามา ไม่รู้ว่าทำไมต้องมาทำงานแบบนี้ในเทียนซ่างเหรินเจียนตั้งแต่อายุน้อย แต่เย่เทียนเฉินไม่คิดจะถามและไม่คิดจะรู้ เนื่องจากมีเรื่องราวมากมายที่หากถามไปแล้ว หากรู้เข้าแล้ว จะคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่รู้จะดีกว่า
“กลับไปเถอะ ที่นี่ไม่ใช่ที่เธอควรจะมา!” เย่เทียนเฉินยื่นมือเข้าไปในถุงเงิน หยิบเงินออกมาปึกหนึ่ง ไม่รู้ว่าเป็นเงินเท่าไหร่ เขาเองก็ไม่ได้มอง เสียบลงไปในร่องบริเวณหน้าอกของหญิงสาวตัวน้อยคนนั้น จากนั้นจึงหมุนตัวเดินไปโดยไม่หันกลับมามอง
……………………………..