ตอนที่ 185: หลบหนี

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 185: หลบหนี

กระบี่ของเจี้ยนเฉินเริ่มเร็วขึ้นเรื่อย ๆ มันเพิ่มความรู้สึกกดดันให้กับสมาชิกตระกูลยู่หลาน สำหรับเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษที่ถูกผลักดันให้เข้าสู่สถานการณ์เช่นนี้ มันช่างน่าสมเพชอย่างแท้จริง

“อ๊า ! “

กระบี่วายุโปรยกลายเป็นแสงสีเงินที่บินด้วยความเร็วที่น่ากลัวไปยังคอของชายวัยกลางคน มันเจาะทะลุผ่านทันที

ในเวลาเพียงไม่นาน เซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษอีกคนหนึ่งเสียชีวิตด้วยกระบี่ของเจี้ยนเฉิน

เซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษอีกคนมีสีหน้าตื่นตกใจ ถึงพวกเขามีกัน 2 คน พวกเขาแทบจะไม่สามารถรับมือกับเจี้ยนเฉินบนพื้นดินได้และตอนนี้ยังเสียเปรียบอีก เพื่อนของเขายังตายเพิ่มไปอีก 1 คน ตามความแข็งแกร่งที่เจี้ยนเฉินได้แสดง เขาไม่ได้เป็นคู่มือของเจี้ยนเฉินอย่างแน่นอน หากเขาพยายามต่อสู้กับเจี้ยนเฉินเพียงลำพังคนเดียว เขาอาจตายไปก่อนหน้านี้แล้ว

ด้วยความคิดนั้น ผู้อาวุโสที่เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษคนสุดท้ายเริ่มใบหน้าซีดเซียว แต่เขาก็ไม่ได้โง่และก่อนที่เจี้ยนเฉินจะโจมตีเขา เขาร้องออกมาว่า “ทุกคน วู่หยุนไม่ได้มีแค่แกนอสูรระดับ 5 แต่เขายังมีทักษะการต่อสู้ระดับสูงอีกด้วย เราคนใดคนหนึ่งจะไม่สามารถฆ่าเขาได้ เราจะถูกเขาฆ่า ถ้าเราอยากได้แกนอสูรระดับ 5 และทักษะการต่อสู้ เราควรร่วมมือกันจัดการเขาอย่างรวดเร็ว”

ผู้อาวุโสพูดเช่นนั้นก็เพื่อช่วยชีวิตตนเองแต่มันก็สมเหตุสมผลอยู่บ้าง ท้ายที่สุดเจี้ยนเฉินก็ต่อสู้กับเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ 3 คนด้วยตัวเองและสังหารไป 2 คนอย่างรวดเร็ว ทุกคนเห็นสิ่งนี้ด้วยตาของตนเอง

“เข้าไปเลย ! หากเราร่วมกัน เราจะได้ทักษะการต่อสู้นั้น ! “

“วู่หยุนแข็งแกร่งมาก เซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ 2-3 คนยังไม่มีโอกาสชนะเขาเลย เราควรใช้ประโยชน์จากความจริงที่ว่าเรามีคนมากกว่าและฆ่าเขาเสียก่อน เพราะพลังของเขานั้นเหนือกว่าพวกเราทุกคน”

……..

คำพูดของผู้อาวุโสได้รับความเห็นชอบอย่างรวดเร็วจากทุกคนที่นั่น ในไม่ช้าเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ 7-8 คนก็ดึงอาวุธเซียนของพวกเขาออกมาและพุ่งไปที่เจี้ยนเฉิน

ท่าทีของเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไป แม้ว่าเขาจะไม่รู้สึกว่าการต่อกรกับเซียนผู้เชี่ยวชาญ 3 คนนั้นตึงมือเกินไป แต่ในปัจจุบันมีกลุ่มคนกว่าสิบคนรวมทั้งเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษอีกสองหรือสามคน หากพวกเขาร่วมกันต่อสู้ เขาอาจจะรับมือไม่ไหว

เจี้ยนเฉินไม่มีเวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้นานนัก เนื่องจากเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ 7-8 คนมาถึงตัวเขาแล้ว ด้วยเสียงคำราม พลังเซียนที่ห่อหุ้มอาวุธเซียนของพวกเขาได้เฉือนเขาไปพร้อม ๆ กัน แม้ว่าคนเหล่านี้ไม่เคยต่อสู้ร่วมกันมาก่อน มันก็ชัดเจนว่าคนเหล่านี้มีประสบการณ์การต่อสู้มากกว่า พวกเขาใช้อาวุธเซียนปิดกั้นเส้นทางหลบหนีของเจี้ยนเฉินได้อย่างง่ายดาย

ใบหน้าของเจี้ยนเฉินแข็งกระด้างขึ้นอีกครั้ง ขณะที่เขาจ้องมองเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ 8 คน เขาก็รู้สึกกดดันอย่างมาก เขาโบกแขนขวาอย่างรวดเร็วทำให้เกิดภาพของกระบี่วายุโปรยล่องลอยอยู่ในอากาศเต็มไปหมดทันที

” เคร้ง, เคร้ง, เคร้ง ..”

เสียงของโลหะกระทบโลหะสามารถได้ยินได้อีกครั้งในช่วงเวลาสั้น ๆ กระบี่วายุโปรยปะทะกับอาวุธเซียนของฝ่ายตรงข้ามมากกว่าสิบครั้ง ดูเหมือนว่ากระบี่วายุโปรยได้ปิดกั้นอาวุธทั้งหมด และหักล้างพวกเขาเต็มกำลัง

ร่างของเจี้ยนเฉินแกว่งไปมา และเขาก็กระโจนเข้าใส่คนผู้หนึ่งพร้อมกับกระบี่วายุโปรย เขาเล็งตรงไปที่คอของชายผู้นั้น

ชายผู้นั้นเพิ่งจะเหวี่ยงกระบี่ลงและไม่ได้มีโอกาสที่จะตอบโต้ เนื่องจากเขาเพิ่งจะทุ่มเทพลังงานทั้งหมดออกไปและยังไม่ทันรั้งคืน เขาจึงไม่สามารถที่จะหลบหนีจากกระบี่อันรวดเร็วดุจสายฟ้าได้

“พัพ !”

กระบี่วายุโปรยเจาะทะลุคอของเขาทันที

เมื่อรู้สึกถึงความเจ็บปวดในลำคอของเขา ชายวัยกลางคนรู้สึกตกตะลึงและหายใจไม่ออก ความรู้สึกไม่เชื่อเช่นเดียวกับอาการวิงเวียนศีรษะที่หนักอึ้งขึ้นมาเริ่มแพร่กระจายไปทั่ว

“ความตาย ? ข้าตายแล้วหรือ ? ชีวิตของข้าจะจบลงเช่นนี้หรือ ? ข้าไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองต้องมาตายด้วยน้ำมือของเซียนผู้เชี่ยวชาญ … ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต ชายวัยกลางคนยังไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ แต่ในท้ายที่สุด เขาก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับเซียนผู้เชี่ยวชาญ

เมื่อกระบี่วายุโปรยถูกดึงออกมาจากคอของเขา ชายผู้นั้นก็ล้มลงกับพื้นอย่างช้า ๆ เมื่อชีวิตของเขาค่อย ๆ หมดไป ดวงตาของเขายังคงเบิกกว้างในขณะที่เขาเสียชีวิตด้วยความเศร้าโศกที่เหลืออยู่

“นายท่าน”

ชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมสีเขียวผอมยืนอยู่บนหลังคาจ้องมองชายผอมบางล้มลงบนพื้น สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเมื่อเขาร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ และเขากระโดดลงมาจากหลังคา ภายในพริบตา เขาก็กระโดดเข้าไปหาชายผู้นั้น

” นายท่าน, นายท่าน ..”

ชายที่สวมเสื้อคลุมสีเขียวหมอบลงและร้องเรียกชายคนที่ตายไปแล้วอย่างกังวล แต่ชายคนนั้นเสียชีวิตลงแล้วอย่างแน่นอน ดังนั้นไม่ว่าชายที่สวมเสื้อคลุมสีเขียวจะร้องไห้คร่ำครวญมากเพียงใดเขาก็ไม่ได้รับคำตอบ

ไม่ไกลเกินไป ชายวัยกลางคนอีกคนและผู้อาวุโสสวมเสื้อสีดำอีก 6 คนยืนอยู่บนอาคารและดูการต่อสู้อยู่ไกล ๆ

“ท่านเจ้าเมือง เราจะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้หรือ ? ท้ายที่สุดแล้วเมืองฟีนิกซ์ก็เป็นของเรา” ผู้อาวุโสถามอย่างใจเย็น

ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีขาวส่ายหน้าในขณะที่เขาพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “คงไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะเข้าไปขัดขวาง แม้ว่านี่คือเมืองฟีนิกซ์ ดินแดนของเรา แต่ก็มีตระกูลจำนวนมากจากเมืองอื่น ๆ ที่มีความแข็งแกร่งสูงสุดมารวมตัวกัน และยังมี 3 ตระกูลของเมืองฟินิกซ์ด้วย ถ้าเราทำอะไรลงไปโดยไม่ไตร่ตรอง เราอาจทำให้หลายคนขุ่นเคืองใจ”

“แต่ชายคนที่ชื่อวู่หยุน เขาค่อนข้างแข็งแกร่งมาก ในระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญขั้นสูง เขาได้ฆ่าเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษไปหลายคนแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในทวีปเทียนหยวน” ชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่งซึ่งยืนถัดจากเจ้าเมืองถอนหายใจ

เจ้าเมืองพยักหน้าแล้วพูดว่า “ถูกต้อง ข้าไม่รู้ว่าวู่หยุนมาจากไหนแต่เขาแข็งแกร่งมาก โดยเฉพาะกระบี่ของเขา มันรวดเร็วมากจนเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษยังต้องเกรงกลัว แต่ยังมีเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษอีกหลายคนและเซียนผู้เชี่ยวชาญอีกนับร้อย แม้ว่าวู่หยุนจะเก่งกาจเพียงใด เขาคงจะมีปัญหาในการหลบหนีครั้งนี้”

“ถ้าเขามีความแข็งแกร่งของเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ข้าพนันเลยว่าเขาจะหนีจากที่นี่ได้” ผู้อาวุโสพูดด้วยเสียงต่ำ

……..

ในบริเวณใกล้เคียงบุรุษสวมเสื้อคลุมสีเทาสองคนยืนตัวตรงอยู่บนอาคารอีกหลังขณะที่พวกเขาสังเกตการต่อสู้ กลุ่มชายสองคนประกอบด้วยบุรุษวัยกลางคนและผู้อาวุโส ผู้อาวุโสคนนี้เป็นคนเดียวกันกับคนที่ใช้เงิน 100,000 เหรียญม่วงซื้ออสูรเมฆบินในการประมูล

“นายท่าน มันขึ้นอยู่กับท่านว่าจะช่วยเหลือเขาหรือไม่ ท้ายที่สุดเขาเป็นคนหาอสูรเมฆบินมาให้เรา อาจกล่าวได้ว่าเขาเคยช่วยเรา” ผู้อาวุโสเสื้อคลุมสีเทาพูดกับบุรุษอีกคนหนึ่ง.

บุรุษวัยกลางคนส่ายหน้า “ข้าคิดว่าไม่จำเป็น วู่หยุนคนนี้เป็นคนลึกลับมาก แม้ว่าเขาจะยังเด็กแต่เขาก็มีพละกำลังของเซียนผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งมาก เซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษยังต้านเขาไม่ได้เลย ศักยภาพแบบนี้ไม่ค่อยมีให้เห็นในทวีปเทียนหยวน”

“นอกจากนี้การเคลื่อนไหวของเขาก็ว่องไวมาก หากเขาต้องการที่จะหลบหนีไป เขาก็มีโอกาสประสบความสำเร็จ สำหรับเขานี่อาจเป็นการทดสอบ ท้ายที่สุดถ้าเขาฝึกฝนอย่างรวดเร็วมันก็จะทำให้เขาไปได้ไกลมากขึ้น คนผู้หนึ่งต้องผ่านการทดสอบ ต้องมีการเลือดตกยางออกและผ่านความยากลำบากเพื่อได้รับบทเรียนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะเมื่อเขาต้องต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เขาถึงสามารถถูกเรียกว่าจอมยุทธ์ได้ ไม่เช่นนั้นมันจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของจอมยุทธ์”

ผู้อาวุโสพยักหน้าด้วยความเห็นชอบ “นายท่านตาแหลมจริง ๆ สายตาของข้าไม่สามารถเปรียบเทียบได้เลย”

ชายวัยกลางคนยิ้มออกมาเล็กน้อยขณะพูดเบา ๆ ว่า “ผู้อาวุโสหยุน ทางที่ดีเราควรไปได้แล้ว เราได้เจออสูรเมฆบินแล้ว ถือว่าภารกิจของเราเสร็จสิ้น กลับกันเถอะ “

หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็กระโดดไปจากหลังคาและหายตัวไป.

ในอีกด้านหนึ่ง เจี้ยนเฉินและเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษหลายคนได้ต่อสู้กันอย่างดุเดือด เซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ 7-8 คนล้อมรอบตัวเขา ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่เจี้ยนเฉินจะผ่อนคลายอย่างที่เคยเป็นในระหว่างการต่อสู้กับเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ 3 คนก่อนหน้านี้ ทุกช่วงเวลาที่ผ่านไป เจี้ยนเฉินก็ได้รับบาดแผลใหม่บนร่างกาย เซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษฝ่ายตรงข้ามสองสามคนมีรอยเลือดเล็ก ๆ บนคอของพวกเขา หากพวกเขาไม่ได้หลบกระบี่วายุโปรยในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดและมีคนคอยช่วยเหลือ พวกเขาคงกลายเป็นศพไปนานแล้ว

ดวงตาของเจี้ยนเฉินเปล่งประกายเมื่อเขามองไปรอบ ๆ ตัวเองอย่างรวดเร็ว เขารู้ว่าการใช้กระบี่ของเขาทำให้ทุกคนคิดว่าเขามีทักษะการต่อสู้ เนื่องจากทักษะการต่อสู้เป็นสิ่งที่มีค่าในในทวีปเทียนหยวน ศัตรูจะไม่ละทิ้งความพยายามอย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะฆ่าเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษบางคนไปแล้ว แต่ก็ยังมีตระกูลที่แข็งแกร่งกว่าอีกมากมายที่มีเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษของตนเอง หากเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษเหล่านี้ร่วมมือกันจริง ๆ แล้ว คงไม่มีทางที่เจี้ยนเฉินจะจัดการกับพวกเขาได้ด้วยระดับความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา

เมื่อคิดได้เช่นนั้น เจี้ยนเฉินก็ก็ไม่ลังเลอีกต่อไป หลังจากป้องกันการโจมตีอีกสองสามครั้งที่เล็งมาทางเขา ร่างของเขาก็พุ่งสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าในขณะที่เขากำลังหลบหนีอย่างรวดเร็ว