ภาค 2 ไร้เทียมทานเย้ยยุทธจักร บทที่ 209 เจ้ายังมีคุณสมบัติไม่พอ

จอมศาสตราพลิกดารา

ใบหน้าเรียวขาวผ่องที่งามล้ำเหนือใครของฮวาเสี่ยงหรงฉายแววลิงโลดขึ้นทันที

ใบหน้าสาวใช้ซินเอ๋อร์และไป๋เซวียนพลันเผยความยินดีเช่นกัน

ชายหนุ่มชุดเฟยอวี๋รู้สึกเบื้องหน้าพร่าเลือน เงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นในห้องอย่างแปลกประหลาดนัก

เด็กหนุ่มมากความสามารถ องอาจสง่างาม ผมสั้นสีดำ สวมเสื้อนอกสีขาว หากไม่ใช่หลี่มู่ที่เป็นเลิศทั้งบุ๋นและบู๊แล้วจะเป็นใคร

“พี่มู่” ฮวาเสี่ยงหรงเหมือนยกหินก้อนยักษ์หนักหลายหมื่นจินออกจากอก ทั้งตัวผ่อนคลายลงทันใด นางพุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของหลี่มู่ กอดชายคนรักเอาไว้แน่น

หลี่มู่ตบหลังของนางเบาๆ แล้วพูด “วางใจเถอะ ข้ากลับมาแล้ว ทุกอย่างมีข้าอยู่”

ชายหนุ่มชุดเฟยอวี๋ตั้งตัวกลับมาได้ก็ยิ้มเย็น พูดว่า “หลี่มู่? ฮ่าๆ ย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกมิพบพาน ยามได้เจอกลับง่ายดายแบบคาดไม่ถึงจริงๆ ข้ากำลังตามหาเจ้า เจ้าก็มาถึงที่ ดีจริงๆ ข้าหยวนอู่หัวหน้าผู้ตรวจสอบใต้บังคับบัญชาของนายตรวจลู่แห่งสำนักตรวจการสาขาหลักเมืองหลวง รับคำสั่งให้มาคุมตัวเจ้า สงสัยว่าเจ้าจะมีส่วนเกี่ยวพันกับการตายของผู้ตรวจสวีเมืองฉางอันและฉินหลินบุตรผู้สืบทอดแห่งเจิ้นซีอ๋อง ข้าขอเตือนเจ้า อย่าได้ทำการต่อต้านอันไร้ประโยชน์ ตามข้าไปเสียเถอะ”

มุมปากหลี่มู่ยกยิ้มบางๆ “สงสัย? ไม่ต้องสงสัยหรอก ผู้ตรวจสวีเวรตะไลอะไรนั่นข้าเป็นคนฆ่ามันเอง บุตรผู้สืบทอดของเจิ้นซีอ๋องก็เป็นข้าที่สังหาร สังหารพวกมันเศษสวะสองตัวนี้นับเป็นการขจัดภัยให้ประชาชน”

“เจ้า…อวดดีนัก” หยวนอู่โมโห ถูกท่าทางกำเริบเสิบสานของหลี่มู่ยั่วโทสะเข้าแล้ว

“ดี ในเมื่อเจ้ายอมรับ เช่นนั้นก็ตามข้าไปเสียดีๆ อย่าให้สำนักตรวจการต้องลงมือ ฮี่ๆ ถึงตอนนั้นเจ้าจะร้องไห้ก็ไม่ทันแล้ว” เขาฝืนอดกลั้นความโมโห ยิ้มชวนขนลุกพลางหยิบโซ่ตรวนออกมา

“วิธีการของสำนักตรวจการ ข้าก็อยากจะลองเหมือนกัน แต่เจ้าน่ะหรือ ยังมีคุณสมบัติไม่พอ” หลี่มู่ขี้เกียจพูดให้มากความ สะบัดมือไปง่ายๆ พลังกลุ่มหนึ่งก็ทะลักออกมา

หยวนอู่รู้สึกแค่พลังมหาศาลเกินควบคุมซัดสาดออกมา ทั้งตัวกระเด็นออกไปนอกประตูโดยไม่อาจขัดขืนได้ กระแทกเสียจนบานประตูแหลกละเอียด ลอยออกไปนอกหอสดับเซียน และร่วงลงต่อหน้ายอดฝีมือสำนักตรวจการในชุดเฟยอวี๋ยี่สิบคนที่รออยู่ด้านหน้า จะลุกก็ยังลุกไม่ได้

“พามันกลับไป บอกนายตรวจลู่ ช่วงนี้ข้าค่อนข้างยุ่ง ไม่ว่างมาสนใจเขา อย่าได้มากวนใจข้า”

เสียงของหลี่มู่ดังกังวานไปทั่วทั้งหอสดับเซียน ดังเข้าไปในหูของยอดฝีมือสำนักตรวจการในชุดเฟยอวี๋ยี่สิบคนอย่างชัดเจน

ในเสียงนี้แฝงด้วยพลังสะเทือนที่แปลกประหลาด สะเทือนจนสองหูพวกเขาปวด ตาพร่าเห็นดาว กำลังภายในแตกซ่าน แม้แต่ยืนก็ยืนได้ไม่มั่น ตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี รู้ว่าเรื่องวันนี้เกินขอบเขตพลังของพวกเขาแล้ว จึงทั้งตกใจทั้งโมโห แต่กลับไม่กล้าพูดแม้แต่ประโยคเดียว รีบพยุงหยวนอู่ขึ้นมาแล้วหันกายจากไป

“ข้าจะฆ่ามันให้ตาย ข้าจะฆ่ามันให้ตาย รอก่อน เจ้ารอก่อน…อ๊ากๆๆ…” หยวนอู่อ่อนปวกเปียกทั้งร่าง ถูกลูกน้องหิ้วปีกจากไปขณะร้องโหวกเหวกอย่างโกรธแค้น

นับตั้งแต่เขาเข้ามาในสำนักตรวจการ เคยได้รับการหยามหมิ่นแบบนี้เสียที่ไหน?

หลังจากนั้นหนึ่งก้านธูป พวกเขาก็กลับมายังสำนักตรวจการเมืองฉางอัน

“อะไรนะ? หลี่มู่กล้ากำเริบถึงขั้นนี้เชียว?” ฟังรายงานจบ นายตรวจลู่หลีจื่อที่อยู่ในโถงใหญ่โมโหตบโต๊ะ “ต่อต้านสวรรค์โดยแท้ นี่เป็นการท้าทายต่อสำนักตรวจการ” เขาก็โมโหเดือดดาลเพราะท่าทีของหลี่มู่เช่นกัน

“ใต้เท้า เจ้าคนชั่วผู้นี้รนหาที่ตายชัดๆ มีแต่ท่านต้องลงมือเองแล้ว พลังของมันแข็งแกร่งมาก” หยวนอู่ใส่ไฟอยู่ข้างๆ โดยมีลูกน้องประคอง อยากจะเฉือนหลี่มู่เป็นพันๆ หมื่นๆ ชิ้นเสียเดี๋ยวนี้ ทั้งเอ่ยเสริมอีกว่า “แล้วก็ยังมีฮวาเสี่ยงหรงนั่น จะต้องเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดของมันแน่นอน ไม่นึกเลยว่าเป็นจอมเวทเหนือกว่าหกดาว สามารถปล่อยเวทสายฟ้าในชั่วพริบตา จะปล่อยไปไม่ได้เช่นกัน”

ในใจของเขายังคิดถึงความงามของฮวาเสี่ยงหรง

ถึงตอนนั้นจะจับหลี่มู่มาแล้วหยามหมิ่นฮวาเสี่ยงหรงต่อหน้า ให้หลี่มู่คับแค้นเสียใจไปชั่วชีวิต

หยวนอู่กำลังวางแผนในใจอย่างชั่วช้า

แต่จู่ๆ สีหน้าของลู่หลีจื่อก็เปลี่ยนไป เขาจ้องหยวนอู่ ถามด้วยความสงสัยเป็นอย่างยิ่ง “นะ…ในกายเจ้าถูกฝังปราณแท้แปลกปลอมเอาไว้?”

“อะไรนะ?” หยวนอู่พูดอย่างงุนงง “ไม่มีนี่ ข้าก็ยังอยู่ดีมิใช่รึ? ข้า…”

ยังพูดไม่ทันจบ

ตุบ ตุบ ตุบ!

เสียงหนักทุ้มดังออกมาจากในร่างของหยวนอู่

เขาก้มหน้าลงอย่างตื่นตะลึงและสิ้นหวัง มองเห็นเส้นเลือดแต่ละเส้นแตกกระจายออกมาจากในกาย ตันเถียนระเบิด เส้นลมปราณปั่นป่วน กำลังภายในสลาย…หยวนอู่รู้สึกได้ถึงการแตกซ่านของพลังชีวิตตัวเอง

“รีบโคจรพลังปรับสมดุลเร็ว…” ลู่หลีจื่อตกใจ ร่างไหววูบ มือข้างหนึ่งแตะอยู่บริเวณหัวใจด้านหลังของหยวนอู่ คิดจะถ่ายทอดปราณแท้ฟ้าประทานรักษาบาดแผลให้เขา

ตูม!

พลังอันแข็งแกร่งระเบิดขึ้นในกายของหยวนอู่อีกในฉับพลัน

“เฮือก…อั้ก!” ลู่หลีจื่อกระเด็นลอยออกไปทั้งตัวดุจโดนฟ้าผ่า กระแทกเข้ากับเสาหินมังกรพันหลักในโถงใหญ่ต้นหนึ่ง อ้าปากกระอักเลือดออกมา ก่อนจะร่วงลงอย่างไร้เรี่ยวแรง

“ใต้เท้า!”

“ปกป้องใต้เท้า”

“ใครก็ได้…”

ในโถงใหญ่แตกตื่นอลหม่านไปช่วงหนึ่ง

“ถอยออกไป” ลู่หลีจื่อตะโกน ขณะเดียวกันก็รีบถอยลงไปเช่นกัน

ตูม!

เสียงระเบิดสุดท้ายดังขึ้นมา ร่างของหยวนอู่ระเบิดเป็นหมอกโลหิต หายไปจากที่เดิมอย่างสมบูรณ์ ไม่เหลือแม้แต่เลือดและเศษกระดูก กลายเป็นเศษผงหายไปในอากาศ เหมือนว่าคนคนนี้หายไปในชั่วพริบตา

บรรยากาศน่าพรั่นพรึงแผ่ลามไปในโถงใหญ่

ใบหน้าของยอดฝีมือสำนักตรวจการทุกคนเผยแววหวาดกลัว

ลู่หลีจื่อเลือดไหลที่มุมปาก ในใจเกิดคลื่นปั่นป่วน ทั้งตกใจทั้งโมโห ทั้งโมโหทั้งกลัว

เขารู้ การตายของหยวนอู่คือคำเตือน

คำเตือนที่มาจากหลี่มู่

ความแข็งแกร่งของพลังของหลี่มู่ทำให้ลู่หลี่จื่อประหลาดใจนัก ไม่ น่าจะทำให้เขารู้สึกกลัวเสียมากกว่า ใช้ร่างกายของหยวนอู่สื่อนำพลัง จุดประสงค์ของหลี่มู่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่แค่เพื่อสังหารหยวนอู่ แต่ยิ่งพุ่งเป้ามาหาเขาผู้ตรวจการคนนี้ อีกทั้งยังทำให้เขาบาดเจ็บหนัก

“หลี่มู่ได้พูดอะไรหรือไม่?” ลู่หลีจื่อมองไปยังยอดฝีมือสำนักตรวจการคนหนึ่งที่ตามหยวนอู่กลับมา

“เขาพูด…เขาพูดว่าช่วงนี้เขายุ่งมาก ให้ท่าน…ให้ท่านอย่าไปรบกวนเขา”

สีหน้าของลู่หลีจื่อยิ่งไม่น่าดูกว่าเดิม

เป็นคำเตือนจริงๆ ด้วย

มิน่าเล่าถึงได้อวดดีขนาดนี้ และเขาก็มีทุนให้อวดดีจริงๆ พลังแบบนี้น่ากลัวเกินไป กลัวว่าจะไม่ใช่แค่ขั้นฟ้าประทานง่ายๆ เช่นนั้นแล้ว

เด็กหนุ่มอายุสิบห้า ต่อให้เริ่มฝึกฝนตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ก็ไม่มีทางร้ายกาจได้ถึงขนาดนี้

ลู่หลีจื่อโบกมือสั่ง “ถอยไปให้หมด การตายของหัวหน้าหยวนเป็นความลับห้ามแพร่งพราย ให้ทุกฝ่ายจับตามองความเคลื่อนไหวของหลี่มู่อย่างใกล้ชิด ห้ามลงมือโดยพลการเด็ดขาด และรอคำสั่งจากข้า”

“น้อมรับคำสั่ง”

ยอดฝีมือสำนักตรวจการในโถงใหญ่ถอยออกไปทั้งหมด

สีหน้าของลู่หลีจื่อพลันขาวซีดอีก อ้าปากกระอักเลือดออกมาอีกครั้งอย่างอดไม่ได้

อาการบาดเจ็บของเขาสาหัสกว่าที่เห็น เมื่อครู่เพื่อช่วยหยวนอู่ในเวลาคับขัน เขาไม่ได้ป้องกันจึงถูกสะเทือนจนหลอดเลือดหัวใจได้รับบาดเจ็บ…ถึงแม้นี่จะนับว่าเป็นการลอบโจมตี แต่กางกั้นไว้ด้วยเวลาและมิติ อาศัยร่างกายของคนอื่นก็ยังทำให้เขาบาดเจ็บได้ขนาดนี้ มีจุดหนึ่งที่สามารถยืนยันได้อย่างแน่นอนคือพลังของหลี่มู่สูงกว่าเขา

นี่ยุ่งยากแล้ว

ยุ่งมากเป็นพิเศษด้วย

อย่างน้อยดูจากตอนนี้ ในช่วงระยะนี้เขายังทำอะไรหลี่มู่ไม่ได้

อีกทั้งดูจากหลี่มู่ที่พูดจาไม่เข้าหูก็สังหารหัวหน้าผู้ตรวจทันที คนผู้นี้เป็นคนบ้าที่ไม่เกรงกลัวสิ่งใดทั้งสิ้น ลู่หลีจื่อไม่สงสัยแม้แต่น้อยเลยว่าหากตนเองฝืนบุกไป แม้แต่ตนหลี่มู่ก็กล้าสังหารเช่นกัน

หากรายงานสำนักตรวจการสาขาหลักและขอกำลังเสริมมาแล้วละก็ นั่นหมายความว่าเขาทำงานไม่สำเร็จ จะถูกเยาะเย้ยและบีบคั้นจากสหายร่วมงานในสำนักตรวจการ สำหรับลู่หลีจื่อที่หลงใหลในอำนาจ ใจคิดอยากจะก้าวไปอีกขั้นแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ไม่อาจทนรับได้

“ทำได้แค่ใช้วิธีอื่น หาคนอื่นมาช่วยแล้ว”

ลู่หลีจื่อโคจรลมปราณรักษาอาการบาดเจ็บ

จะหาคนต้องใช้เวลา

เห็นทีหลี่มู่คงอวดดีไปได้อีกช่วงหนึ่ง

……

ในห้องชั้นสาม หอสดับเซียน

“หากท่านแม่ไป๋รู้สึกว่าเสี่ยง ข้าสามารถพาฮวาเอ๋อร์ไปได้ ไม่ทำให้หอสดับเซียนเดือดร้อนไปด้วย” หลี่มู่นั่งลง ยิ้มเล็กน้อยพลางพูดขึ้น

เมื่อครู่ ขุนนางสำนักตรวจการชุดเฟยอวี๋มีเจตนาแอบแฝง ไม่ประสงค์ดี ลงมือกับฮวาเสี่ยงหรง หลี่มู่ไม่ไว้ชีวิตอย่างเด็ดขาด แต่เขาก็ไม่อยากฆ่าคนที่หอสดับเซียน ดังนั้นจึงออมแรงไว้ และฉวยโอกาสข่มขวัญนายตรวจลู่อะไรนั่นด้วย รอจนเมื่อหยวนอู่กลับไปถึงสำนักตรวจการก็จะเป็นเวลาตายแล้ว

ตอนนี้หลี่มู่ก้าวเข้าสู่ขั้นฟ้าประทาน ฝึกฝนปราณแท้ฟ้าประทานออกมาได้แล้ว แก้ไขปัญหาใหญ่ที่สุดที่คอยรบกวนตนมานานได้ นับว่าสำเร็จวิถียุทธ์ขั้นต้นแล้ว อย่างน้อยในเมืองฉางอันก็ไม่มีใครเป็นคู่มือของเขาอีก ดังนั้นเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องพะวงให้มาก

นึกถึงตอนที่เพิ่งมาถึงโลกแห่งการฝึกยุทธ์ใบนี้ เขาระมัดระวังหวาดกลัวประหนึ่งอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบางๆ จำต้องกริ่งเกรง แกล้งทำตัวน่าสงสาร วางแผนอย่างระมัดระวัง ก็เพราะพลังไม่มากพอ หากไม่ระวังจะมีภัยร้ายแรงถึงชีวิต แต่ตอนนี้พลังเพิ่มพุ่งพรวด ภายในฝึกปราณแท้ฟ้าประทาน ภายนอกฝึกกายเซียน เตรียมพร้อมทั้งในและนอก สามารถทำอะไรตามใจตนได้แล้ว

บนใบหน้าของไป๋เซวียนเผยรอยยิ้มบาง เอ่ยขึ้นว่า “คุณชายหลี่พูดเกินไปแล้ว เดือดร้อนอะไรกัน มาอยู่ที่นี่ได้เลย”

วันมะรืนก็จะเป็นวันตัดสินการประกวดนางคณิกาอันดับหนึ่งแล้ว ด้วยชื่อเสียง หน้าตา และรัศมีของฮวาเสี่ยงหรงในตอนนี้ อัตราการชิงตำแหน่งคณิกาอันดับหนึ่งมาได้สูงมาก นางคิดดีแล้ว ยืนหยัดอีกวันสองวันน่าจะไม่เสี่ยงโดนหางเลขอะไรไปด้วยมาก ถึงอย่างไรหอสดับเซียนก็เป็นหอนางโลม เปิดประตูทำการค้า แขกที่มาเยือนมีความผิดหอคณิกาก็ต้องรับผิดไปด้วยหรืออย่างไร นี่มันเหตุผลอะไรกัน?

ไป๋เซวียนนับว่าทุ่มสุดตัวแล้ว

อีกทั้งในเมืองนี้นางก็นับว่ามีอิทธิพลอยู่บ้างเล็กน้อย ถึงตอนนั้นยังพอจะเอามาใช้ได้

ก่อนหน้านี้ตกลงเอาไว้แล้ว หลังงานประกวดนางคณิกาอันดับหนึ่ง ฮวาเสี่ยงหรงจะติดตามหลี่มู่ ไปจากหอสดับเซียน ดังนั้นนี่ก็เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะช่วยไป๋เซวียนช่วงชิงชื่อเสียงและตำแหน่งมา นางแอบหาหญิงบริสุทธิ์ที่งามพร้อมทั้งหน้าตาและความสามารถไว้แทนที่ฮวาเสี่ยงหรงแล้ว ถึงตอนนั้นขอแค่สร้างชื่อเสียงขจรขจายออกไป ไพ่ตายใบนี้ของหอสดับเซียนก็นับว่าเตรียมไว้พร้อมอย่างสมบูรณ์ จะโดดเด่นที่สุดในหมู่หอนางโลมของหน่วยเลี้ยงรับรองประมาณสามสี่ปีก็ไม่ใช่ปัญหาแน่นอน

ทำไมหลี่มู่จะมองความคิดของสตรีนางนี้ไม่ออก

พูดตามตรง คนอย่างไป๋เซวียนหากอยู่บนดาวโลกจะต้องเป็นคนที่มีความสามารถ เป็น CEO บริษัทใหญ่ที่กล้าเสี่ยงลงทุนแน่นอน หลี่มู่ไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไรคนแบบนี้ อีกทั้งนางยังเป็นผู้มีพระคุณของฮวาเสี่ยงหรงด้วย

“ดี เช่นนั้นก็ลำบากท่านแม่ไป๋แล้ว” หลี่มู่พูดยิ้มๆ

ไป๋เซวียนรีบรับคำไปตามมารยาท

หลี่มู่นึกอะไรขึ้นมาได้อีก จึงเอ่ย “ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้เรื่องที่ข้าขอร้องให้คนฝ่ายต่างๆ ในเมืองฉางอันช่วยตามหาเด็กรับใช้บัณฑิตหญิงที่ถูกลักพาตัวไป มีเค้าบ้างแล้วหรือยัง?” หลายวันมานี้หลี่มู่ยุ่งจนหัวหมุน จึงฝากให้ท่านแม่ไป๋ดูเรื่องนี้ให้

……………………………………