ตอนที่ 116 ผู้คนบนถนนแทบขาดใจ

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 116 ผู้คนบนถนนแทบขาดใจ

ตอนที่โจวเจ๋อกับนักพรตเฒ่าเดินออกมาจากโรงพยาบาล ไป๋อิงอิงนั่งรถแท็กซี่มาพอดี เธอใส่กางเกงยีนส์สีฟ้าและเสื้อฮู้ดสีขาวตัวหนึ่ง ดูแล้วสวยน่ารักสดใสเป็นอย่างมาก

ถึงแม้จะนอนหลับมานานสองร้อยปี แต่อายุของเธอกลับหยุดไว้ที่สิบหกปี

“เถ้าแก่” ไป๋อิงอิงทักทายโจวเจ๋อจากอีกฝั่งของถนน

“ดังนั้นสัตว์ป่าจึงก่อเรื่องง่ายกว่า” นักพรตเฒ่าสูดจมูก มองไป๋อิงอิงที่กำลังเดินข้ามถนน แล้วพูดอย่างทอดถอนใจว่า “สู้ตัวที่เลี้ยงที่บ้านไม่ได้รู้เรื่องกว่า”

ตอนนี้เรื่องราวชัดเจนมากแล้ว ฆาตกรที่อยู่เบื้องหลังมีความเป็นไปได้สูงว่าเป็นผีดิบตัวหนึ่ง และในร้านหนังสือ ก็มีผีดิบที่เลี้ยงไว้อยู่พอดี นั่นก็คือไป๋อิงอิง

นักพรตเฒ่าเห็นไป๋อิงอิงทำความสะอาดบ้านและต้อนรับลูกค้ากับตาตัวเอง พอทำงานเสร็จก็ยังต้องนอนเป็นเพื่อนโจวเจ๋ออีก ถือว่าเป็นพนักงานยุคใหม่แห่งศตวรรษใหม่ที่ชอบอุทิศตนมากที่สุด

“เถ้าแก่ เรื่องรุนแรงมากเหรอ” ไป๋อิงอิงเดินมาแล้วจึงถาม เพราะเธอรู้ดีว่า ถ้าหากเรื่องไม่ถึงขั้นรับมือยาก เถ้าแก่จะไม่เรียกเธอมาโดยเฉพาะ

โจวเจ๋อมองนักพรตเฒ่า “คุณอธิบายสถานการณ์ให้เธอฟังหน่อย” จากนั้นโจวเจ๋อจึงเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่ง แล้วทั้งหมดก็ขึ้นรถไปด้วยกัน

รถขับมาถึงย่านคฤหาสน์หรู หลังจากทั้งสามคนลงจากรถแล้วจึงเดินไปที่บ้านของหวังเคอโดยตรง

พอกดกริ่ง ไม่ช้าหวังเคอก็เปิดประตู เขายิ้มให้โจวเจ๋อและคนอื่นๆ แล้วผายมือทำท่า ‘เชิญ’

“น้ำซุปใกล้จะเสร็จแล้ว เดี๋ยวทุกคนดื่มด้วยกันนะครับ ต่อให้งานยุ่งก็จะปล่อยให้ร่างกายพังไม่ได้”

“ข้าเห็นด้วยกับที่เจ้าพูด”

นักพรตเฒ่าตื่นเต้นดีใจไม่หยุด เขาเพิ่งจะกินมื้อดึกได้ครึ่งเดียวก็ต้องรีบจ่ายเงินแล้ววิ่งกลับที่ไปโรงพยาบาลกับโจวเจ๋อ ตอนนี้เขายังกินไม่อิ่มท้องจริงๆ

ทุกคนนั่งลงในห้องรับแขก หวังเคอถือถือถาดที่ใส่ซุปเนื้อมาสี่ถ้วย แล้ววางตรงหน้าโจวเจ๋อ นักพรตเฒ่า รวมทั้งไป๋อิงอิงคนละถ้วย ของเขาเองก็ยกมาหนึ่งถ้วย

ซุปเนื้อน้ำใสมาก โรยด้วยต้นหอมหยดน้ำมันงาอีกสองหยด ทุกชามมีเนื้อสามชิ้น นักพรตเฒ่าไม่เกรงใจ ยกขึ้นมาแล้วกินเลย แถมยังกินอย่างเอร็ดอร่อยมาก

เมื่อเห็นนักพรตเฒ่ายกถ้วยกินคำใหญ่คำโต โจวเจ๋อที่นั่งอยู่ข้างๆ จึงส่ายหน้าเล็กน้อย ไม่รู้ว่าทำไม ในใจรู้สึกสะอิดสะเอียนเป็นพักๆ ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ดื่มน้ำซุปที่อยู่ตรงหน้าเลยสักนิด แต่ความรู้สึกคลื่นไส้แบบนั้นกลับรุนแรงมาก

ไป๋อิงอิงก็ไม่กินอะไร ไม่แตะน้ำซุปที่อยู่ตรงหน้า

“ว้าว ติดใจ!”

นักพรตเฒ่าใช้หลังมือเช็ดปาก เมื่อเห็นโจวเจ๋อไม่กิน จึงเอ่ยอย่างแปลกใจ “เถ้าแก่ กินหน่อยเถอะ ร่างกายจะได้อบอุ่น”

“ผมไม่หิว คุณกินเถอะ” โจวเจ๋อพูด

“อย่างนั้นเกรงใจแย่” นักพรตเฒ่าทำเป็นพูดปัด

“กินเถอะ อย่าฟุ่มเฟือย”

ขณะที่พูด โจวเจ๋อยังส่งซุปเนื้อที่อยู่ตรงหน้าไป๋อิงอิงก่อนหน้านั้นมาวางตรงหน้านักพรตเฒ่าด้วย

“ฮ่าๆ อย่างนั้นข้าปฏิเสธก็คงน่าเกลียด ฝีมือทำอาหารของคุณหวัง เยี่ยมจริงๆ” นักพรตเฒ่าเริ่มกินอย่างเอร็ดอร่อยอีกครั้ง

โจวเจ๋อรู้สึกว่าตัวเองทนดูไม่ไหวแล้ว จึงได้แต่ลุกขึ้นมองไปที่หวังเคอ “พูดเรื่องคดีเถอะ”

หวังเคอพยักหน้า วางชามกับตะเกียบที่อยู่ในมือ ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อแสดงตัวให้โจวเจ๋อไปห้องหนังสือพร้อมกับเขา

เอกสารมากมายถูกวางอยู่บนโต๊ะในห้องหนังสือ

“อะ นี่คือรูปที่เพิ่งส่งมา ศพที่ถูกผ่ายังดีอยู่ ไม่เกิดเรื่องอะไร แต่มีศพอีกสองสามศพที่ยังไม่ทันผ่า กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติ ศพกลายเป็นน้ำหนอง และยังเกิดการตอบสนองฉับไวบางอย่างที่ไม่สามารถเกิดขึ้นกับคนตายได้อย่างเช่นลุกขึ้นนั่งบนเปลหามกะทันหัน และยังมีคนได้ยินเสียงเดินอยู่ข้างใน หลังจากที่ฉันทราบข่าว ก็นึกถึงนายทันที”

หวังเคอวางรูปภาพซ้อนกันตรงหน้าโจวเจ๋อ โจวเจ๋อดูรูปภาพพลางถามว่า “ยังมีเบาะแสอะไรอีกไหม” เรื่องที่อยู่ในรูปภาพ โจวเจ๋อรู้ดี เขาเพิ่งประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้มาด้วยตัวเอง

“ทางตำรวจสืบตัวตนของผู้ตายทั้งหมดแล้ว อันที่จริงก็ไม่มีสิ่งที่เกินคาดอะไร ผู้ตายโดยพื้นฐานแล้วมีส่วนเกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลแห่งนั้น และเพราะเหตุนี้ แนวคิดของตำรวจก็คือฆ่ายกหมู่ ฆาตกรก่อเรื่องที่เสียสติแบบนี้จุดประสงค์ก็เพื่อแก้แค้น ตอนนี้ทางตำรวจได้เปลี่ยนจุดโฟกัสมาที่ผู้ต้องสงสัยที่เคยมีปัญหากับการรักษาของโรงพยาบาลแต่เรื่องนี้น่าแปลกใจมาก เพราะโรงพยาบาลแห่งนี้ไม่เคยผ่านการตรวจสอบ และเมื่อเกิดเรื่องที่ร้ายแรงขนาดนี้ มีบางสิ่งที่ปิดไม่มิดอย่างสิ้นเชิง นั่นก็คือการพนัน เกมพนันที่เดิมพันด้วยชีวิตคน นี่เป็นสิ่งที่ทำให้คนตกใจมาก”

หวังเคอยื่นมือขยับกรอบแว่นของตัวเอง ขณะเดียวกันก็เริ่มหมุนปากกาที่อยู่ในมือของตัวเอง

“มีอะไรอีกไหม” โจวเจ๋อถามต่อ

จนถึงตอนนี้ ข้อมูลที่หวังเคอได้รับเป็นสิ่งที่โจวเจ๋อรู้หมดแล้ว

“ไม่มีแล้ว ถ้าอยากจะระบุตัวฆาตกร อย่างแรกต้องจับต้นตอของห่วงโซ่ธุรกิจใต้ดินสีดำทั้งหมดก่อน จากนั้นค่อยเลือกจากคนที่แพ้พนัน โดยสืบจากนักพนันที่อยู่ในท้องถิ่นหรือในมณฑลนี้ นอกจากนี้ คนที่ถูกส่งไปเป็นเครื่องมือสำหรับการเล่นพนัน ครอบครัวของพวกเขาก็คือเป้าหมายสำคัญที่น่าสงสัย เมื่อดูจากตอนนี้ ผู้ต้องสงสัยในเวลานี้จึงมีเยอะมากจริงๆ ความยากของการสืบสวนจึงสูงมาก และต้องใช้เวลามาก ฉันกำลังรอข้อมูลที่ละเอียดกว่านี้”

โจวเจ๋อเริ่มทนไม่ไหว เขาลุกขึ้นเตรียมตัวบอกลา เพราะข้อมูลของหวังเคอสำหรับเขาแล้ว ไม่มีมูลค่าอะไร

“อย่าเพิ่งไปสิ นั่งอีกสักพักก่อน” หวังเคอรั้งให้อยู่ต่อ

“ดื่มน้ำซุปต่อเถอะ”

“อย่างนั้นก็ไม่มีอะไรต้องพูดแล้วจริงๆ” โจวเจ๋อเอ่ย

ถ้านายพูดว่าดื่มน้ำซุปต่อฉันจะไปจริงๆ แล้ว

“อันที่จริงยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ที่ทางตำรวจยังไม่รู้แต่ฉันกลับรู้แล้ว”

หวังเคอเอนตัวพิงไปข้างหลัง พลางมองโจวเจ๋อ สายตาของเขาที่ซ่อนอยู่ภายใต้เลนส์แว่นตา เห็นได้ชัดถึงความหนักอึ้ง “แต่ฉันกลัวว่านายจะเข้าใจฉันผิด”

“จะไม่พูดก็ได้”

โจวเจ๋อไม่ถามต่อ พูดตามจริง เรื่องนี้เขาจะสนใจหรือไม่สนใจก็ได้ เขาเป็นแค่ยมทูตเท่านั้น ไม่ใช่ปรมาจารย์ที่อยู่บนภูเขามังกรเสือ ไม่ได้รู้สึกอยากอุทิศตนเพื่อช่วยเหลือมวลมนุษย์มากขนาดนั้น

ผีดิบเถื่อน ตามหลักแล้วไม่อยู่ในขอบเขตการควบคุมของโจวเจ๋อ เว้นเสียแต่ว่าผีดิบตัวนั้นกินอิ่มแล้วจะฉวยโอกาสบุกมาโจมตีร้านหนังสือยามวิกาล

ไม่อย่างนั้นเขาสามารถกินๆ นอนๆ อยู่ที่ร้านหนังสือได้อย่างสิ้นเชิง และต่อให้ผีดิบตัวนั้นสมองมีปัญหาเป็นฝ่ายมาที่ร้านหนังสือเอง แต่มีตัวเขา มีไป๋อิงอิง และคุณถังอยู่ด้วย เกรงว่าสุดท้ายแล้วคนที่ซวยที่สุดก็คือผีดิบตัวนั้น

“ฉันบอกนายดีกว่า” หวังเคอหยิบรูปใบหนึ่งออกมาจากลิ้นชัก แล้วกลับหัววางตรงหน้าโจวเจ๋อ

ฉากหลังของรูปภาพเป็นป้ายของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งก็คือโรงพยาบาลที่เกิดเรื่อง โจวเจ๋อเห็นนาฬิกาเรือนใหญ่ที่คุ้นเคยอยู่ด้านหลังรูปภาพ

“ในรูปมีทั้งหมดสิบเจ็ดคน มียามสี่คน พยาบาลสี่คคน หมอสามคน ฝ่ายธุรการอีกสองคน และคนที่ยืนอยู่หน้าสุด มีอีกสี่คน สองคนที่อยู่ตรงกลางคือเถ้าแก่ที่ออกเงินสนับสนุนโรงพยาบาลกับคนรับผิดชอบแพลตฟอร์มการพนันที่นั่น คนที่อยู่ทางซ้ายสุดเป็นหมอที่มีชื่อเสียงโด่งดังคนหนึ่งในเมืองทงเฉิงที่เกษียณแล้ว

คดีเสียชีวิตของโรงพยาบาล ยามสี่คน พยาบาลสี่คน หมอสามคน บวกฝ่ายธุรการอีกสองคน ล้วนตายวันเดียวกัน และสี่คนที่อยู่แถวหน้าสุด มีสองคนที่ตายไล่เลี่ยกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อย่างเช่นคนที่ออกเงินให้โรงพยาบาล ถูกรถชนตายเมื่อสัปดาห์ก่อน ส่วนหมอแก่คนนี้ ถูกพบว่าตายอยู่ในบ้านเมื่อสามวันก่อน และเพิ่งได้ข่าวล่าสุดว่า เถ้าแก่แพลตฟอร์มการพนันนี้ตายคืนนี้ระหว่างที่หลบหนี…”

หวังเคอพูดพลางถอนหายใจ

โจวเจ๋อยื่นมือวางบนรูปภาพ จากนั้นจึงผลักนิ้วชี้ของหวังเคอที่วางอยู่บนรูปออกเบาๆ

“ฉันสงสัยว่า คนที่สี่ ยังไม่ตายใช่ไหม”

หวังเคอขยับนิ้วของตัวเองอย่างช้าๆ ใบหน้าทั้งสี่คนที่ถูกเขาใช้มือปิดก่อนหน้านั้นปรากฏออกมา เป็นใบหน้าที่คุ้นเคยมาก นั่นคือใบหน้าของหวังเคอ!

โจวเจ๋อเงยหน้ามองหวังเคอ

หวังเคอแบสองมือออก “ใจเย็น ฟังฉันอธิบายก่อน”

“น่าประหลาดใจมาก” โจวเจ๋อจุดบุหรี่หนึ่งมวน

“อย่าเพิ่งด่วนสรุป เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉันจริงๆ เถ้าแก่คนนี้เป็นเพื่อนที่อยู่ในหอของฉันตอนเรียนมหาวิทยาลัย เขาบอกว่าจะเปิดสถานพยาบาล จึงเชิญฉันไปร่วมงานตัดริบบิ้น ฉันจะหักหน้าไม่ได้ และในความเป็นจริงฐานะของฉันกับหมอคนนั้น วันนั้นแค่ไปร่วมงานเป็นพิธีเท่านั้น พวกเขาคิดจะทำอะไร อย่างเช่นเอาชีวิตมาเดิมพัน ฉันไม่รู้จริงๆ หลังจากเปิดกิจการแล้ว ฉันไม่เคยไปที่โรงพยาบาลนั้นอีกเลย และไม่เคยได้รับผลประโยชน์อะไรจากโรงพยาบาลนั้น ยิ่งเรื่องนี้ยิ่งไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับฉัน”

หวังเคอมองโจวเจ๋อ

“จริงๆ แล้วนายคงยากที่จะจินตนาการว่ากำไรของธุรกิจสีดำนี้มันเยอะแค่ไหน ต่อให้ขูดน้ำมันที่ลอยหน้าบางๆ ออกมาแค่ชั้นเดียวก็เป็นเม็ดเงินจำนวนมหาศาลแล้ว ถ้าหากฉันมีส่วนร่วมด้วยจริง ฉันยังจะต้องกลุ้มเรื่องเงินกับการพัฒนางานวิจัยทางจิตวิทยาของฉันทำไม เรื่องของลูกสาวคุณเจิ้งครั้งที่แล้ว นายก็มองออกว่าฉันร้อนเหมือนมดอยู่ในกระทะมากแค่ไหน ฉันไม่มีเงิน และถ้าหากฉันมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ ฉันยังต้องลำบากไปช่วยคุณเจิ้งไหม”

หวังเคอพูดมีเหตุผลมาก

เพราะเขาไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้จากนั้นก็ค่อยมาแสดงละครต่อหน้าโจวเจ๋อ

“ดังนั้น ที่นายเรียกฉันมาช่วยกันดูคดี หยิบหลักฐานมาให้ฉันดู เป็นแค่ข้ออ้าง” โจวเจ๋อพ่นควันบุหรี่ออมา จากนั้นเขี่ยบุหรี่ มองเห็นขี้บุหรี่ตกลงบนพื้นพรมในห้องหนังสือ แล้วค่อยๆ พูดว่า

“จุดประสงค์ที่แท้จริงของนาย จริงๆ แล้วตัวเองก็กลัวตาย จึงอยากให้ฉันปกป้องนายใช่ไหม”

“อย่าพูดให้พี่ชายดูแย่ขนาดนั้น” หวังเคอถอดแว่นตากรอบทอง แล้วคลึงระหว่างคิ้วของตัวเองเอ่ยว่า “ฉันเป็นโปรไฟล์เลอร์ ภาพสเก็ตช์ที่ฉันได้มาล่าสุด เหมือนนายมากจริงๆ ที่ฉันเรียกนายมา จริงๆ แล้วอยากพูดกับนายตามตรง เพราะฉันรู้สึกว่าคนพวกนั้นนายอาจจะเป็นคนฆ่า ตัวตนของนาย…อืม ฉันเองก็รู้ ถ้าหากเป็นนาย ฉันเรียกนายมา ก็ลดความยุ่งยากได้ใช่ไหม”

โจวเจ๋อส่ายหน้า “ฉันไม่ว่างขนาดนั้น”

“ถ้าหากไม่ใช่นาย อย่างนั้นฉันอาจจะตายคืนนี้หรือไม่ก็วันพรุ่งนี้” หวังเคอส่ายหน้าอย่างจนปัญญา

“ฉันจะอยู่ถึงวันพรุ่งนี้แล้วค่อยกลับ ทางที่ดีนายจงภาวนาให้ฆาตกรมาหานายคืนนี้”

อีกความหมายหนึ่งคือ ถ้าเกินเวลาก็ไม่รอแล้ว โจวเจ๋อไม่ใช่บอดี้การ์ดของหวังเคอเสียหน่อย

“ภรรยากับลูกของนายล่ะ” โจวเจ๋อถาม

“ฉันให้พวกเธอขึ้นไปพักผ่อนข้างบนตั้งนานแล้ว ฉันไม่อยากทำให้เธอตกใจ ยังดีที่ฆาตกรนั่นตอนนี้แค่ฆ่าคนในรูปเท่านั้น ไม่ได้คิดจะฆ่าล้างตระกูล”

โจวเจ๋อได้ยินแล้วจึงพยักหน้า

พอเดินออกมาจากห้องหนังสือ โจวเจ๋อเห็นนักพรตเฒ่ากินซุปเนื้อสามถ้วยที่อยู่บนโต๊ะน้ำชาจนเกลี้ยง และกำลังเอนตัวนั่งลูบท้องของตัวเองอยู่บนโซฟา

“อร่อยไหมครับ” หวังเคอถาม

“อร่อยมาก ฝีมือเยี่ยม ส่วนเนื้อก็หอมมาก” นักพรตเฒ่าพูดชม

“ฮ่าๆ นี่เป็นเนื้อหมูสดที่วันนี้ภรรยาของผมตั้งใจไปซื้อจากเกษตรกร”

“มีความตั้งใจมาก” นักพรตเฒ่าเลียปากแผล็บๆ

“ในหม้อยังมีอีก เดี๋ยวผมไปอุ่นให้ร้อนก่อน”

“ได้แบบนั้นก็ดี” เห็นได้ชัดว่านักพรตเฒ่ายังกินไม่อิ่ม รอให้อาหารย่อยแล้ว เขายังกินได้ต่อ

เวลานี้เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากข้างบน

“ที่รักคะ มีแขกมาเหรอ”

“ครับ คุณพักผ่อนต่อเถอะ”

“โอเค ที่รักคะ คุณก็รีบทำงานแล้วพักผ่อนนะคะ ของในครัวเดี๋ยววันพรุ่งนี้ฉันจัดการเอง”

หญิงสาวยืนพูดอยู่ตรงมุมบันได จากนั้นก็หมุนตัวแล้วเดินเข้าไปในห้องนอน

เธอนอนอลงบนเตียง นี่เป็นเตียงใหญ่สีแดง แสดงออกถึงความน่ายินดี แน่นอนว่าดูเชยอยู่บ้าง ตอนนี้คนที่ใช้ผ้าปูเตียงสีแดงสดแบบนี้ แม้แต่ตามชนบทก็มีน้อยมากแล้ว อีกทั้งขอบผ้าปูเตียงยังมีหยดสีแดงกำลังหยดลงมารวมเป็นแอ่งน้ำใต้เตียง ติ๊กๆๆ…

…………………………………………………………………………