บทที่ 41 วิกฤติฐานเขียวเหล็ก

Your Talent Is Mine ระบบคัดลอกพรสวรรค์

“เสี่ยวหยู นี่คือเทคนิคหลอมกายาขั้นพื้นฐาน พี่จะแสดงให้น้องดู ตั้งใจดูให้ดี”

เย่เทียนยืนอยู่กลางลานบ้านและสาธิตเทคนิคหลอมกายาขั้นพื้นฐานให้กับน้องสาวของเขา

เย่หยุตั้งใจอย่างมาก เพียงเจ็ดถึงแปดวันเธอก็เข้าใจเทคนิคพื้นฐานทั้งหมด

หลังจากนั้นเย่หยูก็สามารถฝึกฝนได้อย่างอิสระ

ตอนนี้เย่เทียนยังไม่มอบเลือดสัตว์อสูรแก่เย่หยู เขาต้องการให้เธอวางรากฐานที่มั่นคง อย่างน้อยหลังจากที่เธอก้าวเข้าสู่ระดับนักรบแล้ว ค่อยให้เลือดสัตว์อสูรระดับต่าเพื่อช่วยเธอในการ ฝึกฝน

เย่เทียนก็ไม่ได้ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า เขาทุ่มเทให้กับการฝึกฝนในทุกๆวัน หลังจากผ่านการฝึกฝนมาเป็นเวลานาน ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอีกส่วนหนึ่งเป็น 35,000 จิน หลังจากใช้พรสวรรค์ด้านความแข็งแกร่งระดับสูง พลังของเขาสามารถเทียบเท่ากับ 350,000 ชิ้น

ความเร็วในการก้าวหน้าเช่นนี้เพียงพอที่จะทําให้นักรบนับไม่ถ้วนอับอายขายหน้า

แต่เย่เทียนยังคงไม่พอใจ เพราะเขารู้ว่าเขามีเพียงพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสูงเท่านั้น อัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสูงหรือสูงกว่านั้นคงจะสามารถบ่มเพาะก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วกว่าเขามาก

ดังนั้น

เขาต้องเพิ่มความแข็งแกร่งให้เร็วกว่านี้ และคัดลอกพรสวรรค์เพื่อลบข้อบกพร่องของตัวเอง ไม่ช้าก็เร็วพรสวรรค์ของเขาจะเหนือกว่าอัจฉริยะทุกคนบนโลกใบนี้

“อีกไม่กี่วันเราจะสามารถคัดลอกพรสวรรค์ได้อีกครั้ง!”

เย่เทียนกล่าวด้วยความคาดหวัง

วันต่อมา

เย่เทียนมุ่งหน้าไปยังหุบเขาเขียวขจี เพื่อเตรียมล่าสัตว์อสูรระดับกลางอีกครั้ง

เขาจําเป็นต้องใช้เลือดของสัตว์อสูรระดับกลางในการบ่มเพาะ และเลือดของสัตว์อสูรระดับกลางเป็นทรัพยากรที่หาได้ยากยิ่ง แม้แต่ในตลาดมืดก็ยังหาได้ยาก เมื่อไหร่ก็ตามที่มันถูกปล่อยออกมาก็จะถูกซื้อไปโดยนักรบจากตระกูลใหญ่ในทันที

เย่เทียนสามารถซื้อเลือดสัตว์อสูรระดับกลางได้โดยบังเอิญ แต่จํานวนมันก็น้อยเกินไป

เขามีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสูง ความเร็วในการกลั่นเลือดของสัตว์อสูรระดับกลางนั้นรวดเร็วมาก ดังนั้นเลือดของสัตว์อสูรระดับกลางที่เขาใช้ไปนั้นจึงมากกว่านักรบชั้นยอดคนอื่นๆ เลือดของสัตว์อสูรระดับกลางของเขาถูกใช้หมดไปนานแล้ว และที่เขาซื้อมาก็ไม่เพียงพอต่อการฝึกฝน ดังนั้นเย่เทียนจึงจําเป็นต้องออกมาล่าสัตว์อสูรระดับกลางที่หุบเขาเขียวขจีอีกครั้ง

แต่เมื่อเขาเดินไปตามท้องถนน เขาพบว่ามีนักรบหลายคนกําลังเดินกันเป็นกลุ่มและแบกกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่ ในกระเป๋าเหล่านั้นจะเห็นได้ว่ามันเป็นสิ่งของที่ใช้ในชีวิตประจําวัน

ปัญหาคือ นักรบเหล่านี้ไม่ใช่คนที่เขาคุ้นหน้าและไม่เหมือนนักรบจากฐานหลินไห่

“มีนักรบชั้นยอดมากมาย! ”

เมื่อเย่เทียนมองออกไปเขาพบว่ากลุ่มคนพวกนี้ประกอบไปด้วยนักรบชั้นยอดสิบกว่าคน เขาอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา

ประเด็นคือมีทีมแบบนี้มีมากกว่าหนึ่งทีม ตลอดทางเขาได้พบกับทีมแบบนี้อย่างน้อยสามทีม

“น่าจะเป็นนักรบชั้นยอดจากฐานอื่น!”

เย่เทียนเพียงคาดเดา

เมื่อนักรบจํานวนมากเข้ามาในฐานหลินไห่ แน่นอนว่าต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

แม้ว่าฐานหลินไห่จะแลกเปลี่ยนการค้ากับฐานเขียวเหล็ก แต่ก็ไม่จําเป็นต้องส่งนักรบชั้นยอดจํานวนมากออกมา ที่สําคัญคือขบวนเหล่านี้ดูไม่เหมือนขบวนสินค้าเลย มันดูคล้ายกับการมาพักที่นี่มากกว่าแต่เย่เทียนก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาเดินออกจากฐานมุ่งหน้าออกไปล่าสัตว์อสูรตามเป้าหมายเดิม

ในขณะเดียวกัน

ตระกูลหลิน

หลินว่านหลี่ หลินเจ๋อและผู้ฝึกยุทธคนอื่นๆ กําลังขมวดคิ้วแน่น
“พี่ใหญ่ ข่าวนี้ถูกต้องหรือไม่?”

หลินเจ่อขมวดคิ้ว

หลินว่านหลี่ถอนหายใจ”ข่าวนี้ถูกส่งมาจากช่องทางลับของฐานเขียวเหล็ก มันต้องเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน” ข้ารู้สึกว่าฐานเขียวเหล็กนั้นทําตัวไม่ปกติ พวกมันไม่มีทางที่จะให้การช่วยเหลือฐานหลินไหโดยไม่หวังผลประโยชน์ใดๆ คิดไม่ถึงเลยว่าพวกมันจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ดูเหมือนว่าพวกมันจะเริ่มย้ายเข้ามาอยู่ในฐานหลินไห่ของเราแล้ว ”

ตอนแรกที่หลินว่านหลี่ได้รับข่าว เขาไม่เชื่อว่ามันเป็นความจริง

แต่หลังจากสอบถามข้อมูลครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายก็สามารถยืนยันได้อย่างแน่ชัด

แม้ว่าฐานเขียวเหล็กจะเป็นฐานขนาดกลาง มีปรมาจารย์ 2 คน และนักรบผู้เชี่ยวชาญหลายสิบคน แต่ก็เป็นเพียงฐานขนาดกลางเท่านั้น
ในตอนนี้มีสัตว์อสูรขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในบริเวณฐานเขียวเหล็ก จ่าฝูงของพวกมันกําลังจะวิวัฒนาการกลายเป็นสัตว์อสูรระดับราชา หากกระบวนการวิวัฒนาการแล้วเสร็จ สัตว์อสูรขนาดใหญ่เหล่านั้นจะต้องขยายอาณาเขตของพวกมันอย่างแน่นอน และฐานเขียวเหล็กที่อยู่ใกล้ที่สุด จะได้รับผลกระทบเป็นที่แรก

หากสามารถหยุดยั้งสัตว์อสูรได้ล่ะก็ วิกฤติของฐานเขียวเหล็กย่อมสามารถผ่านพ้นไปได้ แต่ประเด็นคือฐานเขียวเหล็กไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสัตว์อสูรระดับราชา

สําหรับการขอความช่วยเหลือจากฐานทัพใหญ่อื่นๆนั้น ฐานเขียวเหล็กลองพยายามแล้ว แต่ก็ไม่เป็นผลพวกเขาไม่สามารถเชิญผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นมาช่วยเหลือได้

เพื่อรักษาชีวิตขิงผู้คนในฐาน ฐานเขียวเหล็กจึงต้องการส่งคนย้ายเข้ามายังฐานหลินไห่ที่อยู่ใกล้ที่สุด

แต่ฐานเขี้ยวเหล็กกังวลว่าฐานหลินไห่จะไม่เต็มใจ จึงวางแผนการค้าเพื่อเชื่อมเส้นทาง

นักรบคนอื่นๆในตระกูลหลินเมื่อรู้ว่าสถานการณ์เป็นเช่นนี้ก็เต็มไปด้วยความกังวล เมื่อผู้ฝึกยุทธจากฐานเขี้ยวเหล็กย้ายเข้ามาอยู่ในฐานหลินไห่ ขั้วอํานาจของฐานหลินไห่จะต้องถูกทําลายอย่างแน่นอน แม้แต่ตระกูลหลินเองก็จะไม่ใช่ผู้กุมอ่านาจของฐานหลินไห่อีกต่อไป

“พี่ใหญ่ ทําไมเราไม่ปฏิเสธการอพยพของฐานเขียวเหล็กล่ะ?”

หลินเจ๋อเสนอ

“เราทําอย่างนั้นไม่ได้!” หลินว่านหลี่ส่ายหัว “เราได้ทําสัญญากับฐานเขียวเหล็กแล้ว หากพวกเราทําผิดคําสัญญา ฐานเขียวเหล็กก็จะมีข้ออ้างที่จะจัดการตระกูลหลินของเรา ตอนนี้ฐานเขี้ยวเหล็กใช้ข้ออ้างทางการค้า ส่งนักรบจํานวนมากเข้ามาอยู่ในฐานหลินไห่ พวกเขาบอกว่าเป็นขบวนสินค้า เราจึงไม่สามารถขับไล่พวกเขาออกไปได้ หากคนจากฐานเขียวเหล็กจํานวนมากมาถึง ฐานหลินไห่ก็ไม่ใช่ฐานของเราอีกต่อไป! ”

ทุกคนต่างครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง และหันมองหน้ากัน แต่ไม่มีใครเลยที่คิดหาวิธีการหาทางออกของปัญหานี้ได้

“ข้าเดินหมากพลาดแค่ก้าวเดียวเท่านั้น!”
หลินว่านหลี่กล่าว

ตอนเย็น

เย่เทียนกลับมาพร้อมกับวัตถุดิบและเลือดของสัตว์อสูรระดับกลางจํานวนมาก

หลังจากนั้น เขาก็ได้สอบถามหมาป่าวายุและคนอื่นๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ เขาถึงได้รู้ว่าฐานเขี้ยวเหล็กได้ส่งคนจํานวนมากมาประจําการที่ฐานหลินไห่ พวกเขาไม่ได้มาทําธุรกิจ แต่เลือกที่จะเช่าบ้านและวิลล่าเท่านั้น ราวกับว่าพวกเขาต้องการที่จะอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน

ไม่กี่วันต่อมา ข่าวก็เริ่มแพร่สะพัด

ผู้คนจากฐานเขี้ยวเหล็กก่าลังย้ายออกจากฐานเขียวเหล็กเพื่อมาอยู่ในฐานหลินไห่

แม้แต่บางคนของฐานเขียวเหล็กก็กําลังสร้างบ้านอยู่ด้านนอกของฐานหลินไห่ และพร้อมที่จะขยายฐานหลินไห่เพื่อรองรับผู้คนมากขึ้น

ตระกูลหลินไม่สามารถหยุดการกระทํานี้ได้ เนื่องจากที่ดินนอกฐานหลินไห่ไม่ใช่ของฐานหลินไห่ แต่เป็นเขตหุบเขาเขียวขจี คนของฐานเขี้ยวเหล็กสร้างบ้านในพื้นที่นี้ ซึ่งไม่ถือว่าเป็นการแหกกฎ

เหตุผลที่ฐานเขียวเหล็กย้ายออกจากฐานของพวกเขาก็แพร่สะพัดออกมา มันเป็นเพราะภัยคุกคามจากสัตว์อสูร ตอนนี้ฐานเขี้ยวเหล็กใกล้จะจบสิ้นแล้ว!

เมื่อเย่เทียนได้ยินข่าวนี้ เขาก็ตกใจเช่นกัน

ที่นั่นเป็นถึงฐานขนาดกลาง และยังมีปรมาจารย์อีก 2 คนคอยควบคุมดูแลอยู่ ด้วยความแข็งแกร่งขนาดนี้พวกเขายังไม่สามารถต่อกลอนกับสัตว์อสูรเหล่านั้นได้

ดูเหมือนว่านี้จะเป็นปัญหาแล้ว

แต่เมื่อฐานเขี้ยวเหล็กอพยพเสร็จสิ้น ไม่แน่ว่าวันหนึ่งสัตว์อสูรพวกนั้นจะมุ่งหน้ามายังฐานหลินไห่ หากเป็นเช่นนั้นจริงฐานหลินไหก็คงจะต้องเผชิญกับการล่มสลาย

“เราต้องแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็วที่สุด มีเพียงความแข็งแกร่งที่เท่านั้นที่จะสามารถรับประกันความปลอดภัยของเราและน้องสาวได้!”

เย่เทียนกล่าวอย่างร้อนรน

ดังนั้น

เขาต้องฝึกฝนอย่างหนักเพื่อยกระดับความแข็งแกร่ง
วันนี้

เย่เทียนตรวจสอบข้อมูลของสัตว์อสูรจํานวนมากที่บ้าน และเตรียมที่จะออกค้นหาสัตว์อสูรที่มีพรสวรรค์ด้านความเร็วเพื่อคัดลอกพรสวรรค์ของมัน

ทันใดนั้นสายตาของเขาก็จับจ้องไปที่ข้อมูลของสัตว์อสูรชนิดหนึ่ง
“เสือดาวทมิฬ!”