เล่ม 1 ตอนที่ 237 หนทางสู่บันไดสวรรค์

ราชินีพลิกสวรรค์

“เหตุใดจึงไม่มีการเคลื่อนไหวแล้ว”

 

 

เจียงหลีที่อยู่ริมฝั่งทะเลเมฆดูเชือกในมือแล้วขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

 

 

เสียงของโจวยวนหายไปได้สักพักหนึ่งแล้ว เชือกในมือของนางขยับไปมาสักพักก็ไม่มีการตอบสนองใดๆ เกิดขึ้นอีก

 

 

“อย่าใจร้อน” มู่ชิงเกอเอ่ยปลอบ

 

 

เจียงหลีพยักหน้าแต่นัยน์ตายังคงฉายแววกังวล

 

 

ทันใดนั้นเชือกในมือของนางก็ขยับถูกดึงสามครั้ง นี่คือรหัสลับที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันตอนที่จะแยกจากกัน หากดึงเชือกสามครั้งนั่นหมายความว่าลู่เสวียนและเจียงเฮ่าไปถึงอีกฝั่งหนึ่งแล้ว

 

 

“พวกเขาข้ามไปถึงแล้ว” เจียงหลีเผยยิ้มให้มู่ชิงเกอ

 

 

“พวกเราก็ไปกันเถอะ” มู่ชิงเกอโยนเชือกในมือทิ้งแล้วปัดมือ

 

 

ในเมื่อพวกเขาทั้งสองข้ามไปถึงแน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องใช้เชือกอีก อย่างไรก็ตามมู่ชิงเกออยู่ที่แห่งนี้แม้จะจำกัดการฝึกฝนแต่ก็ยังคงความแข็งแกร่ง

 

 

พวกนางสองคนผ่านโซ่ไปอย่างราบรื่น ไม่พบคนอื่นๆ

 

 

เมื่อเห็นลู่เสวียนกับเจียงเฮ่าอีกครั้งจึงพบว่ามีหนึ่งร้อยแปดสิบคะแนนอยู่ในมือของพวกเขาแล้ว

 

 

“ข้าถือว่าผ่านเข้ารอบหรือยัง” เจียงหลีมองสองคนนั้นด้วยความฉงน

 

 

นางข้ามผ่านสายโซ่มาได้แต่กลับไม่พบเห็นคู่ต่อสู้เลย เช่นนั้นหากตัดสินตามกฎแล้วสรุปนางทำภารกิจสำเร็จหรือไม่

 

 

ในขณะที่นางกำลังงุนงงสงสัยอยู่ จู่ๆ ก็มีเสียงดังลอยมาจากทะเลเมฆ “ผ่านโซ่มาได้โดยไม่มีการต่อสู้ คะแนนสะสมห้าสิบคะแนน”

 

 

“แค่ห้าสิบคะแนนเอง!” เจียงหลีเหยียดริมฝีปากอย่างไม่พอใจ

 

 

รู้อย่างนี้นางหวังให้มีใครหลายๆ คนมาให้นางปล่อยระเบิดลงเหว

 

 

เมื่อเห็นท่าทางกลัดกลุ้มของนาง เจียงเฮ่าจึงพูดเอาอกเอาใจ “อย่าเบะปากหน้ามุ่ยไปเลย หากไม่เหนือบ่ากว่าแรงพี่ชายจะเทคะแนนทั้งหมดให้เจ้าเอง”

 

 

เอ่อ!

 

 

เจียงหลียิ้มแหยๆ โบกมือไหวๆ “ไม่ต้องหรอก” นางมีคะแนนสะสมอยู่มากโข ไม่จำเป็นต้องให้เจียงเฮ่าเสียสละตัวเองเพื่อนาง

 

 

“แล้วพวกเราต้องไปไหนต่อ” ลู่เสวียนเอ่ยถาม

 

 

เจียงหลีเบนสายตามองเขาราวกับค้นหาความผิดปกติจากสีหน้าของเขา แต่กลับไม่พบสิ่งใด นางจึงอดถอนหายใจไม่ได้ เจ้าเด็กคนนี้ค่อยๆ เติบโตเต็มที่แล้วสินะ

 

 

บางคนถูกลิขิตให้กลายเป็นเพียงผู้ผ่านไปมาในชีวิต ในขณะที่บางคนอาจกลายเป็นนิรันดร์

 

 

คว้าเอาไว้ได้แล้วปล่อยวางได้ถึงจะเป็นยอดปัญญา

 

 

“หืม” จู่ๆ มู่ชิงเกอก็มองเจียงหลีด้วยสายตาแปลกๆ

 

 

เมื่อครู่นี้นางรู้สึกถึงโพธิจิตจากตัวของเจียงหลี

 

 

โพธิจิตคือหัวใจแห่งการบำเพ็ญเพียร!

 

 

หลังจากฝึกบำเพ็ญในระดับที่มั่นคงแล้วจึงจะค่อยๆ รู้แจ้งแก่ตน

 

 

แต่เจียงหลีนั้นแตกต่างออกไป นางเป็นคนมาจากสองโลกและมีประสบการณ์ทั้งสองโลก ทั้งยังเป็นผู้บำเพ็ญจากทั้งสองโลกอีกด้วย จุดเริ่มต้นโพธิจิตของนางถึงได้สูงส่งกว่าคนธรรมดาอย่างมิต้องสงสัย

 

 

บางทีโพธิจิตของนางยังไม่ชัดเจนพอ แม้กระทั่งตัวเจียงหลีเองก็ยังมิทันสังเกต แต่มู่ชิงเกอเชื่อมั่นว่ายามที่นางรู้สึกถึงการมีอยู่ของโพธิจิต การฝึกบำเพ็ญของนางจะก้าวกระโดดแล้วระเบิดศักยภาพที่น่าทึ่งออกมา

 

 

“เจ้ามองอะไร” เจียงหลีหันมามองมู่ชิงเกอ

 

 

มู่ชิงเกอระงับความคิด นางยิ้มให้แล้วส่ายหน้า “เจ้าสวย”

 

 

“เหอะๆ” เจียงหลียิ้มเย็น “เจ้ากำลังประชดข้า”

 

 

มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว “กล่าวหากันชัดๆ”

 

 

เจียงหลีจ้องนางเขม็งราวกับกำลังใช้สายตาพูดว่า ดูสภาพเจ้าตอนนี้สิจะมาเทียบกับยอดโฉมแห่งยุคในชาติก่อนของข้าได้อย่างไร

 

 

จู่ๆ เจียงหลีเดินขยับเข้าใกล้มู่ชิงเกอ

 

 

มู่ชิงเกอยักคิ้วมองนางไม่สะทกสะท้าน

 

 

“นี่ เจ้ามียาจำพวกเพิ่มขนาดหน้าอกหรือเปล่า เอาให้ข้าสักเม็ดสองเม็ดสิ” เจียงหลีกระซิบเสียงเบา

 

 

แค่กๆ มู่ชิงเกอกลั้นขำจนกระแอมไอ ในขณะที่เจียงหลีกำลังหน้าดำคร่ำเครียดนางก็ส่ายหน้าแล้วแบมือ “เจ้าคิดว่าข้าว่างขนาดนั้นเลยเชียวหรือ”

 

 

“หาว่าเจ้าว่างมากที่ไหนกัน เจ้านี่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนจริงๆ” เจียงหลีทำอย่างกับโดนเหยียบหางเข้าใจจนเสียงดังแปดหลอด

 

 

ทั้งเจียงเฮ่าและลู่เสวียนมองไปที่สองคนอย่างประหลาดใจ สีหน้าอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับหัวข้อสนทนาของพวกนาง

 

 

​ฮ่าๆๆ!

 

 

มู่ชิงเกอหัวเราะออกมาอย่างเหลืออด หลังจากหยุดขำนางก็มองเจียงหลีที่หน้าดำคร่ำเครียดด้วยความเห็นอกเห็นใจแล้วจึงยกมือขึ้นลูบผมนางเบาๆ ก่อนจะเอ่ยปลอบ “ช่วงนี้เจ้าอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ กินของบำรุงเยอะๆ ยังพอมีทางช่วยอยู่”

 

 

“เจ้าปรุงยาให้ข้าสักสองสามเม็ดสิ” เจียงหลีปัดคำชี้แนะทิ้งแล้วขบกรามพูด

 

 

“ไม่มี” มู่ชิงเกอตอบแบบขอไปที

 

 

“มู่! ชิง! เกอ!” เจียงหลีกัดฟันพูด

 

 

“พวกเจ้ากำลังคุยอะไรกัน บำรุงอะไรหรือ” เจียงเฮ่าเดินเข้ามาถามด้วยความสงสัย

 

 

สิ่งที่เขากังวลที่สุดคือเกิดปัญหากับร่างกายของน้องสาวเขาแล้วจำเป็นต้องบำรุงกำลัง เมื่อเห็นสายตาห่วงใยจากเขาเจียงหลีจึงสูดหายใจลึกแล้วแย้มยิ้มหยีตาให้ “เปล่า พี่ฟังผิดแล้ว”

 

 

“อ่อ” เจียงเฮ่าตกใจกับการแสดงสีหน้าของน้องสาว เจียงเฮ่ากลับไปยืนข้างลู่เสวียนด้วยสีหน้างุนงง เขาและลู่เสวียนมองพวกนางสองคนราวกับเด็กน้อยขี้สงสัย

 

 

“เดินไปข้างหน้ากันต่อเถอะ” มู่ชิงเกอแสดงความเห็น

 

 

เจียงเฮ่ากับลู่เสวียนเดินไปข้างหน้าเพื่อสำรวจเส้นทางทันที ในขณะที่สองคนนั้นกลับเดินรั้งท้ายพูดคุยกันเสียงต่ำ

 

 

“มีหรือเปล่า”

 

 

“ไม่มี”

 

 

“ไม่ปรุงยาให้จริงๆ หรือ”

 

 

“ไม่ปรุง”

 

 

“ชิงเกอคนดี ข้าขอร้องเจ้าล่ะ”

 

 

“ราชินีผู้แสนดี เจ้าช่วยสำรวมหน่อย”

 

 

“ฮึ่ย!”

 

 

ราชินีผู้นั้นที่ว่าเมื่อวิงวอนไม่ได้ผลก็บิดหน้าหนีอย่างเย่อหยิ่ง

 

 

มู่ชิงเกอมองนางอย่างเอือมระอา จากนั้นจึงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เจ้าในตอนนี้ถึงแม้จะไม่เทียบเท่าเจ้าในเมื่อก่อนแต่ก็ไม่ได้ถือว่าแย่ รอให้โตกว่านี้เป็นสาวสวยวัยแรกแย้ม เจ้าจะรีบร้อนไปทำไม”

 

 

เจียงหลีมองนางอย่างหงุดหงิดโดยไม่พูดอะไร

 

 

มู่ชิงเกอก็ขำให้อีก “อย่างไรเสียก็มีคนที่ต้องการเจ้าแล้วมิใช่หรือ ทำไมถึงยังสนใจเรื่องพวกนี้อีก”

 

 

“ใครใช้ให้เจ้านั่นเป็นพระอิฐพระปูนกันล่ะ ข้าว่านะ หากข้าเป็นดั่งเช่นกาลก่อน เขาคงอดใจไม่ไหวแน่ๆ” เจียงหลีกอดอกเผยให้เห็นแค่ปทุมถันยอดเล็กๆ สองยอดเท่านั้น ไม่มีทางเทียบเท่าความอวบอิ่มของนางในชาติที่แล้วได้เลย

 

 

!

 

 

มู่ชิงเกอตกใจกับคำพูดของนางจนแทบสะดุดล้ม แม่นางผู้นี้ช่างใจกล้าบ้าบิ่นจริงๆ

 

 

เมื่อเห็นท่าทางลำบากใจของมู่ชิงเกอ เจียงหลีจึงนึกอยากแกล้งขึ้นมาในใจ นางแอบลอบถาม “ชิงเกอ แอบบอกข้าหน่อยสิว่าราชาเทวะแข็งแกร่งหรือไม่”

 

 

“หุบปาก”

 

 

“บอกหน่อยสิ”

 

 

“ข้าบอกให้เจ้าหุบปาก”

 

 

“ไอ้หยา ชิงเกอ เจ้าหน้าแดงใหญ่แล้ว”

 

 

“…”

 

 

ห้าวันผ่านไปสำหรับการทดสอบ

 

 

อีกสองวันก็จะสิ้นสุดระยะเวลาทดสอบ

 

 

หลังจากรวมตัวกับลู่เสวียนและเจียงเฮ่าแล้วทั้งสี่คนก็เดินไปด้วยกัน

 

 

เมื่อเจอกับภารกิจต่างๆ เจียงหลีจึงมอบหมายให้ลู่เสวียนและเจียงเฮ่าเป็นคนทำ อย่างไรเสียนางมีคะแนนสะสมมากอยู่แล้วจึงไม่ต้องเป็นกังวล

 

 

ในวันนี้พวกเขาเดินไปมาระหว่างภูเขาสูงตระหง่านที่ทอดยาวไม่สิ้นสุด ต้นไม้หนาทึบและแข็งแรง ไม่รู้ว่าพวกมันยืนต้นเติบโตมากี่ปีแล้ว

 

 

“มีทางบันไดหินอยู่ที่นี่” ทันใดนั้นลู่เสวียนก็พบเบาะแสในโพรงหญ้า

 

 

สามคนนั้นเดินเข้ามารวมยืนอยู่ด้านนอกบันไดหินพร้อมกับเขา

 

 

บันไดหินโบราณเรียบๆ ทอดยาวขึ้นไปตามสันเขาทิวเขาจนไม่เห็นปลายทางราวกับว่ามันลอยขึ้นไปบนฟ้า

 

 

“บันไดสวรรค์หรือ จุดสิ้นสุดการทดสอบ” ข้างบันไดหินยังมีป้ายแผ่นหินตั้งอยู่ เจียงเฮ่าอ่านตัวอักษรบนนั้นออกมา

 

 

“หมายความว่า พวกเราต้องขึ้นไปตามทางบันไดหินใช่ไหม” ลู่เสวียนเอ่ยขึ้น

 

 

เจียงหลีแสยะยิ้มพูดด้วยความกล้าหาญ “เช่นนั้นก็ขึ้นไปกันเถอะ” กล่าวจบนางก็รีบเหยียบขึ้นบันไดหินก่อนใคร

 

 

ทั้งสี่คนกลับไม่รู้ว่าในขณะที่พวกเขาค้นพบบันไดหินนี้ มีบันไดหินอีกมากหลายแห่งถูกผู้เข้าร่วมทดสอบคนอื่นค้นพบเช่นกัน