ข่าวที่ถังหนิงปรากฏตัวขึ้นที่ศูนย์การค้าแพร่สะพัดไปทั่วปักกิ่งอย่างรวดเร็ว ในสายตาคนทั่วไป พวกเขากำลังพยายามรั้งนักแสดงคนหนึ่งเอาไว้ด้วยใจจริง หากแต่สำหรับคนอื่นๆ ในวงการ พวกเขารู้สึกว่าถังหนิงกำลังทำตัวน่ารังเกียจ
ทุกคนในวงการต่างรู้ว่าแฟนคลับเป็นกลุ่มคนที่คาดเดาไม่ได้ มันเป็นสิ่งที่ถูกยกมาพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นสำหรับคนในวงการจึงดูเหมือนถังหนิงกำลังแสร้งแกล้งทำ
ทว่าหลังจากปรากฏตัวเพียงครั้งเดียวที่โรงภาพยนตร์ ก็ไม่มีใครได้เห็นถังหนิงต่อหน้าสาธารณชนอีก เธอไม่ได้กำลังพยายามเรียกร้องความสนใจอย่างที่บางคนคิดอย่างแน่นอน
“ได้ดูหนังของตัวเองแล้วรู้สึกยังไงบ้าง” เฉียวเซินเอ่ยถาม เขาต้องการลองเชิงถังหนิงเผื่อว่าเธอคิดจะเปลี่ยนใจอย่างที่นักแสดงคนอื่นๆ เป็นกันบ่อยครั้ง
“ถ้าฉันมีโอกาสอีกครั้ง ฉันจะทำให้ดีกว่านี้ค่ะ” ถังหนิงตอบ
หลังจากได้ยินคำตอบของเธอ เชี่ยวเซินหลุดขำออกมา “พวกเรามันคนประเภทเดียวกันจริงๆ เลย” พวกเขาทั้งสองคนเป็นพวกนิยมความสมบูรณ์แบบ
“ฉันเลือกนักแสดงนำหญิงไว้แล้ว เพราะคุณไม่สามารถรับบทนี้ได้ ฉันเลยเลือกนักแสดงมาจากต่างประเทศ” เฉียวเซินเอ่ยพลางส่งข้อมูลบางอย่างให้ถังหนิง “เธอเป็นนักแสดงชาวฝรั่งเศสฝีมือดี”
ถังหนิงยื่นรับเอกสารแต่ไม่ได้แสดงความเห็นออกไปในทันที “เดี๋ยวฉันจะเอากลับไปดูที่บ้านแล้วกันนะคะ”
“ได้สิ” เขาพยักหน้ารับ
“มีอีกเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากจะขอความเห็นคุณสักหน่อยค่ะ” ถังหนิงชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งขณะที่มองไปยังแบบสามมิติบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของผู้สร้างเทคนิคพิเศษ “ฉันอยากจะเปลี่ยนชื่อหนังค่ะ ดินแดนชำระบาป ฟังดูซับซ้อนและไม่ติดหูพอน่ะค่ะ”
“โอเค แล้วคุณอยากเปลี่ยนเป็นอะไรล่ะ” เขาถาม
“มดราชินีค่ะ”
หลังได้ยินชื่อ เฉียวเซินก็จินตนาการไปถึงมดขนาดใหญ่เท่าตึก นับเป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจและพาให้เขาพยักหน้าเห็นด้วย “ก็จริงนะ มดราชินีฟังดูเป็นหนังไซไฟมากกว่า อย่างนั้นก็ตกลงตามนี้แล้วกัน”
“ไม่เลวเลย ทุกอย่างดูไปได้ราบรื่นดีนะคะ ฉันหวังว่าหนังเรื่องนี้จะพร้อมออกฉายในอีกสองปีข้างหน้านะคะ”
สองปี…
…
จากศิลปินที่อยู่ในการจัดการของถังหนิงทั้งหมด เส้นทางของซย่าหันโม่อาจเป็นไปอย่างทุกลักทุเลที่สุด ด้วยเธอไม่ได้วนเวียนอยู่ในพื้นที่กระแสหลักอีกแล้ว
หลังจากกลับมาจากต่างประเทศ ซย่าหันโม่ก็ได้ปรากฏตัวบนนิตรสารหลากหลายฉบับ พร้อมมุมมองของผู้คนมีต่อเธอที่เริ่มเปลี่ยนไป
มันได้มอบชีวิตใหม่ให้กับเธอ จะว่าไปแล้วเธอก็ยังจำเป็นต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลของพี่ชายตัวเองอยู่
หลินเฉี่ยนตรวจสอบเรื่องของโจวชิง ผู้ชายที่ซย่าหันโม่เอ่ยถึง และพบว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นพิธีกรฝีมือเยี่ยมที่สุดในสายการท่องเที่ยว ซย่าหันโม่จึงยินดีเป็นอย่างยิ่งกับโอกาสที่ได้รับ และไปพบเขาพร้อมกับหลินเฉี่ยน
โจวชิงเป็นชายหนุ่มวัยสามสิบกลางๆ รูปร่างหน้าตาดูดีมีระดับ ด้วยภาพลักษณ์สบายๆ และมีอารมณ์ขันของเขา เขาจึงมีชื่อเสียงในด้านดีๆ ในวงการ
และในครั้งนี้ เขาทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงด้วยข่าวการทำงานร่วมกับซย่าหันโม่!
ซย่าหันโม่โด่งดังขึ้นมาเพราะเรื่องเสื่อมเสีย แล้วโจวชิงไม่กังวลเลยหรืออย่างไร
ทว่าเพราะถังหนิง เมื่อคนพูดถึงซย่าหันโม่ พวกเขาก็นึกเอ็นดูเธอขึ้นมาโดยปริยาย
“หันโม่ มีฉันอยู่ทั้งคน เธอไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรทั้งนั้น ทีมงานจะดูแลเธอเองนะ” โจวชิงปลอบระหว่างการนัดพบกันของพวกเขา อย่างสร้างความเชื่อมั่นให้เธอได้สบายใจ
“ด้วยประสบการณ์การทำงานของเธอ ฉันมั่นใจว่าเธอต้องทำได้ ยิ่งเธอเดินทางท่องเที่ยวมาโชกโชนด้วยแล้ว”
ซย่าหันโม่ระบายยิ้ม ตลอดการพูดคุยกันเป็นไปด้วยความเป็นกันเอง เพราะโจวชิงรู้ว่าจะเอ่ยนำหัวข้อสนทนาและสร้างบรรยากาศให้มีชีวิตชีวาอย่างไร
จากนั้นหลินเฉี่ยนกลับไปพร้อมกับซย่าหันโม่ ขณะที่ผู้กำกับยังอยู่คุยต่อกับโจวชิง
“โจวชิง ‘การเดินทางที่ยิ่งใหญ่’ กำลังจะเปลี่ยนพิธีกรและนายก็กำลังจะออกจากช่อง ทำไมนายต้องพาซย่าหันโม่เข้ามาทั้งๆ ที่มันเป็นภาคสุดท้ายแล้วด้วย”
โจวชิงหุบยิ้มพลางเคาะนิ้วลงบนโต๊ะด้านหน้า “ทั้งคุณและผมก็รู้ว่าใครจะมาแทนที่ผมนี่ครับ ทางสถานีโทรทัศน์อาจจะอยากกำจัดผมหลังจากผมสิ้นสุดหน้าที่ แต่ผมยังอยากช่วยซย่าหันโม่ การช่วยเหลือเธอเป็นการแสดงความนับถือต่อถังหนิง
“และผมก็มีข้อกังขากับนักแสดงที่พึ่งพาแรงสนับสนุนบนเวยปั๋วอย่างไม่เป็นธรรมเพื่อปูทางให้กับตัวเอง
“ดังนั้นก่อนผมจะไป ผมเลยอยากช่วยซย่าหันโม่สักหน่อยครับ
“เด็กคนนี้เป็นนักเขียนที่ดีและมีความสามารถที่น่าประทับใจนะครับ ก่อนหน้านี้เธอแค่อยู่ผิดที่ผิดทางเท่านั้นเอง”
ผู้กำกับถอนหายใจออกมาเมื่อได้ยินดังนั้น “ประธานของสถานีโทรทัศน์บ้าไปแล้ว ‘การเดินทางที่ยิ่งใหญ่’ มาจากรายการเล็กๆ จนกลายเป็นรายการที่เป็นที่นิยมอย่างทุกวันนี้ก็เพราะนาย แค่เพราะตอนนี้น้องชายเขากลับมา เขาก็มองข้ามการทุ่มเทของนายและเอาเปรียบนาย ทำตัวหน้าไม่อายเกินไปแล้ว”
โจวชิงยกยิ้มเหมือนอย่างเคยโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
“แน่นอนว่าด้วยชื่อเสียงของนาย ฉันมั่นใจว่านายจะได้ไปอยู่ในที่ดีๆ แน่ ถ้านายบอกให้ดูแลซย่าหันโม่ ฉันก็รับปากว่าจะทำตามที่นายขอ”
“ขอบคุณครับ ผู้กำกับ”
“ยังมีคนดีๆ บนโลกใบนี้อีกมากนะ” ผู้กำกับตบบ่าอีกฝ่ายพร้อมถอนหานใจขณะที่เดินจากไป
ในเวลาเดียวกันโจวชิงจ้องตรงไปที่ที่ซย่าหันโม่ยืนอยู่ก่อนหน้านี้โดยไม่ปริปากใดๆ
…
ถังหนิงได้ยินข่าวดีของซย่าหันโม่และรู้สึกดีใจกับเธอ แน่นอนว่าในฐานะเจ้านาย นอกจากแสดงความยินดีแล้วเธอยังให้คำแนะนำอีกด้วย
ในเมื่อวงการรายการโทรทัศน์ได้เป็นเส้นทางใหม่ของซย่าหันโม่ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เธอจะมีพิธีกรที่มีฝีมือคอยสนับสนุน
ซย่าหันโม่ช่างโชคดีจริงๆ
“ฉันได้รับโชคดีนี้มาหลังจากได้พบคุณค่ะ” ซย่าหันโม่กล่าวขอบคุณ “ฉันดีใจที่ได้พบจู้ซิงมีเดีย ขอบคุณนะคะ ถังหนิง”
“อย่าเพิ่งรีบขอบคุณฉันเลย ค่อยๆ เรียนรู้จากโจวชิงนะ เขามีชื่อเสียงด้านดีๆ ในวงการทีเดียวเลยล่ะ” ถังหนิงเอ่ย “หันโม่ เธอต้องจำเอาไว้ให้ดีว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งของจู้ซิงมีเดีย เราร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน ฉันยังมีผลงานของตัวเองอยู่เลยช่วยเธอคลายความกังวลได้บ้าง แต่อีกสองปีข้างหน้า ฉันอาจจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าสื่ออีกแล้ว ถึงตอนนั้นเธอจำเป็นต้องเดินได้ด้วยตัวเองนะ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ถ้าฉันยังไม่สามารถใช้ชีวิตเองได้หลังจากได้รับโอกาสครั้งที่สอง งั้นฉันก็คงเป็นคนไร้ค่าไปแล้วล่ะค่ะ” ซย่าหันโม่ตอบ
ด้วยเหตุนี้ ภาพอนาคตของซย่าหันโม่จึงดูสดใสไม่ต่างกับซิงหลานและลัวเซิง
โม่ถิงได้ยินถังหนิงพูดโทรศัพท์และเข้าไปกอดเธอจากด้านหลัง ก่อนเอ่ยข้างหูเธอ “วันนี้ที่ไห่รุ่ย ผู้บริหารระดับสูงถามว่าทำไมคุณถึงมีศิลปินแค่สามคนด้วยล่ะครับ”
“ฉันปั้นศิลปินทั้งสามคนของฉันให้ไปถึงจุดสูงสุด มันก็พอที่จะทำให้พวกคนที่เอาแต่พึ่งเส้นสายได้อับอายแล้วนี่คะ
“อย่างที่ทุกคนพูดกันแหละค่ะว่าวงการนี้มันกว้างและความสามารถของฉันก็มีจำกัด แต่อย่างน้อยฉันก็ได้สร้างความศรัทธาให้กับคนที่ถูกกดขี่ข่มเหงอย่างลัวเซิงและคนอื่นๆ คนหนึ่งอยู่ในวงการรายการโทรทัศน์ คนหนึ่งเป็นนักแสดง และอีกคนก็เป็นนักร้อง… แต่ละคนก็ครอบคลุมวงการหลักๆ สามด้านแล้วนี่คะ
“ดังนั้นไม่ว่าฉันจะเซ็นสัญญากับคนอื่นอีกหรือเปล่า มันก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาแล้วล่ะค่ะ…
“อีกเรื่องคือเราตกลงเรื่องนักแสดงหญิงที่เล่นคู่กับคุณได้แล้วนะคะ เป็นนักแสดงหญิงที่น่าจับตามองเลยล่ะค่ะ…”
“โอ๊ะ” โม่ถิงเลิกคิ้วขึ้น