บทที่ 134ต้องมีการหักห้ามใจ

The king of War

หยางเฉินยืนอยู่ใต้ฝักบัวอาบน้ำ ปล่อยให้น้ำร้อนชำระล้างร่างกายของตัวเอง

เดิมทีอารมณ์ที่ตื่นเต้น ก็ค่อยๆดับลง

ปฏิกิริยาในเมื่อกี้นี้เป็นสัญชาตญาณทั้งหมด แม้ว่าฉินซีจะเป็นคนเริ่มก่อน แต่ว่าเขารู้ดีว่า ฉินซีรู้สึกว่าเขาทำมากเกินไป ในใจเต็มไปด้วยความซาบซึ้งและตื้นตันใจ

เขาเคยสาบานมาก่อน นอกจากว่าฉินซีจะรักเขาอย่างแท้จริง ไม่อย่างนั้นเขาไม่มีทางแตะต้องฉินซีอย่างแน่นอน

เมื่อเขาอาบน้ำเสร็จเดินออกมาจากห้องน้ำ ฉินซีก็นอกหลับไปแล้ว คงจะเหนื่อยเกินไป และยังมีเสียงกรนเบาๆ

หยางเฉินนอนลงที่อีกด้านหนึ่งของเสี้ยวเสี้ยว ภายใต้แสงไฟจางๆ มองดูใบหน้าที่งดงามละเอียดอ่อนของฉินซี ในแววตามีเพียงความอ่อนโยน

เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ฉินซีเพิ่งจะตื่นขึ้นมา ก็รู้สึกว่าบนร่างกายเย็น เธอลุกขึ้นมานั่งอย่างกะทันหัน ก็พบว่าตัวเองเปลือยกาย

เพิ่งจะตื่นขึ้นมา เป็นตอนที่สะลึมสะลือพอดี เธอก็กรีดร้องโดยไม่รู้ตัว

“เกิดอะไรขึ้น?”

ในเวลานี้ การกระทำของฉินซีก็ทำให้หยางเฉินก็ตื่นขึ้นมา และขยี้ตาที่ง่วงนอน

เขาเพิ่งจะลืมตาขึ้นมา ก็เห็นร่างท่อนบนที่เปลือกเปล่าของฉินซี ความง่วงนอนที่มีอยู่ ก็หายเป็นปลิดทิ้งในทันที

เมื่อสบตากัน ทั้งสองก็ดูเฉื่อยชาไปทันที

“ฉัน ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ”

หยางเฉินดึงสติกลับมาก่อน รีบพูดจาสะเปะสะปะทันที และกระวนกระวายใจ

ฉินซีก็ดึงสติกลับมาทันที มือทั้งสองข้างก็ปิดบังหน้าอกไว้โดยไม่รู้ตัว ใบหน้าเต็มไปด้วยความเขินอาย: “นายยังจะมองอีก!”

หยางเฉินรีบหลับตาแล้วหันหน้ากลับไป

ใบหน้าของฉินซีเขินอาย เธอเคยละอายขนาดนี้เมื่อไหร่กัน?

รอตอนที่เธอใส่เสื้อเสร็จ ก็จดจำทุกอย่างของเมื่อคืนนี้ได้ขึ้นมา

หลังจากที่เธอออกมาจากห้องน้ำ ก็ห่มผ้าห่มด้วยร่างกายที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ตอนแรกคิดดีแล้วว่าจะมอบตัวเองให้หยางเฉินอย่างสมบูรณ์ แต่ว่าคาดไม่ถึง ตัวเองกลับนอนหลับไป

คนอยู่ในตอนกลางคืน มีความรู้สึกมากที่สุด และก็หุนหันพลันแล่นได้ง่ายที่สุด

ตอนนี้คิดดู เมื่อคืนนี้ตัวเองเป็นคนเริ่มยั่วยวนหยางเฉินก่อน ใบหน้าที่เขินอายของฉินซี ก็แทบจะมีน้ำไหลย้อยแล้ว

ใบหน้าของหยางเฉินก็เต็มไปด้วยความเขินอาย รู้สึกเหมือนเป็นไข้ ในหัวก็เต็มไปด้วยยอดปทุมถันที่ใหญ่เมื่อกี้นี้ ยังไงก็ลืมไม่ลง

จนกระทั่งฉินซีไปอาบน้ำ เขาถึงได้ใช้โอกาสนี้‘หลบหนี’ และไปออกกำลังกายตอนเช้าที่ข้างนอก

รอจนใกล้จะถึงเวลาที่เสี้ยวเสี้ยวต้องไปโรงเรียนอนุบาล หยางเฉินถึงได้กลับมาที่คฤหาสน์ หลังจากที่อาบน้ำอย่างเรียบง่าย ก็รอฉินซีกับเสี้ยวเสี้ยวอยู่บนรถ

“พี่ พี่กับพี่เขยคงจะไม่ใช่ว่าทะเลาะกันนะ?”

ในห้องโถง ฉินยีถือขนมปังไว้ในมือข้างหนึ่ง และอีกมือหนึ่งถือนมหนึ่งแก้ว ทานไปด้วยแล้วมองไปที่ฉินซีแล้วพูดไปด้วย

ฉินซีสำลักทันที พูดอย่างร้อนตัวว่า: “ไม่นะ!”

“เสี้ยวเสี้ยว หลานบอกน้ามา พ่อกับแม่ของหลานทะเลาะกันใช่มั้ย?”

เห็นได้ชัดว่าฉินยีไม่เชื่อ แล้วก็มองไปที่เสี้ยวเสี้ยวแล้วถาม

เสี้ยวเสี้ยวถือแก้วที่เต็มไปด้วยนม ส่ายใบหน้าเล็กๆ: “ไม่นะคะ!”

ฉินยีก็ยิ่งอยากรู้มากขึ้นทันที ในเมื่อไม่ได้ทะเลาะกัน แต่ว่าทำไมสองสามีภรรยาก็ทำตัวแปลกๆ?

“แม่ค่ะ ตอนเช้าแม่ตื่นขึ้นมา ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าเหรอคะ?”

ในขณะนี้ เสี้ยวเสี้ยวมองไปที่ฉินซีอย่างสงสัยแล้วถามอย่างกะทันหัน

ฉินซีก็ดูเฉื่อยชาทันที ใบหน้าก็แดงก่ำทันที และแดงไปถึงใบหู

คาดไม่ถึง ตอนที่ตัวเองใส่เสื้อผ้า จะถูกเสี้ยวเสี้ยวเห็นเข้า

ฉินยีก็ตกตะลึง และในไม่ช้าก็พูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์: “เสี้ยวเสี้ยว แม่ของหลานกำลังจะมีน้องชายให้หลานแล้ว”

“จริงเหรอคะ? ดีจังเลย หนูอยากได้น้องชายคนหนึ่ง!”

เมื่อเสี้ยวเสี้ยวได้ยินฉินยีอธิบาย ก็ปรบมือเล็กๆด้วยความดีใจ

“ฉินยี!”

ใบหน้าของฉินซีเต็มไปด้วยเขินอายมาก และกัดฟันเขม็งตาใส่ฉินยี

โชคดีที่มีเพียงพวกเธอสามคนอยู่ ถ้าหากถูกคนอื่นได้ยินเข้า ถ้าอย่างนั้นก็คงจะกระอักกระอ่วนมาก

ฉินยีรู้สึกถึง‘ความอาฆาต’ในดวงตาของฉินซี ดื่มนมคำสุดท้าย รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว: “พี่ ฉันไปทำงานก่อนนะ!”

“พวกลูกกำลังคุยอะไรกันอยู่?”

ในขณะนี้ ฉินต้าหย่งในชุดสูทและรองเท้าหนังก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องโถง

ฉินซียังไม่ทันได้ตอบ เสี้ยวเสี้ยวก็พูดด้วยความดีใจว่า: “คุณปู่ค่ะ คุณแม่กำลังจะมีน้องชายให้หนูแล้วนะ!”

การแสดงออกบนใบหน้าของฉินซีแข็งทื่อ แทบจะมุดแผ่นดินหนี

ฉินต้าหย่งก็ตกตะลึง เมื่อมองไปที่การแสดงออกบนใบหน้าของฉินซี ก็เข้าใจขึ้นมาโดยฉับพลันในทันที

“พ่อค่ะ ไม่ใช่อย่างที่พ่อคิดแบบนั้น หนู…..”

ฉินซีกำลังจะพูด ก็ไม่รู้ว่าควรจะอธิบายอย่างไร คงจะไม่สามารถบอกฉินต้าหย่งได้ว่า เมื่อคืนนี้เธอนอนเปลือยกาย?

“ถึงเวลาแล้ว ควรจะไปส่งเสี้ยวเสี้ยวที่โรงเรียนอนุบาลแล้วไม่ใช่มั้ย?”

ฉินต้าหย่งก็เข้าใจเจตนาของคนเป็นอย่างมาก ริเริ่มที่จะเปลี่ยนเรื่องคุย

เพราะเป็นวันแรกที่ฉินต้าหย่งไปทำงาน ยังไม่รู้ว่าบริษัทก่อสร้างหลงเหออยู่ที่ไหน ทำได้เพียงอาศัยรถของหยางเฉินไปก่อน

ในระหว่างทาง ผู้ใหญ่ลายคนเงียบมาก มีเพียงเสี้ยวเสี้ยวที่จ้อกแจ้กเหมือนนกน้อย พูดไม่หยุด

รอหลังจากที่ส่งเสี้ยวเสี้ยวไปที่โรงเรียนอนุบาล ในรถก็เงียบสนิท

หยางเฉินก็ส่งฉินซีไปที่ซานเหอกรุ๊ป ต่อจากนั้นก็ส่งฉินต้าหย่งไปที่บริษัทก่อสร้างหลงเหอ

เมื่อส่งถึงที่หมายแล้ว หยางเฉินเอ่ยปากพูด:“พ่อ ผมเตรียมการเรียบร้อยแล้ว พ่อไปหารองประธานเจิงในบริษัท ในช่วงเวลานี้ เขาจะพาพ่อไปทำความคุ้นเคยกับธุรกิจของบริษัท”

ฉินต้าหย่งพยักหน้าเล็กน้อย แต่ยังไม่ลงรถ บนใบหน้าก็มีความลังเล

หยางเฉินถามอย่างสงสัยว่า: “พ่อ พ่อมีอะไรจะพูดหรือเปล่า?”

“พ่อรู้ว่าหนุ่มสาวอย่างพวกลูกมีความกระปรี้กระเปร่า แต่ว่า บางเรื่อง ยังต้องมีการหักห้ามใจ อย่างน้อย ก็ต้องหลีกเลี่ยงเสี้ยวเสี้ยว”

ฉินต้าหย่งก็มองไปทางหยางเฉิน และพูดอย่างจริงจังว่า: “เธอยังเด็ก เห็นเรื่องนั้นของหนุ่มสาวอย่างพวกลูก ไม่ดีต่อพัฒนาการทางร่างกายและจิตใจของเธอ”

หยางเฉินมึนงง ชั่วขณะหนึ่งดึงสติกลับไม่ทันเข้าใจความหมายคำพูดนี้ของฉินต้าหย่ง เขาไม่ทันได้ถาม ฉินต้าหย่งก็ลงจากรถไปแล้ว

“พ่อกำลังพูดอะไรกันแน่?”

หยางเฉินสงสัย พึมพำกับตัวเองว่า: “เรื่องอะไรที่ต้องมีการหักห้ามใจ? ยังจะต้องหลีกเลี่ยงเสี้ยวเสี้ยวด้วย”

เขาเพิ่งพูดประโยคนี้ออกมา ก็เข้าใจความหมายประโยคนี้ของฉินต้าหย่งในทันที

“เฮ้ย! ตกลงว่าเรื่องอะไรกันแน่ ทำให้พ่อเข้าใจผิด?”หยางเฉินอุทาน

ในขณะนี้ โทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น และเมื่อหยิบขึ้นมาดู ปรากฏว่าเป็นหวังเฉียง

เขาเคยตักเตือนหวังเฉียงแล้ว ปัญหาเล็กน้อยก็ไม่ต้องติดต่อเขา ดูท่าทางว่า ฝั่งของเขาจะเจอปัญหาใหญ่

“คุณหยาง ผมเรื่องที่สำคัญมากเรื่องหนึ่ง จะแจ้งรายงานให้คุณ ตอนนี้คุณสะดวกมั้ยครับ? ผมไปหาคุณ!”

หยางเฉินเพิ่งจะรับสาย ก็ได้ยินเสียงของหวังเฉียง

“นายอยู่ที่ไหน? ฉันไปหานายเอง!”

หยางเฉินไม่ต้องการให้หวังเฉียงเปิดเผย ในเมื่อหวังเฉียงจะมาหาตัวเองเพื่อแจ้งรายงาน ถ้าอย่างนั้นในโทรศัพท์ก็ไม่อาจพูดได้อย่างชัดเจน

“ผมอยู่ที่หวงเหอบาธ” หวังเฉียงพูด

“โอเค!”

หลังจากที่วางสาย หยางเฉินก็กลับรถทันที และมุ่งหน้าไปทางหวงเหอบาธ

ดูเหมือนว่า น่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นที่นั่น อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลเว่ย ไม่อย่างนั้นหวังเฉียงไม่มีทางโทรศัพท์หาเขาแล้ว

ยี่สิบนาทีต่อมา หยางเฉินมาถึงหวงเหอบาธ หวังเฉียงก็ยืนรอที่หน้าประตูก่อนแล้ว ในมือคีบบุหรี่อยู่ม้วนหนึ่ง และใต้เท้าของเขา ยังเหยียบก้มบุหรี่อยู่สิบกว่าม้วน

เมื่อเห็นหยางเฉินจอดรถ เขารีบก้าวเดินไปอย่างรวดเร็ว: “คุณหยาง คุณมาแล้ว!”