ตอนที่113 มือสังหารหัวโล้น

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล]

ตอนที่113 มือสังหารหัวโล้น

จ้าวเฉียนพาแม่และสาวๆไปที่ห้าง ตงไห่ อินเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เซ็นเตอร์ สถานที่แห่งนี้คือศูนย์รวมแบรนด์หรูชั้นนำระดับโลก ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งกับภาพลักษณ์ของอวีกุ้ยเฟิง

ทันทีที่เดินผ่านประตูเก็ตห้างเข้าไป อวีกุ้ยเฟิงก็ประเดิมเอ่ยปากกล่าวกับทั้งสามสาวทันทีว่า

“ช่วงนี้อากาศเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆเลย ฉันอยากจะใส่คอลเลคชั่นฤดูร้อนสักหน่อย พวกเธอสามคนช่วยไปเลือกชุดให้ฉันที”

หวานเจียงและอีกสองสาวถึงกับผงะในทันใด จ้าวเฉียนไม่ได้บอกว่ามาเป็เพื่อนช็อปปิ้งให้แม่ของเขาหรอกเหรอ? แล้วทำไมต้องมาเป็นลูกมือช่วยแม่เขาเลือกแทน?

จ้าวเฉียนเอ่ยถามทันทีว่า

“แม่กำลังทำอะไรอยู่น่ะ? ทำไมถึงไปใช้พวกเธอ?”

อวีกุ้ยเฟิงตอบไปอย่างไม่แยแสว่า

“ใช้อะไรกัน? แม่ก็แค่คิดว่า หนุ่มสาวสมัยนี้รู้เรื่องแฟชั่นดีกว่า ก็เลือกอยากเปิดรับความคิดของพวกเธอ แล้วก็มาเลือกชุดให้แม่เฉยๆ อืมม…ขอคอลเลคชั่นฤดูร้อนนะ เน้นใส่สบายเรียบหรู หวังว่าคงไม่ลำบากพวกเธอมากเกินไปนะ?”

หงซิ่วกับหยวนมี่แทบจะเอ่ยตอบเป็นเสียงเดียวกันทันทีว่าไม่มีปัญหา พวกเธอสามารถตระเวนหาชุดที่แม่ของจ้าวเฉียนต้องการได้ทันที แต่อย่างไรท่าทีการแสดงออกของหวานเจียงกลับค่อนข้างแข็งกระด้าง ทว่าในกรณีนี้เธอทำได้เพียงตามน้ำเอ่ยปากเห็นด้วยตามคำกล่าวของหยวนมี่กับหงซิ่ว

อวีกุ้ยเฟิงปรบมือดีใจ เธอเอ่ยตอบไปว่า

“ถ้าอย่างนั้น จ้าวเฉียนกับฉันจะรออยู่ที่นี่นะ หลังจากเลือกได้แล้วก็เอาบัตรฉันไปรูดกันได้ตามสะดวกเลย ส่วนรหัสผ่านเป็นวันเดือนปีเกิดของจ้าวเฉียนเขานะ”

จากนั้นอวีกุ้ยเฟิงก็แจกจ่ายเครดิตการ์ดให้แก่ทั้งสามสาวโดยตรง

จ้าวเฉียนกล่าวแทรกขึ้นทันทีว่า

“นี่แม่ทำอะไรกันเนี่ย? ไหนบอกว่าอยากเดินช็อปปิ้ง? แล้วไปใช้พวกเธอทำไม?”

อวี่กุ้ยเฟิงคลี่ยิ้มตอบว่า

“ลูกเองก็ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ พอถึงเวลาก็ต้องแต่งงานหาภรรยา ดังนั้นแล้วก็ต้องหาคนที่สามารถออกไปเดินช็อปปิ้งกับแม่ได้ แถมอีกอย่างนะ ลูกที่สามารถชวนสาวๆเหล่านี้ออกมาเที่ยวได้กะทันหันแบบนี้ แสดงว่าพวกเธอเองก็ต้องมีใจให้ลูกบ้างไม่มากก็น้อย ต่อไปแม่จะเป็นคนคัดสาวให้ลูกเอง ลูกของแม่ต้องได้สิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น”

จ้าวเฉียนกลอกตาใส่พลางอ้าปากค้างแต่พูดไม่ออก ที่แท้แม่ของเขามีแผนการอยู่ในใจตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ว่าแปลกใจเลยว่า ทำไมเธอถึงต้องการให้เขาโทรชวนสาวๆมากมายแบบนี้

“แม่หยุดล้อเล่นได้แล้ว ถ้าพวกเธอรู้เรื่องนี้เข้า ผมจะมีหน้าไปเจอพวกเธอยังไงในอนาคต!”

“ทำไมต้องอายด้วย? ยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งหาภรรยายากขึ้นนะ”

นี่แม่ก็คือแม่จริงๆ คล้อยหลังทราบถึงจุดประสงค์ที่แม่มาในวันนี้ จ้าวเฉียนก็รู้สึกอาบเล็กน้อยก่อนจะนั่งรออยู่เฉยๆไม่พูดอะไรใดๆ

หลังจากผ่านไปได้ครึ่งชั่วโมง หวานเจียงและคนอื่นๆก็กลับมาพร้อมเสื้อผ้าตามที่แต่ละคนเลือกมา

ทั้งสามต่างเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า อวีกุ้ยเฟิงไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแน่นอน แต่เป็นระดับคุณนายที่เลือกใช้แต่แบรนด์สากลเท่านั้น ทั้งหงซิ่วกับหยวนมี่เลือกชุดเสื้อผ้าของหลุยส์ วิตตอง ในขณะที่หวานเจียงเลือกของชาแนล

ซึ่งอันที่จริงแล้ว อวีกุ้ยเฟิงไม่ได้ใส่เสื้อแบรนด์พวกนี้บ่อยนัก โดยส่วนใหญ่จะสั่งตัดโดยดีไซน์เนอร์ส่วนตัวมากกว่า เธอแค่ต้องการวิเคราะห์บุคคลิกของพวกเธอแต่ละคนผ่านเสื้อผ้าที่เลือกกันมาเท่านั้น

หงซิ่วเลือกชุดลายดอกไม้ซึ่งกูเหมาะอย่างยิ่งสำหรับหญิงสาวระดับคุณนาย แต่นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า เธอคนนี้เป็นหญิงสาวทั่วๆไป ไม่มีจุดใดเปล่งประกายเท่าที่ควร แต่ก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่แย่เลย

ส่วนหยวนมี่เลือกชุดสูทหรูใส่สบาย เธอคนนี้ต้องเป็นสาวแกร่งขยันทำงาน แต่ถ้าอยู่กับจ้าวเฉียนคงน่าเบื่อเกินไป ต่างคนต่างเอาแต่ทำงาน ซึ่งชีวิตคู่อาจเหี่ยวเฉาได้ในอนาคต

หวานเจียงเลือกชุดเสื้อผ้าเรียบงานแต่มีสง่าราศี ถึงจะดูไม่ค่อยเป็นทางการเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่ดูฉูดฉาดเกินไป ชุดนี้จะสามารถเพิ่มความสูงส่งและสง่างามของอวีกุ้ยเฟิงไปได้อีกระดับเมื่อใส่ เด็กสาวที่ชื่อหวานเจียง รสนิยมของเธอดูโดดเด่นกว่าคนอื่นจริงๆ

ถึงอย่างไร หวานเจียงก็เป็นถึงคุณหนูคนโตแห่งฮวาหยิน กรุ๊ป รสนิยมของเธอย่อมสูงกว่าหยวนมี่และหงซิ่วเป็นธรรมดา

อวีกุ้ยเฟิงสามารถวิเคราะห์บุคลิกของทั้งสามได้อย่างรวดเร็วผ่านชุดเสื้อผ้าที่พวกเธอเลือกกันมา และอวีกุ้ยเฟิงก็ได้เลยเลือกหวานเจียง เธอคนนี้นี่แหละที่เหมาะสมกับจ้าวเฉียนที่สุด

“หุหุ…ชุดที่พวกเธอสามคนเลือกมาก็ไม่เลวเลยนะ แตกต่างตามสไตล์ของแต่ละคน ฉันชักจะถูกใจพวกเธอแล้วสิ ไปเดินกันต่อเถอะ เดี๋ยวฉันจะซื้อชุดที่พวกเธอชอบให้เอง”

ทั้งสามสาวรีบปฏิเสธทันทีด้วยความเกรงใจ ทั้งยังบอกอีกว่าไม่ต้องสุภาพกับพวกเธอนักก็ได้ ยังไงทุกคนก็เป็นเพื่อนของจ้าวเฉียน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้กับพวกเธอ

จ้าวเฉียนตระหนักทราบดีว่า แม่ของเขากำลัง‘วางแผน’อะไรบางอย่างอยู่เป็นแน่น และไม่ได้เรียบง่ายอย่างแค่ ไปซื้อเสื้อผ้าให้เฉยๆแน่นอน หวานเจียงเองก็ดูไม่เกรงใจเช่นกัน แม่ของจ้าวเฉียนพูดมาซะขนาดนี้ เธอจึงหมุนตัวกลับไปเดินช็อปเสื้อผ้าของตัวเองต่อทันที

เห็นหวานเจียงจากไป หยวนมี่กับหงซิ่วรีบกล่าวขอบคุณอวีกุ้ยเฟิงและแยกย้ายออกไปช็อปปิ้งเช่นกัน

ทันทีที่พวกเธอทั้งสามจากออกไป อวีกุ้ยเฟิงก็หันมาพูดกับจ้าวเฉียนอย่างสุขอกสุขใจว่า

“ลูก แม่คิดว่าหวานเจียงดูเหมาะสมกับลูกที่สุดแล้ว ไม่เพียงแต่รสนิยมดี แต่ดูจากอากัปกิริยาแล้วน่าจะมาจากครัวครอบที่มีภูมิฐานดีมากเช่นกัน ให้แม่ไปทำความรู้จักกับพ่อแม่ของอีกฝ่ายหน่อยสิ”

จ้าวเฉียนรีบกล่าวตอบไปทันทีว่า

“แม่ อย่ามายุ่งกับเรื่องของผมเลย ผมไม่ได้คิดอะไรกับเธอเลยจริงๆ”

อวีกุ้ยเฟิงคลี่ยิ้มบาง เอ่ยตอบว่า

“ลูกยังจะมาโกหกแม่อีกเหรอ ถ้าพวกเธอไม่สนิทกับลูกในระดับนึงจริงๆ แล้วทำไมพวกเธอถึงรู้วันเดือนปีเกิดของลูกได้?”

 ไม่มีอะไรผิดแปลกไปแม้แต่น้อย อวีกุ้ยเฟิงใบ้บัตรเครดิตกับทั้งสามคนไปและบอกแค่ว่ารหัสผ่านคือ วันเดือนปีเกิดของจ้าวเฉียน แต่ไม่ได้บอกไปตรงๆว่าเลขอะไร แต่การที่ทั้งสามสามารถหยิบชุดเสื้อผ้าออกมาถึงหน้าอวีกุ้ยเฟิงได้ ก็แสดงว่าทั้งสามรูดบัตรผ่านกันหมด พวกเธอล้วนทราบวันเดือนปีเกิดของจ้าวเฉียนทั้งสิ้น แล้วถ้าไม่ใช่เพราะพวกเธอมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจ้าวเฉียนจริงๆ แล้วจะรู้วันเกิดเขาได้ยังไง?

จ้าวเฉียนถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เขารีบพยายามอธิบายกับเธอทันทีว่า

“พูดตามตรงเลยนะแม่ หงซิ่วกับหยวนมี่เป็นลูกน้องของผม ส่วนหวานเจียงเป็นหุ้นส่วนในบริษัท พวกเธอทั้งสามย่อมต้องเคยได้เห็นบัตรประชาชนของผมกันทุกคน ไม่น่าแปลกหรอกที่จะจำวันเกิดผมได้ ผมไม่ได้มองพวกเธอเกินคำว่าเจ้านายกับลูกน้องจริงๆ ส่วนหวานเจียงก็แค่หนึ่งในหุ้นส่วนแค่นั้นเอง เลิกจับคู่ให้ผมได้แล้วหน่าแม่”

อวีกุ้ยเฟิงยังคงไม่ยอมแพ้ เธอตอบกลับไปว่า

“ไม่เป็นไร ถ้าไม่ได้สนใจก็ยังไม่ต้องแต่งงานกับเธอก็ได้ ของแบบนี้ต้องค่อยๆเรียนรู้กันไป ถึงยังไงพ่อกับแม่ก็ยังรออุ้มหลานชายได้ตลอด ไม่มีปัญหา”

“แม่นี่ก็แม่จริงๆ ผมปล่อยแม่อยู่คนเดียวได้ไหมเนี่ยแบบนี้? ถ้ากลับไปเจอพ่อแล้วแม่เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ฟัง ผมไม่โดนคลุมถุงชนเลยเหรอ?”

“นี่ลูกไม่เข้าใจความหวังดีของแม่เลยใช่ไหม? ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อตัวลูกเองทั้งนั้น!”

“ก็ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่าอะไรดีไม่ดี ดังนั้นอย่าเพิ่งด่วนสรุปเลยแม่!”

อวีกุ้ยเฟิงเค้นเสียงเย็นใส่แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ

ประมาณสิบนาทีต่อมา หวานเจียงและอีกสองคนก็เดินกลับมาพร้อมเสื้อผ้าที่พวกเธอเลือก

พวกเธอคืนบัตรเครดิตให้กับอวีกุ้ยเฟิง และกล่าวขอบคุณที่ซื้อของขวัญเหล่านี้แก่ทั้งสาม

หวานเจียงขยิบตาให้จ้าวเฉียนเล็กน้อยคล้ายว่ามีเรื่องอะไรบางอย่าง ทั้งคู่จึงปลีกตัวออกมาคุยกัน ณ มุมหนึ่ง

จ้าวเฉียนเดินเข้าใจอีกฝ่ายทันทีว่าต้องเกิดเรื่องอะไรแน่นอน และเดินตามหวานเจียงไปคุยอย่างลับๆ เขาเอ่ยถามขึ้นก่อนเลยว่า

“มีอะไรรึเปล่า?”

หวานเจียงหยิบมือถือขึ้นมาทันทีโดยไม่พูดไม่จาใดๆ และเปิดรูปถ่ายให้จ้าวเฉียนดู

จ้าวเฉียนหรี่ตาแคบจับจ้องโดยละเอียด ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็มืดทมิฬลงทันใด นี่คือภาพเซลฟี่ของหวานเจียงเอง แต่ฉากหลังกลับปรากฏชายหัวโล้นที่กำลังจับจ้องไปที่ทิศทางหนึ่ง ซึ่งทิศทางที่ว่าก็คือจ้าวเฉียนและอวีกุ้ยเฟิงที่กำลังสนทนากันอยู่

“ตอนที่ฉันกำลังกลับมาจากซื้อชุดเสร็จก็บังเอิญเห็นชายหัวโล้นคนนี้เข้า หมอนี่จ้องนายอยู่นานแล้ว ฉันก็เลยแกล้งเซลฟี่ตัวเองเพื่อให้นายดู ฉันว่านายรีบพาแม่กลับไปก่อนดีกว่า”

จ้าวเฉียนถอนหายใจด้วยความโล่งอกและตอบไปว่า

“เขามาหาฉันเฉยๆ รบกวนอะไรหน่อยสิ เธอช่วยกลับบ้านไปกับแม่ก่อนได้ไหม เดี๋ยวตรงนี้ฉันจัดการเอง แล้วอย่าให้เธอลูกเด็ดขาดนะ”

“จะบ้ารึไง! เพราะเขามาหานายนี่แหละยิ่งไม่ควรปล่อยนายไว้คนเดียว! ถ้าเกิดอะไรขึ้นมานายไม่แย่เลยรึไง? อีกอย่าง นายจะกำลังจะทำอะไรกันแน่?”

จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มเล็กน้อย พร้อมยกมือขึ้นมาเชยคางของหวานเจียง เอ่ยกระซิบข้างหูอย่างแผ่วเบาว่า

“นี่เธอกำลังเป็นห่วงฉันอยูรึไง? ก็เข้าใจนะว่าผู้ชายอย่างฉันมันดีเลิศขนาดไหน คงเริ่มตกหลุมรักแล้วใช่ไหมล่ะ?”

หวานเจียงปัดมือจ้าวเฉียนออกโดยตรงและรีบตอบไปว่า

“นี่ฉันกำลังจริงจังอยู่นะ! อย่ามาเล่นในเวลาแบบนี้! รีบบอกมา เขาคนนั้นเป็นใคร? ศัครูนายงั้นเหรอ?”

“พี่ชายของแฟนเก่าฉันเอง สงสัยยังตัดใจเรื่องฉันกับน้องสาวเขาไม่ได้แหละ ไม่มีอะไรใหญ่โตหรอกน่า พาแม่ฉันกลับไปก่อนเถอะ”

“แล้วทำไมต้องกลัวว่าคุณป้าจะรู้ล่ะ?”

“จะบ้ารึไง! ถ้าเป็นเธอจะพูดเรื่องน่าอับอายแบบนี้กับพ่อแม่ฟังเหรอ?”

หวานเจียงยกมือปิดปากพลันขำคิกคัก

“เข้าใจแล้วหน่า รีบจัดการให้เสร็จแล้วกัน”

“อืม เข้าใจแล้ว”

จากนั้นไม่นานจ้าวเฉียนก็พาหวานเจียงไปหาแม่และกล่าวว่า

“แม่ ผมมีธุระที่ต้องจัดการหน่อย เดี๋ยวให้พวกเธอกลับบ้านไปพร้อมแม่นะ หรือออกไปซื้อของทำอาหารแล้วกลับไปทำกินที่บ้านก็ได้ ขอบอกไว้ก่อนเลย สามสาวทำอาการอร่อยมาก! ต้องให้พวกเธอแสดงฝีมือกันหน่อย”

อวีกุ้ยเฟิงระเบิดหัวเราะคิกคักในทันใด เธอพยักหน้าตอบตกลงและกลับบ้านไปพร้อมกับสามสาว

ทางด้านจ้าวเฉียนรีบเดินไปยังมุมหนึ่งของห้าง และพาชายหัวโล้นไปยังตรอกที่คนไม่ค่อยพลุกพล่าน