“ก็อย่าง…เจ้าบอกข้า ว่าที่นี่มีทาสบำเรอทั้งหมดกี่คน? จะพาทาสบำเรอพวกนั้นออกจากที่นี่อย่างปลอดภัยได้อย่างไร?”

เจียงซวี่ถูกนางทำให้ตกใจไม่น้อย “เจ้าคิดจะพาพวกเขาออกจากเผ่าปีศาจ? นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”

กู้ชูหน่วนเท้าคางใช้ตาโตที่ทั้งบริสุทธิ์และใสสะอาดมองเขา

ทว่าความหมายในดวงตานั้นแสดงออกชัด ว่าหากนางพาทาสบำเรอออกไปไม่ได้ เช่นนั้นก็ตายด้วยกัน

เจียงซวี่เอ่ยอย่างโมโห “เจ้าบ้าไปแล้วหรืออย่างไร? คิดว่าเผ่าปีศาจเป็นตลาดสด อยากมาก็มา อยากไปก็ไปหรือ?”

“ฉะนั้นถึงต้องให้เจ้าร่วมมืออย่างไรเล่า ถ้าเจ้าไม่ร่วมมือ ข้ายังจะเก็บเจ้าไว้ทำอะไร?”

เจียงซวี่หายใจติดขัด

ครั้นนึกถึงว่าอาจถูกส่งไปอยู่บนเตียงของหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ และอาจต้องตายเพราะไส้ขาดแล้ว เจียงซวี่ก็สะท้านอย่างห้ามไม่อยู่

“รายละเอียดว่ามีเท่าไรข้าก็ไม่แน่ชัด แต่ข้ารู้ว่านอกจากหอนี้แล้ว ยังมีอีกสองที่ก็ขังทาสบำเรอไว้ไม่น้อยเหมือนกัน ประตูหอแต่ละที่ล้วนทำขึ้นจากเหล็กนิล ไม่มีกุญแจจะเปิดไม่ได้”

“แล้วอย่างไร?”

“หอแต่ละชั้นจะมีองครักษ์เฝ้าแค่สี่คน แต่ชั้นหนึ่งถึงสามแต่ละชั้นจะมีองครักษ์แปดคน นอกจากนี้ ที่นี่ทุกห้าก้าวสิบก้าวก็จะมีทหารยืนยาม พาคนมากมายขนาดนั้น เจ้าออกไปไม่ได้หรอก”

กู้ชูหน่วนไม่สนใจคำพูดตอนท้ายของเขาสักนิด ทั้งยังถามอย่างกับไร้เดียงสา “เช่นนั้นกุญแจ… เจ้าต้องรู้แน่ว่าอยู่ที่ไหน ใช่ไหม?”

เจียงซวี่ไม่ตอบ

กู้ชูหน่วนรู้ขึ้นมาทันที “ได้ยินว่าเจ้ายังเป็นถันจู่นี่ ในเมื่อเจ้าเป็นถันจู่ ก็น่าจะมีอำนาจระดับหนึ่งในนี้กระมัง? หรือว่ากุญแจจะอยู่กับตัวเจ้า?”

ไม่รอให้เจียงซวี่ตอบ กู้ชูหน่วนก็ค้นตัวเขาทันที และนางก็ค้นเจอกุญแจพวงใหญ่จริงๆ

“กุญแจสามหออยู่นี่หมดแล้ว?”

“ถึงเจ้าจะได้กุญแจก็ไม่มีประโยชน์ คนอย่างน้อยเกือบร้อยคน เป้าหมายใหญ่เกินไป เจ้า…”

“เจ้ายังไม่ได้บอกข้าว่ามีวิธีออกจากเผ่าปีศาจแบบรวดเร็วหรือเปล่า”

“ไม่มี”

“เช่นนั้นก็น่าเสียดายจริง เจ้าก็ยังต้องถูกส่งไปอยู่บนเตียงหัวหน้ากองธงกล้วยไม้”

เจียงซวี่พยายามดิ้นรน แต่พอขยับ กระดูกทั้งตัวก็เจ็บจนใจสั่น

“ข้าได้พูดเรื่องที่ควรพูดไปหมดแล้ว”

“เจ้าพูดแล้ว แต่เรื่องที่เจ้าพูดมีประโยชน์อะไรกับเราหรือ? เราก็ยังออกจากเผ่าปีศาจไม่ได้อยู่ดีนี่นา”

บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันที

กู้ชูหน่วนก็ไม่อยากพูดพล่าม เอ่ยปากโดยตรง “พี่เฉินเฟย ในเมื่อเขาอยากเป็นทาสบำเรอ หากท่านไม่ทำให้เขาสมปรารถนา ยังจะผดุงความยุติธรรมอยู่หรือ?”

“ได้!”

ครั้นอี้เฉินเฟยยิ้ม ก็ประคองเจียงซวี่ขึ้นมา จัดการใบหน้าเขาไปยกหนึ่ง

หัวใจเจียงซวี่เต้นตุบๆๆ เร็วมาก

เขาคิดวิธีการหนีตลอด แต่คิดไม่ออกเลยสักนิด

เขาประเมินอี้เฉินเฟยต่ำไป แม้ว่าอี้เฉินเฟยจะเป็นคนของสำนักหรูเจีย ร่ำเรียนวิชามาก แต่กลับไม่ใช่แค่บัณฑิต วรยุทธ์ของเขาก็ล้ำลึกมิอาจคาดเดาเช่นเดียวกับตัวเขา

เขากำลังพนัน ว่าวิชาแปลงโฉมของอี้เฉินเฟยต้องไม่เท่าไรแน่

แต่เขาแพ้แล้ว

วินาทีที่ส่องกระจก หัวใจเขาก็ระส่ำ

เหมือนกับเย่เฟิงเปี๊ยบ ไม่ผิดเพี้ยนไปแม้แต่น้อย

แม้จะเป็นคนที่อยู่ด้วยกันมานาน ก็ต้องไม่รู้แน่

“พี่เฉินเฟย วิชาแปลงโฉมของท่านร้ายกาจจริงๆ ถ้าไม่ใช่ว่าเห็นกับตา เกรงว่าแม้แต่ข้าก็คงแยกไม่ออก”

กู้ชูหน่วนก้มหน้า ถามเจียงซวี่ “เจ้าว่าหัวหน้ากองธงกล้วยไม้จะจำเจ้าได้ไหม?”

“ก็ต้องได้อยู่แล้ว เสียงข้ากับเย่เฟิงไม่เหมือนกันสักหน่อย ลูกไม้ของเจ้าไม่เป็นผลสักนิด”

“เช่นนั้นหากจี้จุดใบ้เจ้าล่ะ? เย่เฟิงบาดเจ็บหนักขนาดนั้น เขาขยับกับพูดไม่ได้ก็ปกติกระมัง?”