ตอนที่ 120 ฐานะ

สาวน้อยโลลิหันหน้าเล็กน้อย เธอมักจะรู้สึกว่าโจวเจ๋อจงใจพูดกำกวม เธอไม่ตอบ เพราะปัญหานี้ ไม่ว่าคุณจะตอบว่า ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’ ล้วนไม่ดีทั้งสิ้น

และสาวน้อยโลลิเชื่อว่าโจวเจ๋อก็มองออก

ใช่แล้ว โจวเจ๋อมองออก ตลอดเวลาที่ผ่านมา โจวเจ๋อคิดว่าหวังเคอมีสิ่งที่ติดเป็นพิเศษแบบนั้นหรือเปล่า แต่ดูจากตอนนี้แล้ว ความจริงแล้วไม่ใช่ปัญหาของหวังเคอ แต่เป็นปัญหาของภรรยาหวังเคอ

หวังเคอเป็นจิตแพทย์ เขารับผิดชอบการรักษาภรรยาของเขาด้วยตัวเอง กระทั่งตอนที่พักอยู่ในบ้าน ต้องจงใจให้ความร่วมมือกับภรรยาตรงจุดนั้น

เขากำลังเล่นละคร จุดประสงค์ของการเล่นละครก็เพื่อทำให้ภรรยาของตัวเองมีความสุข

ผู้ชายประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานคนหนึ่ง ทุกวันที่อยู่ในบ้านจำเป็นต้องแสร้งทำเป็นดีใจที่ได้กินเนื้อและซุปเนื้อไม่หยุด แถมยังต้องแสดงออกอย่างหวานชื่นแม้จะขมขื่นก็ตาม

ภรรยาของเขาซื้อเนื้อกลับมาทุกวันแล้วดูสามีกิน

สำหรับคนอื่นอาจจะเป็นการทรมานอย่างหนึ่งใช่ไหม

“จับเธอมัดไว้ คุณคอยจับตาดูเธอ อย่าให้เธอเป็นอะไร” โจวเจ๋อพูดกับไป๋อิงอิง

ไป๋อิงอิงพยักหน้า แล้วจับภรรยาของหวังเคอเข้าไปในห้องหนังสือโดยตรง

นักพรตเฒ่าไม่ต้องบอกอะไร ก็อุ้มหวังเคอที่สลบอยู่ขึ้นมาวางบนโซฟา เพื่อตรวจดูบาดแผล

โจวเจ๋อไม่ได้โทรเรียกหนึ่งสองศูนย์ แต่พาหวังเคอไปส่งโรงพยาบาลและส่งภรรยาของหวังเคอไปโรงพยาบาลบ้าสำหรับเรื่องของภรรยาตัวเอง หวังเคอน่าจะมีสิทธิ์เลือกด้วยตัวเอง โจวเจ๋อไม่จำเป็นต้องตัดสินแทนหรือสร้างความวุ่นวายในชีวิตของเขา อีกทั้งโจวเจ๋อก็ขี้เกียจรับเรื่องที่ยุ่งยากแบบนี้

หวังเคอถึงแม้จะสลบอยู่ และมีแผลตามร่างกาย แต่ไม่เป็นปัญหามากนัก น่าจะฟื้นได้สติขึ้นมาในไม่ช้า ถึงตอนนั้นค่อยให้เขาตัดสินใจเอง

และต่อจากนี้โจวเจ๋อยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการ เขาอุ้มสาวน้อยโลลิขึ้นมา แต่สาวน้อยโลลิดิ้นรน เมื่อก่อนสาวน้อยโลลิก็เคยให้โจวเจ๋ออุ้มเธอขึ้นมาด้วยตัวเอง แต่นั่นเป็นเพราะเธออยากจะ ‘เท่าเทียม‘ กับโจวเจ๋อในด้านความสูง เธอในตอนนั้นมีความเรียบร้อยและความยับยั้งชั่งใจ สามารถกดขี่และควบคุมได้อย่างเด็ดขาด

แต่ตอนนี้สายน้ำและสายลมหมุนเวียนเปลี่ยนทิศ ครั้งนี้โจวเจ๋ออุ้มเธอขึ้นมา เพราะโจวเจ๋อมองเธอเป็นน้องสาวข้างบ้านเท่านั้น

ฉันขยุ้ม ฉันขยำ ดูสิว่าเธอยังจะดื้ออีกไหม

โจวเจ๋ออุ้มสาวน้อยโลลิขึ้นไปข้างบน นักพรตเฒ่ายืนอยู่หน้าบันไดมองโจวเจ๋ออุ้มสาวน้อยโลลิขึ้นไป เขามีใบหน้าดิ้นรนและสับสน กำลังพิจารณาว่าจะเข้าไปห้ามเถ้าแก่ไม่ให้ทำเรื่องเลวร้ายดีไหม

มันโหดเกินไปแล้ว เธอยังเป็นเด็กเท่านั้น

ถ้าหากโจวเจ๋อรู้ความคิดของนักพรตเฒ่าในตอนนี้ คาดว่านักพรตเฒ่าคงจะโดนเจาะเป็นรูเต็มตัวอย่างไร้ความปรานี

โจวเจ๋อวางสาวน้อยโลลิลงบนเตียงแล้วถอยหลังหนึ่งก้าว เขาเห็นสาวน้อยโลลินอนหลับไปแล้วตอนที่ตัวเองอุ้มขึ้นมา ตอนนี้นอนอยู่บนเตียง ส่งเสียง ‘กรน’ น่ารักออกมาเบาๆ สวยประณีตเหมือนเครื่องลายคราม

ไม่นานนักเธอขยี้ตาแล้วมองโจวเจ๋ออย่างแปลกใจ พูดเสียงออดอ้อนว่า “คุณอา ทำไมคุณอามาอยู่ในบ้านของหนู แถมยังอยู่ในห้องของหนูด้วย”

เธอน่ารักแบ๊วมากจริงๆ

แต่โจวเจ๋อกลับเป็นผู้ชายหยาบกระด้างไม่เข้าใจอารมณ์รัก เขาจับสาวน้อยโลลิขึ้นมาอีกครั้ง แล้วจับเขย่าไปมาอยู่ในมือของตัวเอง และพูดในขณะเดียวกันว่า

“ผมไม่สนว่าคุณแกล้งทำหรือเปล่า เพราะผมยังไงก็ได้ ถ้าคุณแกล้งทำตอนนี้หยุดแกล้งทำได้แล้ว ถ้าคุณไม่แกล้งทำแล้วตอนนี้ก็เรียกสติกลับมาเสียที ผมมีเรื่องที่ต้องเคลียร์กับคุณ และอย่าทำให้ผมหมดความอดทน ผมไม่ใช่คุณอาโรคจิตที่ชอบเรียกสาวน้อยกลับบ้านมาดูปลาทองนะ”

โจวเจ๋อเขย่าไปเขย่ามา ตอนแรกสาวน้อยโลลิก็ร้องไห้โวยวาย กระทั่งเริ่มตะโกนว่า “คุณพ่อคุณแม่” แต่สักพักหนึ่งเธอก็เงียบ สายตาสงบนิ่ง กัดปากแดงอมชมพูของตัวเอง แล้วพูดเสียวขรึมว่า “ปล่อยข้าลง”

“โอ๊ะ คุณยังแกล้งอีก!”

‘แปะ!’ จากนั้นฝ่ามือหนึ่งก็ตีไปที่ตำแหน่งที่ไม่สามารถพูดได้ สาวน้อยโลลิเบิกตาโต หันมามองโจวเจ๋อ อยากจะจับเขากินสดๆ เสียให้ได้!

เจ้ากล้าตีตำแหน่งที่ไม่สามารถพูดได้!

เจ้ายังกล้าพูดว่าไม่ใช่คุณอาโรคจิตอีกเหรอ

“อ้อ ขอโทษ” โจวเจ๋อปล่อยมือ วางสาวน้อยโลลิกลับไปบนเตียง

แต่สาวน้อยโลลิยังขึงตามองเขาอยู่ โจวเจ๋อรู้สึกอายเล็กน้อย เอ่ยว่า “เมื่อกี้พลั้งมือไปนิดหน่อย ไม่ทันสังเกตว่าคุณกลับมาแล้ว”

“โจวเจ๋อ เจ้าคิดว่าตอนนี้เจ้าสามารถทำอะไรได้โดยไม่มีขื่อมีแปเหรอ” สาวน้อยโลลิพูดดุ

‘แปะ!’ ตำแหน่งที่ไม่สามารถพูดได้ถูกโจมตีอีกครั้ง สาวน้อยโลลิทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ! เมื่อครู่เจ้าพูดว่าพลั้งมือไม่ได้ตั้งใจ!

โจวเจ๋อลูบฝ่ามือที่ตัวเองเพิ่งตีเมื่อครู่แล้วพูดว่า “ครั้งนี้ไม่ได้ตั้งใจ” ขณะที่พูด โจวเจ๋อก็ขยับเข้ามานั่งลงข้างเตียงเขาเอ่ยว่า “อย่าเลียนแบบตัวเอกในหนัง ที่ก่อนตายยังชอบทำปากแข็ง เพราะผมไม่ใช่ตัวร้ายในหนัง ผมจะไม่ยอมเสียเวลากับคุณนานขนาดนั้น”

“เจ้ากล้าฆ่าข้าเหรอ” สาวน้อยโลลิย้อนถาม

‘แปะ!’

‘แปะ!’

‘แปะ!’

ตำแหน่งที่พูดไม่ได้ถูกตีถึงสามครั้ง ร่างกายของสาวน้อยโลลิสั่นติดต่อกันสามที ฟันขบริมฝีปากจนเกือบจะมีเลือดออกมา

“ก่อนหน้านั้นมีคนพูดกับผมแบบนี้ แต่สุดท้ายเธอก็ตาย ดังนั้นอย่ามาขู่ผม เพราะไม่มีประโยชน์ ต่อให้คุณหลบอยู่ในร่างกายนี้ ผมก็หาวิธีบีบบังคับให้คุณออกมาได้”

“เธอถูกเจ้าฆ่าเหรอ” สาวน้อยโลลิรู้ว่าคนที่โจวเจ๋อฆ่า ไม่ หากจะพูดให้ถูกคือผีตนนั้นเป็นใคร

เป็นยมทูต โจวเจ๋อฆ่าไปแล้ว อย่างนั้นจึงไม่แคร์ถ้าจะฆ่าอีกคน

“เจ้าอยากถามอะไร ถามมาเลย” สาวน้อยโลลิพลิกตัว นั่งลงบนเตียง ซ่อนตำแหน่งที่ไม่สามารถพูดได้ของตัวเองเอาไว้

โจวเจ๋อหยิบหนังสือรับรองออกมาวางไว้ในมือ แล้วถามว่า “ยมทูตทำยังไงถึงจะได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ตอนนี้ผมถือว่าได้รับตำแหน่งแล้วหรือยัง”

“เจ้ามีหนังสือรับรอง แล้วยังมีกุญแจประตูนรกของข้า เจ้าก็คือยมทูต”

“ดูแลกันอย่างหละหลวมแบบนี้เหรอ” โจวเจ๋อรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง

“ยมทูตอยู่ระดับต่ำสุดของยมโลกเท่านั้น โลกมนุษย์กว้างใหญ่มาก ถ้าหากยมทูตที่อยู่ระดับต่ำสุดยังต้องได้รับการคัดเลือกและยอมรับจากหัวหน้าในยมโลก อย่างนั้นเรื่องอื่นของหัวหน้าก็ไม่ต้องทำแล้ว แม้แต่ผู้จับกุมผีที่อยู่เหนือยมทูต ก็ไม่จำเป็นต้องมีการรับรอง แค่ต้องมีคุณสมบัติที่สอดคล้องกัน แต่ตำแหน่งผู้ตรวจสอบหลังจากนั้นจำเป็นต้องได้รับการรับรองจากหัวหน้าในยมโลก”

“อ้อ อย่างนี้นี่เอง บรรยากาศการทำงานผ่อนคลายขนาดนี้เชียว อย่างนั้นถ้าใครฆ่าพวกคุณก็สามารถได้ตำแหน่งยมทูตใช่ไหม”

“ทางเดินสู่นรก ข้ามสู่แดน…”

‘แปะ!’

โจวเจ๋อจับสาวน้อยโลลิพลิกตัว แล้วตีลงตำแหน่งที่ไม่สามารถพูดได้อีกครั้ง!

“ทำไม!” สาวน้อยโลลิทนรับความอัปยศที่น่ากลัว

“พูดดีๆ ไม่ต้องพูดสโลแกน” โจวเจ๋อเตือน

“ยมโลกก็มีกฎในแบบของมัน ฆ่ายมทูตเป็นข้อห้าม!” สาวน้อยโลลิตอบ

“รู้สึกว่ายังไร้สาระอยู่ ผมฆ่าแล้ว คนผู้นั้นที่เมืองหรงเฉิงก็ต้องฆ่าแล้วแน่นอน เขาไม่เป็นไรก็ช่างเถอะ แต่ทำไมผมถึงไม่เป็นไรเหมือนกัน”

ขณะที่พูด โจวเจ๋อยกมือขึ้นเตรียมจะตีอีกครั้ง

อืม นุ่มน่าสัมผัสดี

“นั่นเป็นเพราะเจ้าไม่ได้ทำผิดกฎ และยมทูตที่เจ้าฆ่าเดิมทีก็มีปัญหาอยู่แล้ว ถ้าจะพูดว่าเธอเป็นยมทูต สู้พูดว่าเธอเป็นผีร้ายเร่ร่อนจะดีกว่า!”

“โอเค ผมลองสรุปแบบนี้ไม่รู้ว่าถูกไหม หมายความว่ายมทูตก็คือตัวเล็กตัวน้อยที่อยู่ระดับล่างสุด ถ้าตายหรือบาดเจ็บเพราะทำงานก็ไม่มีใครสนใจ ต่อให้ถูกแย่งตำแหน่ง แต่ถ้าผู้สืบทอดไม่ได้ทำผิดและยังทำหน้าที่เดิมของยมทูตต่อ ยมโลกก็ไม่สนใจใช่ไหม”

สาวน้อยโลลิพยักหน้า

“พูดตามความจริง เป็นเจ้าพนักงานแบบนี้ไม่สนุกเลย”

โจวเจ๋อเบ้ปาก แบบนี้คือการโจมตีการตั้งใจทำงานของเขาเองไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ตัวเขายังเป็นพนักงานชั่วคราวอยู่ แต่ตอนนี้พอรู้ว่าถึงจะได้เป็นพนักงานประจำแล้ว ก็ไม่มีหลักประกันอะไร ทันใดนั้นจึงรู้สึกว่าอนาคตของการทำงานช่างมืดมนจริงๆ

ในโลกมนุษย์ ทุกคนพยายามต่อสู้อยากจะเป็นข้าราชการก็เพื่อการงานที่มั่นคง

แต่พอถึงยมโลก กลับไม่ใช่การงานที่มั่นคงแล้ว กระทั่งงานนี้ยังต้องสลับหมุนเวียนกัน

“ยมทูต เป็นวิธีขอฐานะที่ดีที่สุดสำหรับผีที่มายังยมโลก และหนังสือรับรองยมทูตก็ไม่ได้เอามาง่ายๆ โดยทั่วไปแล้ว ไม่สามารถสืบทอดต่อได้”

สาวน้อยโลลิมองหนังสือรับรองที่อยู่ในมือของโจวเจ๋อหนึ่งที ก่อนจะเม้มปากแล้วพูดต่อ

“ตั้งแต่โบราณกาลเป็นต้นมา มีเทพเจ้าแห่งขุนเขาและแม่น้ำใดเพราะเดินไม่ไหวจึงได้รับการอภัยโทษจากจักรพรรดิเจิ้งถ่ง อยากแสวงหาความก้าวหน้า จึงยอมเป็นยมทูตเพื่อเดินสู่เส้นทางนรก นี่ก็เป็นหลักการเดียวกัน”

“โอเค ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง” โจวเจ๋อแบฝ่ามือของตัวเอง “สัญลักษณ์นี้ คุณเอากลับไปได้ไหม”

สาวน้อยโลลิไม่พูด

“ตอบผม” ใบหน้าของโจวเจ๋อเริ่มมืดลงอย่างช้าๆ

สาวน้อยโลลิพยักหน้า

โจวเจ๋อสูดลมหายใจลึกๆ กำหมัดอย่างช้าๆ แล้วถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “เอากลับไปยังไง”

“ของที่ข้าให้เจ้า ข้ามีวิธีเอาคืนอยู่แล้ว”

“เหมือนคุณกำลังหลบคำถามนี้” โจวเจ๋อยื่นมือลูบศีรษะของสาวน้อยโลลิ พลางเอ่ยว่า “มา เด็กดี พูดรายละเอียดกับอาหน่อยว่า สัญลักษณ์นี้ ที่คุณพูดว่าเป็นกุญแจแห่งประตูนรก ต้องใช้วิธีไหนถึงจะเอากลับไปได้”

สาวน้อยโลลิมองโจวเจ๋อ เธอกำลังลังเล

“พูดมา” โจวเจ๋อขึ้นเสียง ขณะเดียวกันเล็บก็งออกยาวออกมา ปลายเล็บเลื่อนไปมาบนใบหน้าของสาวน้อยโลลิเบาๆ

สาวน้อยโลลิพูดเสียงต่ำ “ฆ่าเจ้า ก็เอากลับมาได้แล้ว”

คำตอบเป็นไปตามที่คาดไว้ แต่กลับทำให้ดวงตาของโจวเจ๋อนิ่งลงอย่างมาก เขาไม่โกรธและไม่โมโห อย่างน้อยก็ไม่ได้แสดงอาการใดๆ อออกมา เพียงพูดอย่างเรียบเฉย “หมายความว่า ตอนแรกที่คุณวาดขนมให้ผม สัญญากับผม ให้ความหวังกับผม ล้วนโกหกทั้งเพ คุณแค่ต้องไปทำธุระที่หรงเฉิง ดังนั้นจึงให้ผมช่วยดูแลงานแทนคุณ รอคุณกลับมาคุณก็จะฆ่าผม กระทั่งผมเองก็จะเป็นผลงานของคุณ ใช่ไหม”

สาวน้อยโลลิหลับตา

หากย้อนเวลากลับไป วันนั้น โจวเจ๋อยังมองดูถังซือกับนักพรตเฒ่าโมโหโกรธากับเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหรงเฉิง กระทั่งแสดงกิริยาที่คนทั่วไปมักแสดงออกมาตอนที่ตื่นเต้น

ตอนนั้นตัวเขากลับยังนั่งจิบกาแฟอย่างใจเย็น!

ถ้าหากตัวเขาในตอนนั้นรู้ว่า หากคนผู้นั้นที่เมืองหรงเฉิงเกิดแพ้ขึ้นมา และรอให้สาวน้อยโลลิกลับมา เขาไม่เพียงแต่จะเสียผลประโยชน์ แต่ยังจะแพ้อย่างราบคราบ แล้วเขายังจะนั่งจิบกาแฟอย่างสบายใจเฉิบอยู่อีกไหม!

ไม่แน่เขาอาจจะบ้ายิ่งกว่า ซื้อดอกไม้ไฟนับหมื่นมาจุด

โจวเจ๋อแลบลิ้นออกมาเลียปากตัวเอง เขายังคงมองสาวน้อยโลลิอย่างเงียบสงบ ไม่มีอารมณ์เดือดดาล ไม่ตวาด เพียงถามว่า

“ทำไมคุณไม่กลับไปนรก เป็นเพราะว่าบาดเจ็บหนัก จึงกลับนรกไม่ได้ใช่ไหม หรือว่าคุณในตอนนี้ ก็ไม่กล้าลงนรกเดินผ่านแดนน้ำพุเหลือง”

สาวน้อยโลลิไม่ตอบ เธอเงียบ ซึ่งถือว่ายอมรับแล้ว

โจวเจ๋อหยิบสมุดของตัวเองขึ้นมากวาดตามองหนึ่งที เหมือนกำลังพูดพึมพำกับตัวเองว่า “จับยมทูตส่งกลับไปนรกจะทำผลงานได้เท่าไร”

“ข้าเป็นยมทูต ส่งข้ากลับนรก ไม่มีผลงานอะไร” สาวน้อยโลลิตอบ

“อ้อ ขอโทษ ผมพูดไม่เคลียร์เอง ที่ผมพูดคือ ทำลายหนังสือรับรองของยมทูตตนหนึ่ง จากนั้นทรมานเธอให้เป็นผีร้ายไร้สติ แล้วค่อยส่งเธอกลับไปนรก ก็จะเป็นผลงานแล้วใช่ไหม”

…………………………………………………………………………