ฝนในฤดูใบไม้ร่วงทำให้อากาศหนาวเร็วเป็นพิเศษ
โส่วเซี่ยงหลู่เฉียนยังคงเหมือนเด็กรุ่นเยาว์ เขาจุดเตาผิงพลางนั่งผิงไฟไปอ่านหนังสือไป และตีขาตนเองเป็นครั้งคราว
ฟู่จินนั่งอยู่ข้างเตาผิงเขาจิบสุราอุ่นในขณะที่โยนถ่านไม้ไผ่ลงในกองไฟ
“อาการป่วยของท่านชัดเจนยิ่งกว่าเมื่อก่อนเสียอีก!” ฟู่จินพูด
หลู่เฉียนดื่มชาก่อนกล่าวว่า “อายุก็มากแล้วอากาศก็หนาว ขาเหมือนไร้ความรู้สึก ยามที่ฝนตกจะรู้สึกลำบากเป็นพิเศษ”
ฟู่จินหรี่ตา “เกิดอะไรขึ้นกับขาของท่านงั้นหรือ”
หลู่เฉียนพูดอย่างเฉยเมย “ในช่วงที่ติดตามองค์หญิงใหญ่ออกรบ ข้าได้รับบาดเจ็บเพราะได้รับอากาศหนาวตอนอยู่ที่ทางเหนือ”
“อ้อ องค์หญิงใหญ่…” น้ำเสียงที่ลากยาวเหมือนมีความนัยอะไรบางอย่าง
หลู่เฉียนยังคงนิ่งเขาดื่มชาก่อนเอ่ย “ท่านไม่ควรมาที่นี่”
ฟู่จินโยนถ่านก้อนหนึ่งลงในกองไฟอีกครั้งแล้วหันมาหยิบที่คีบที่ทำจากไม้ไผ่อันยาว “ควรไม่ควรก็มาแล้ว แต่มีเรื่องบางอย่างที่ได้ถูกลิขิตไว้จะให้หนีก็หนีไม่พ้น”
“เดินมาถึงจุดนี้เพราะถูกลิขิตไว้แล้ว”
ฟู่จินยิ้มแล้วสั่งบ่าวรับใช้ให้นำสุราอุ่นมาให้หน่อย “มีสุราแต่ไร้อาหารช่างน่าเบื่อ เจ้าไปนำหมั่นโถวหนึ่งจานที่ครัวมาหน่อยเอาแบบเย็นที่หั่นเป็นชิ้นแล้วนะ” บ่าวรับใช้รับคำแล้วเดินออกไป
ภายในห้องจึงเหลือพวกเขาเพียงสองคน
“เป็นสิ่งที่ถูกลิขิตไว้หรือไม่ ท่านต้องตอบแทนน้ำใจนี้มิใช่หรือ บุญคุณขององค์หญิงใหญ่แล้วยังบุญคุณของไท่จื่อในตอนนั้นด้วย” ชาที่เติมน้ำไปสามรอบช่างจืดชืดไร้รสชาติ
หลู่เฉียนวางถ้วยชาลงแล้วพูดว่า “หากไม่ใช่เพราะพระคุณขององค์หญิงใหญ่ ตาแก่อย่างข้าคงไม่สามารถดูแลเขามาหลายปีนี้ได้ หากไม่ใช่เพราะพระคุณของไท่จื่อตอนนั้นข้าคงไม่จัดการแทนพวกเจ้า”
ฟู่จินหัวเราะ “นั่นสินะ! ในเมื่อทำไปแล้วทำไมไม่ทำให้ครบเสียล่ะ มาเอาตัวรอดตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วจริงหรือไม่”
หลู่เฉียนหัวเราะเสียงเย็น “คนในตระกูลหลู่ของข้ามีมากมายหลายร้อยชีวิต ท่านหมายถึงเรื่องนี้หรือไม่”
ฟู่จินมีสีหน้าอ่อนลงทันที “เหตุใดถึงทำท่าทางเช่นนั้นเล่าท่านเป็นโส่วเซี่ยง เรื่องเล็กน้อยแค่นี้จำเป็นต้องเอาชีวิตคนในจวนท่านหลายร้อยคนเชียวหรือ”
“เรื่องเล็กงั้นหรือ” หลู่เฉียนแค่นหัวเราะเขามีสีหน้าบูดบึ้ง “โอรสสวรรค์ได้รับความเคารพสูงสุดแบบนี้ท่านเรียกว่าเรื่องเล็กหรือ”
คนทิฐิสูงเช่นนี้ฟู่จินได้แต่ไหวไหล่ “จากที่ท่านพูดมาให้มองดูเขาทิ้งชีวิตก็ถือว่าแก้ไขเรื่องหลักได้แล้วก็จะสามารถแก้ไขเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องได้งั้นหรือ”
หลู่เฉียนเลิกคิ้วเขาก้มหน้ามองขาตนเองแล้วพูดว่า “เขาไม่ตายหรอก”
ฟู่จินหรี่ตา “ท่านแน่ใจได้อย่างไร”
“กุ้ยเฟยยังอยู่” หลู่เฉียนพูดเสียงเบา
ฟู่จินเงียบไปในทันที
เวลาผ่านไปนานเขาถอนหายใจออกมายาวๆ แล้วพูดว่า “นี่ท่านผู้เฒ่าข้ารู้สึกอับอายเหลือเกิน! พวกเราแต่ละคนถูกเรียกว่าเป็นผู้มีความรู้ทั้งเรื่องในอดีตและปัจจุบันเป็นผู้มีความรู้มาก แต่กลับต้องให้สตรีคนหนึ่งอยู่ข้างเราเพื่อปกป้องชีวิตของเขา”
สีหน้าของหลู่เฉียนไร้อารมณ์ “ก่อเรื่องเล็กน้อยต่อหน้าชายชรา แต่ต่อหน้าฝ่าบาทไม่ว่าผู้ใดล้วนเป็นมดทั้งนั้น”
ฟู่จินรีบเอ่ยโจมตีจุดบกพร่องของคู่ต่อสู้ “ในเมื่อเป็นมดปล่อยได้ให้ปล่อยไป ใช่หรือไม่”
เมื่อเห็นชัดว่าอีกฝ่ายไม่ยอมแพ้จนกว่าจะได้รับคำตอบหลู่เฉียนขมวดคิ้ว ในที่สุดเขาก็มีท่าทีอ่อนลงแล้ววิเคราะห์กับอีกฝ่ายว่า
“ในเมื่อฝ่าบาทอนุญาตให้เขามีชีวิตจนถึงตอนนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะต้องการชีวิตเขาเพราะเรื่องแค่นี้ แต่หากเรื่องเก่าถูกเปิดเผยออกมาพระองค์คงรู้สึกเหมือนใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุขเท่าไรนัก”
“ไม่มีความสุขเลยจับเขาเข้าคุกหลวงงั้นหรือ แบบนี้ทำไม่ถูกต้องนะ” ฟู่จินแสดงความคิดเห็น “เขาเป็นถึงฮ่องเต้แต่เหตุใดถึงออกคำสั่งตามอารมณ์ของตนเองกันเล่า ก่อนหน้านี้ทำให้ผู้อื่นเข้าใจว่าเขาเป็นบุตรนอกสมรส ตอนนี้กลับปฏิบัติเช่นนี้กับเขา เขาจะสงสัยไม่ได้งั้นหรือรอให้เขารู้ชาติกำเนิดของตนเองก็เหลือเพียงหนทางเดียวก็คือฆ่าเพื่อตัดปัญหาในอนาคต และหากฆ่าเขา กุ้ยเฟยจะมีชีวิตอยู่ได้หรือ หรือว่าตอนนี้พระองค์แค่ต้องการชาติบ้านเมืองกุ้ยเฟยล้วนไม่สำคัญอีกแล้ว”
สีหน้าของหลู่เฉียนยังคงเฉยเมย
ฟู่จินพูดอีกว่า “ในเมื่อปล่อยกุ้ยเฟยไปไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องปล่อยเขาไปไม่ใช่หรือ แต่สิ่งที่ทำในตอนนี้มันต่างอะไรกับอารมณ์ฉุนเฉียวของเด็กเล่า ไม่มีประโยชน์เลยสักนิด แถมยังทิ้งปัญหาในอนาคตนี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เป็นฮ่องเต้ควรกระทำไม่ใช่หรือ”
หลู่เฉียนถอนหายใจ “แล้วท่านคิดจะทำอะไร หลายปีมานี้ท่านไม่เคยก้าวเข้ามาในเมืองหลวง เมื่อรู้ว่าเขามีโอกาสสูงที่จะมีชีวิตอยู่ทำไมถึงต้องมาเสี่ยงเพียงนี้ด้วย”
เมื่อคำพูดของอีกฝ่ายสื่อว่า ‘เขาจะสร้างปัญหา’ ฟู่จินก็ไม่พอใจ “ท่านพูดเองนะ! นี่ข้ากำลังคิดเพื่อเจ้าแผ่นดินเพื่อชาติบ้านเมือง ราชสำนักกำลังวุ่นวายเป็นเรื่องดีตรงไหนกัน”
หลู่เฉียนไม่ตอบอะไร
ฟู่จินต้องการขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นจึงต้องอ่อนข้อให้ เขาถอนหายใจเงียบๆ ด้วยใบหน้าโศกเศร้าและหดหู่ “ท่านก็เห็นว่าจนถึงตอนนี้เขาไม่มีโอกาสแม้แต่นิดเดียว ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ข้าก็คิดที่จะทำสิ่งที่คนตายไหว้วาน เพราะฉะนั้นข้าอยากจะทำสิ่งสุดท้ายให้เขา และปล่อยให้เขาจากไปอย่างมีศักดิ์ศรี จากนี้ไปทุกคนสามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจไร้กังวลอีกต่อไป” หลู่เฉียนมองเขาด้วยแววตานิ่งสงบ
ฟู่จินมองกลับไปด้วยสีหน้าจริงใจ หลังจากนั้นไม่นานหลู่เฉียนก็ถามด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “จริงหรือ”
ฟู่จินยกมือ “ข้าสาบานในนามของบรรพบุรุษ”
ในที่สุดหลู่เฉียนก็สงบลงและพูดว่า “ได้ ท่านคิดจะให้เขาจากไปอย่างไร”
ฟู่จินยิ้ม “ให้เขาไปเลี้ยงม้าที่ซีเป่ย !”
หลู่เฉียนเลิกคิ้ว “ทำไมต้องเป็นซีเป่ย”
“เนรเทศไง! ที่นั่นรกร้างพอควร” ฟู่จินตอบอย่างไหลลื่น “แน่นอนว่าต้องให้เหตุผลแก่เขาเช่นระลึกถึงบุญคุณของบรรพบุรุษเตรียมรบเพื่อต้าฉี…”
พูดจบเขาก็ถอนหายใจอีกครั้ง “พอนึกถึงเขาที่เป็นคุณชายต้องออกจากตระกูลร่ำรวยเพื่อเดินทางไปอยู่ที่ยากลำบากเช่นนั้นก็น่าสงสาร อีกไม่กี่ปีคนในเมืองหลวงก็คงลืมไปให้เขาออกจากราชการหรือไม่ก็กลายเป็นเศรษฐีได้เดินทางไปทั่วหล้า ใช้ชีวิตนี้อย่างมีความสุข แค่นี้ข้าก็ถือว่าไม่ละอายใจต่อคำร้องขอจากผู้ที่จากไปแล้ว”
หลู่เฉียนพยักหน้าช้าๆ “คำขอนี้ชายชราอย่างข้ารับปากให้ได้ แต่เจ้าต้องตอบรับคำขอของข้าด้วย”
ฟู่จินยิ้มเล็กน้อย “เชิญท่านบอกมาได้เลย”
“จบเรื่องนี้ท่านต้องไปจากที่นี่แล้วอย่าเข้ามายุ่งกับราชสำนักอีก!”
“ไอหยา ท่านก็กังวลเกินไป” ฟู่จินพูด “เรื่องนี้ข้าบอกไปตั้งนานแล้วท่านไม่ต้องห่วง!”
หลู่เฉียนหยิบที่คีบไม้ไผ่ขึ้นมาแล้วกดจุดไฟถ่าน “ท่านกลับไปพักเถอะ”
พูดจบบ่าวรับใช้ก็กลับมาพร้อมกับหมั่นโถว
ฟู่จินฉกมันมาทานอย่างมีความสุข “นายท่านปฏิเสธอย่างเด็ดเดี่ยวเสียจริง เรือนของท่านใหญ่เพียงนี้ ไม่มีห้องให้ข้าอาศัยเลยหรือ มาๆ ย่างหมั่นโถวทานกันเถิด”
…………
สภาพแวดล้อมในคุกไม่สกปรกอย่างที่คนนอกคิด
ห้องขังที่แยกออกมาเดี่ยวๆ นอกจากไม่มีประตูที่เป็นทางการแล้วห้องนี้ก็ไม่ต่างจากห้องเดี่ยวเล็กๆ ในโรงเตี๊ยมเลย
ยิ่งไปกว่านั้นเหตุผลที่คุณชายสามตระกูลหยางถูกคุมขังนั้นแปลกเกินไป ผู้ใดจะกล้าละเลยฮ่องเต้กัน บางทีฮ่องเต้อาจกริ้วอยู่พักหนึ่ง และมีคำสั่งให้ปล่อยตัวในวันรุ่งขึ้นก็เป็นได้
เพราะฉะนั้นเขาไม่เพียงมีห้องเดี่ยวเล็กๆ แต่ยังมีอาหารผัดให้ทานและหนังสือภาพให้ดูอีกด้วยแน่นอนว่ามีเสื้อผ้าให้สวมใส่
แต่เขาไม่มีอารมณ์ที่จะดูเลย พลิกสองหน้าก็โยนทิ้งไปมีเตียงไม้ก็ไม่นั่ง เขาเพียงนั่งใต้หน้าต่างบานเล็กที่ระบายอากาศได้ จ้องมองแสงจันทร์ที่ส่องเข้ามาด้วยความสับสน
ผู้คุมนักโทษเห็นเขาที่เป็นเช่นนี้ก็ถอนหายใจและส่ายหัวด้วยความเห็นใจ
โทษที่ได้รับหนักเกินไปหรือไม่ เป็นคุณชายที่ดี เสกลมได้ลม เสกฝนได้ฝน จู่ๆ ก็มาถูกขังผู้ใดจะทนได้กันเล่าช่างน่าเห็นใจจริงๆ…
ผู้คุมส่ายหน้าแล้วเดินออกไป
เขาเลยไม่เห็นว่ามีกระดาษแผ่นเล็กลอยเข้ามาจากหน้าต่างระบายอากาศเล็กๆ และตกลงมาต่อหน้าคุณชายหยาง