ตอนที่ 495 เกินเยียวยาจริงๆ !
มองดูท่าทางไม่เป็นมิตรของเว่ยสวีเฟิง หลินเยียนมองไปทางเว่ยสวีเฟิงด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแล้วพูดขึ้น “ทำไมเหรอ?”
“หลินเยียน ปกติฉันอยู่ที่ไหน เธอก็จะอยู่ตรงนั้น แต่นั่นช่างเถอะ ถ้าวันนี้เธอทำอะไรบ้าบอ ระวังไฟจะลนตัวเองเอานะ” เว่ยสวีเฟิงพูดกับหลินเยียนด้วยน้ำเสียงเย็นชา
จากจุดที่ห่างจากนั้นไม่ไกล ฉีเซ่าหยวนแอบส่ายหัวไม่ได้ เยี่ยม เจ้าเว่ยสวีเฟิงเริ่มโชว์โง่อีกแล้ว
ในสายตาฉีเซ่าหยวนแล้ว การกระทำของเว่ยสวีเฟิงนี่ถือว่าฆ่าตัวเองชัดๆ ตอนนี้ยิ่งสะใจแค่ไหน ผลที่ต้องชดใช้ในอนาคตก็มีมากเท่านั้น
ถ้าวันไหนเว่ยสวีเฟิงรู้ว่าหลินเยียนก็คือบอสล่ะก็ เขาจะทำยังไง จะเอาหัวไปโขกกำแพงให้ตายคาที่เลยหรือเปล่านะ?
“หลินเยียน ฉันขอบอกก่อนนะ ไม่ว่าใครเชิญเธอมาที่งานแบบนี้ ถ้าเธอทำอะไรบ้าๆ ล่ะก็ ฉันมีเรื่องกับเธอแน่” เว่ยสวีเฟิงจ้องเขม็งใส่หลินเยียน
“ไอ้เฟิง”
จู่ๆ ฉีเซ่าหยวนรีบเดินต้อนเข้ามา สายตาจ่ออยู่บนเว่ยสวีเฟิงแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงแข็ง “นายพอได้หรือยัง เขาไม่ได้ไปวุ่นวายอะไรกับนายซะหน่อย นายเป็นบ้าอะไรเนี่ย”
สิ้นเสียงฉีเซ่าหยวน เว่ยสวีเฟิงมองไปทางฉีเซ่าหยวน
วันนี้การกระทำของฉีเซ่าหยวนในสายตาเว่ยสวีเฟิงถือว่าผิดจากปกติไปโดยสิ้นเชิง เขาไม่รู้ว่าทำไมฉีเซ่าหยวนต้องทำแบบนี้
ไม่เพียงแค่เชิญหลินเยียน อีกทั้งยังปกป้องหลินเยียนตลอด ตามหลักแล้ว มันไม่สมควรจะเป็นแบบนี้นะ…
“ฉีเซ่าหยวน นายเป็นอะไรไป?”
เว่ยสวีเฟิงจ้องไปยังฉีเซ่าหยวนแล้วขมวดคิ้วเข้มขึ้นเล็กน้อย
“อะไรมาฉันเป็นอะไรไป…ฉันสิต้องถามนายว่านายเป็นอะไรไป” ฉีเซ่าหยวนถามกลับ
“อย่าบอกว่า…นายมีบางอย่างกับเธอน่ะ?” เว่ยสวีเฟิงตะลึง
ได้ยินแบบนั้นแล้ว มุมปากฉีเซ่าหยวนกระตุกเล็กน้อย เขาก็อยากเหมือนกัน…แต่เป็นไปได้ไหมล่ะ
อีกอย่าง สำหรับความรู้สึกที่เขามีต่อบอส เป็นแค่ความเคารพและชื่นชมอย่างบริสุทธิ์ อะไรคือการมีบางอย่างกับเธอ
“อย่ามาเพ้อเจ้อ บอ…คุณหลินเยียนเป็นไอดอลของฉัน ฉันชอบหนังที่คุณหลินเยียนแสดง โดยเฉพาะตัวละครที่ชื่อหลิน…หลินเพียนเพียนอะไรนั่นน่ะ” ฉีเซ่าหยวนครุ่นคิดสักพัก พยายามนึกชื่อให้ออก
หลินเยียน “…”
“หลินเผี่ยนรั่วน่ะ” หลินเยียนแก้ไขให้
เจ้าฉีเซ่าหยวน ดูก็รู้ว่าทำการบ้านได้ไม่ดี
“อ้อ ใช่ ใช่แล้ว หลินเผี่ยนรั่วนั่นแหละ…” ฉีเซ่าหยวนพยักหน้าแรงๆ “ดีมากเลย”
เว่ยสวีเฟิงจะไปเชื่อคำพูดเพ้อเจ้อแบบนี้ของฉีเซ่าหยวนได้ยังไงกัน
“ฉีเซ่าหยวน นายเป็นคนไม่ดูหนังไม่ใช่เหรอ” เว่ยสวีเฟิงพูดขึ้น
ตอนที่ ‘คู่ปรับมหากาฬ’ เข้าฉาย ตัวเองเคยให้ตั๋วเขาไว้แต่เขาไม่ไปดูเลย
“เหมือนกันที่ไหนล่ะ เมื่อก่อนไม่ดูไม่ได้แปลว่าตอนนี้ไม่ดู หลังจากนี้ไป ถ้าเป็นภาพยนตร์ที่คุณหลินเยียนเล่น ฉันจะดูหนึ่งร้อยรอบทุกเรื่อง!” ฉีเซ่าหยวนพูดขึ้น
ได้ยินฉีเซ่าหยวนพูดเช่นนี้แล้ว สีหน้าเว่ยสวีเฟิงยิ่งรู้สึกสงสัยเข้าไปอีก
เขาเข้าใจฉีเซ่าหยวน เป็นอย่างดี ดังนั้นจะไปเชื่อคำเพ้อเจ้อของฉีเซ่าหยวนได้ยังไงกัน
“หลินเยียน จะบอกให้นะ ไม่ต้องมาเข้าใกล้ฉันแล้วก็เพื่อนฉัน…ฉันไม่สนใจว่าเธอใช้วิธีอะไรทำให้ฉีเซ่าหยวนปกป้องเธอแบบนี้ แต่ฉันยังยืนยันคำเดิม อย่ามาท้าทายกับความอดทนของฉัน” สายตาเว่ยสวีเฟิงแฝงไปด้วยความเย็นชา
“ได้สิ” หลินเยียนเผยยิ้มบางๆ แล้วหันไปมองฉีเซ่าหยวน “ใช่ไหมล่ะ”
“ไม่สิ ไม่ใช่แน่นอน แค่ไม่ต้องเข้าใกล้มันก็พอ!” ฉีเซ่าหยวนรีบพูดขึ้น
“เจ้าเฟิงเอ้ย นายเกินเยียวยาจริงๆ นายจะเสียดายทีหลังแน่ๆ แบบประเภทอยากเอาหัวโขกกำแพงจนตายเลยล่ะ” ฉีเซ่าหยวนได้พูดกับเว่ยสวีเฟิงด้วยความลำบากใจ
ตอนที่ 496 ไม่ยอมจากไปแม้แต่วินาทีเดียว
ฉีเซ่าหยวนอดทนจนแทบจะบ้า เว่ยสวีเฟิงนี่ช่างซื่อบื้อจริงๆ ตัวเองกำลังช่วยเขาอยู่ แต่เขาดันไม่รู้ตัวซะงั้น คิดว่าตัวเองไปมีบางอย่างกับหลินเยียน ก็ถือว่าช่วยไม่ได้แล้วจริงๆ
ผลกรรมที่ตัวเองได้ปลูกเอาไว้ ก็กินเองแล้วกัน
“หลินเยียน อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเธอมาทำอะไรที่นี่ แต่จะบอกให้นะ ถ้าเธอไปรบกวนเยวา ฉันไม่ยอมปล่อยเธอไปแน่นอน
อีกอย่าง นอกจากเธออยากเข้าใกล้ฉันแล้ว เธอยังมีเป้าหมายอีกอย่าง…ถึงแม้เธออยากจะคว้าตัวละครเยวาไว้ ฉันคิดว่าเธอใช้วิธีเป็นธรรมหน่อยก็ได้ ไม่ใช่มาหลอกใช้เพื่อนฉัน ขอร้องให้เขาพาเธอมาที่แบบนี้ ใช้วิธีนี้เพื่อเรียกร้องความสนใจซะงั้น” เว่ยสวีเฟิงจ้องไปทางหลินเยียนแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ได้ยินที่เว่ยสวีเฟิงพูดแล้ว หลินเยียนงงจนไม่รู้จะพูดอะไร แทบอยากจะลุกขึ้นมาตบมือให้เว่ยสวีเฟิง การจินตนาการของเจ้าหมอนี่ช่างล้ำเลิศจริงๆ เป็นแค่นักแสดงในวงการบันเทิงถือว่าเสียของจริงๆ
“ฉันคิดว่านายควรเปลี่ยนอาชีพนะ” หลินเยียนมองไปทางเว่ยสวีเฟิงแล้วหัวเราะ “นายไม่ควรเป็นแค่นักแสดง ด้วยจิตนาการของนายควรไปเป็นนักเขียนน่ะ ฉันคิดว่าอาชีพนักเขียนน่าจะดูมีอนาคตสำหรับนายนะ”
จากนั้นเว่ยสวีเฟิงทำเสียง ‘หึ’ อย่างไม่พอใจ “อย่ามาพูดมากเลย คำพูดของฉัน เธอจำไว้ให้ดีแล้วกัน”
พูดจบ เว่ยสวีเฟิงดึงตัวฉีเซ่าหยวนมา “ตามฉันมา ตั้งแต่ตอนนี้ไป นายมาอยู่ข้างๆ ฉัน”
“ไม่นะ…ใครจะไปอยู่ข้างๆ นายล่ะ ฉันจะไปอยู่ข้างๆ คุณหลินเยียน…ฉันจะไม่ยอมจากไปแม้แต่วินาทีเดียว…เฮ้…เลิกดึงฉันได้แล้ว…”
เห็นฉีเซ่าหยวนโดนเว่ยสวีเฟิงดึงไป หลินเยียนส่ายหน้าด้วยความลำบากใจ เหมือนที่ฉีเซ่าหยวนเคยพูดไม่มีผิด เจ้าเว่ยสวีเฟิงนี่ไม่ค่อยฉลาดจริงๆ
แต่จะว่าไม่ฉลาดก็ไม่เชิง เพราะจินตนาการล้ำเลิศมาก เขาวิเคราะห์พัฒนาการตามตรรกะตัวเองได้เป็นตุเป็นตะเลยล่ะ
……
“พี่สะใภ้ เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นเหรอ หมอนั่นทำอะไรอีก ให้ผมจัดการเขาแทนพี่ไหม” ผ่านไปสักพัก เผยอวี่ถังเดินมาข้างๆ หลินเยียนที่ยืนอยู่โดยลำพัง
“ช่างเถอะ” หลินเยียนเหลือบมองเผยอวี่ถัง “ถ้าเกิดอะไรขึ้น ฉันก็ต้องปกป้องเธออยู่ดี”
“พี่สะใภ้ทำไมพูดแบบนี้ล่ะครับ ความสัมพันธ์ระหว่างเรา พี่ปกป้องผมก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ…ต่อไปนี้พวกเรามาแบ่งหน้าที่กันได้ ใครกล้ามายุ่งกับพวกเรา พี่สะใภ้ก็ทำหน้าที่ต่อยมันเลย!” เผยอวี่ถังเอ่ยปากพูด
ได้ยินแบบนั้นแล้ว หลินเยียนชะงักไปเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นด้วยความงุนงง “ฉันเป็นคนต่อย…แล้วเธอล่ะ”
เผยอวี่ถังหัวเราะคิดคัก ดูจากท่าแล้วเหมือนเขินที่จะพูดออกมา “ผม…ผมทำหน้าที่ด่าก็พอแล้วครับ”
หลินเยียน “…”
ดูไม่ออกเลยจริงๆ นิสัยอย่างเผยอวี่ถังเป็นน้องชายของเผยอวี้เฉิงได้ไงกัน
จริงๆ แล้วยังไม่ต้องพูดถึงเผยอวี้เฉิง ถ้าไม่รู้ความสัมพันธ์ของพวกเขา ถ้าจะบอกว่าเผยหนานซวี่เป็นน้องชายของเผยอวี่ถัง หลินเยียนก็ไม่มีทางเชื่อแน่นอน!
แบบนี้เหรอพี่น้อง ต่างกันเยอะเกินไปหรือเปล่าเนี่ย
ไม่น่าหละ เผยอวี่ถังท่องโลกภายนอกมานานขนาดนี้ แต่ไม่เคยมีใครสงสัยว่าเขาเป็นใครเลย นิสัยแบบนี้ของเขาคงจะเป็นการพรางตัวที่ดีที่สุดแล้วล่ะ
ไม่ต้องกลัวว่าโดนจับได้ ต่อให้บอกทุกคนไปตรงๆ ว่าเผยอวี่ถังเป็นน้องชายของเผยหนานซวี่หรือเผยอวี้เฉิง ก็คงไม่มีใครอยากจะเชื่อแน่นอน
มองดูเผยอวี่ถังที่พูดไม่หยุดนั้น รู้สึกปวดใจขึ้นมาเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าพ่อเผยกับแม่เผยจะลำเอียงไปหน่อยสินะ…