ตอนที่ 547 หัวใจอยู่ด้วยกันสำคัญที่สุด / ตอนที่ 548 ลิฟต์ระทึกขวัญ

ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ

ตอนที่ 547 หัวใจอยู่ด้วยกันสำคัญที่สุด

 

 

เป็นการเปลี่ยนประเด็นสนทนาได้แปลกมาก อวี๋กานกานเกือบจะสำลักชานมพุ่งออกมาแล้ว เธอมองหลินจยาอวี่นิ่งค้างแววตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ

 

 

หลินจยาอวี่ก็รู้สึกว่าตัวเองพูดตรงไปหน่อยจึงกล่าวด้วยนัยน์ตาเจือรอยยิ้ม “ฉันมีเพื่อนผู้ชายอยู่คนหนึ่งช่วงนี้พบว่าตัวเองรักเพศเดียวกันแล้วเขาก็กลุ้มใจมาก ฉันคิดว่าเธอเป็นหมอบางทีอาจจะมีวิธีช่วยได้”

 

 

อวี๋กานกานเอ่ยตอบ “รสนิยมทางเพศเป็นปัญหาที่ซับซ้อนและทุกรสนิยมทางเพศไม่ได้แบ่งแยกว่าดีหรือร้ายนะ มีหลายทฤษฎีเกี่ยวกับการเกิดรสนิยมทางเพศแต่หลายคนคิดว่านี่ถูกกำหนดโดยธรรมชาติดังนั้นจึงไม่มีทางแก้ไขได้”

 

 

“ไม่มีทางแก้ไขเหรอ” หลินจยาอวี่มีสีหน้าตะลึงงัน หากลู่เสวี่ยเฉินไม่สามารถเปลี่ยนรสนิยมทางเพศเช่นนั้นหวังว่าเขาจะไปรักผู้ชายคนอื่นแล้วไม่ต้องมาเกาะแกะแค่ฟังจือหันคนเดียวก็คงจะดี

 

 

“อืม” อวี๋กานกานพยักหน้าตอบแล้วใช้สายตาจ้องไปที่เธออย่างนึกสงสัยใคร่รู้ “ทำไมจู่ๆ เธอถึงถามเรื่องรสนิยมทางเพศล่ะ ใครเป็นเหรอ”

 

 

“ไม่มีใครทั้งนั้นแหละ” หลินจยาอวี่หลบสายตาไปทางอื่น

 

 

“คงไม่ใช่ลู่เสวี่ยเฉินหรอกมั้ง”

 

 

“เปล่า” หลินจยาอวี่รับปากกับลู่เสวี่ยเฉินแล้วว่าจะไม่เรื่องนี้กับใคร แน่นอนว่านี่ก็ไม่รับรองเหมือนกัน

 

 

อวี๋กานกานถอนหายใจเฮือก “ไม่ต้องแก้ไขหรอกก็ปล่อยให้เป็นตามธรรมชาตินั่นแหละ”

 

 

เธอพูดพลางเอื้อมมือไปลูบหน้าท้องของหลินจยาอวี่ “ตอนนี้แค่ดูแลลูกชายเธอให้ดีๆ ก็พอแล้ว”

 

 

หลินจยาอวี่เอ่ยถาม “เธอบอกว่าเป็นลูกชายอย่างนั้นเหรอ เธอจับชีพจรได้ใช่ไหม”

 

 

อวี๋กานกานยิ้มแล้วกล่าวว่า “มีบันทึกในหนังสือทางการแพทย์โบราณของจีนว่าชีพจรลมปราณโรคซ้ายเป็นชาย โรคขวาเป็นหญิง”

 

 

“หมายความว่ายังไงเหรอ”

 

 

“ประมาณว่าหากชีพจรข้างซ้ายชัดกว่าเป็นเด็กผู้ชาย แต่ถ้าชีพจรทางขวาชัดกว่าแสดงว่าเป็นเด็กผู้หญิง แต่ถึงยังไงความแม่นยำของชีพจรในการระบุเพศยังไม่สูงนัก”

 

 

สีหน้าของหลินจยาอวี่พลันอ่อนลงราวกับสายลมบางเบายามวสันต์ฤดู “ฉันอยากได้ลูกสาวหวังว่าครั้งแรกเธอจะจับชีพจรพลาดนะ”

 

 

อวี๋กานกานแสดงสีหน้าเป็นสุขเช่นกันก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยตอบ “ฉันก็ชอบลูกสาวเหมือนกัน ต้องเรียกฉันว่าแม่ทูนหัวนะรู้ไหม”

 

 

หลิยจยาอวี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยตอบ “ถ้าหากเป็นลูกสาวล่ะก็ให้เรียกแม่ทูนหัว แต่ถ้าเป็นลูกชาย งั้นในอนาคตก็ให้แต่งงานกับลูกสาวของเธอ”

 

 

อวี๋กานกานตะลึงงัน “เธอวาดฝันเอาไว้ซะสวยเชียว”

 

 

หลินจยาอวี่กะพริบตาปริบๆ แล้วพยักหน้าเป็นมั่นเป็นเหมาะ “พวกเธอต้องขยันๆ หน่อย”

 

 

อวี๋กานกานพลันแก้มแดงแล้วพูดอย่างเหนียมอาย “พวกเรายังหนุ่มยังสาวศึกษาดูใจกันไปก่อนเรื่องแต่งงานไว้ค่อยว่ากันทีหลัง”

 

 

“เกรงว่าฟังจือหันจะไม่ยอมน่ะสิ” ผู้ชายนั้นออกจะเผด็จการ หากต้องแต่งงานกันจริงๆ เกรงว่าอวี๋กานกานคงปฏิเสธไม่ได้

 

 

“เขาให้เกียรติฉันมากเลยนะ ขอแค่อยู่ด้วยกันสองคนจะคบกันหรือแต่งงานกันก็ไม่มีอะไรแตกต่าง”

 

 

“ก็จริง หัวใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด”

 

 

ทั้งสองคุยกันเพลินจนพลบค่ำแล้วเตรียมตัวออกไปทานอาหารค่ำพร้อมกัน ส่วนฟังจือหันและลู่เสวี่ยเฉินจะเป็นคนมารับพวกเธอ

 

 

ในลิฟต์ หลินจยาอวี่มีอาการพะอืดพะอมเล็กน้อยยกมือกุมหน้าอกทำท่าราวกับอยากอาเจียน อวี๋กานกานกานจึงช่วยลูบหลังให้ “ตอนนี้เธอยังแพ้ท้องอยู่อีกเหรอ”

 

 

“ก็ไม่มากเท่าไหร่แล้ว มีเป็นบางครั้งน่ะ”

 

 

อยู่ดีๆ ลิฟต์ก็เกิดการสั่นไหวเล็กน้อยแล้วหยุดค้างไปเสียดื้อๆ

 

 

อวี๋กานกานกับหลินจยาอวี่ตกใจใบหน้าเลิ่กลั่กมองไปยังปุ่มกดลิฟต์

 

 

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมลิฟต์ถึงค้างได้”

 

 

พูดยังไม่ทันขาดคำลิฟต์ก็สั่นอีกครั้งเหมือนกับกำลังจะตกลงไปข้างล่าง อวี๋กานกานรีบประชิดหลิน

 

 

จยาอวี่ “เธอรีบยืนเกาะลิฟต์เอาไว้ให้แน่นเลยนะ แล้วค่อยๆ ย่อครึ่งตัว”

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 548 ลิฟต์ระทึกขวัญ

 

 

หลินจยาอวี่รีบปฏิบัติตามที่เธอบอก

 

 

สีหน้าของเธอซีดเผือดราวกับหิมะ อีกทั้งยังยืนไม่มั่นคง เพราะเกรงว่ามันจะอ่อนแรงร่วงลงพื้นหากไม่เกาะยึดผนังลิฟต์เอาไว้

 

 

แค่นี้ก็ขวัญกระเจิงหมดแล้ว

 

 

อวี๋กานกานเองก็หวาดกลัวมากเช่นกัน ภาพเหตุการณ์ลิฟต์นองเลือดต่างๆ นานา แวบเข้ามาในหัวราวกับกำลังฉายภาพยนตร์

 

 

ทำอย่างไรถึงจะไม่ให้หวั่นกลัว

 

 

แต่เธอจะกลัวไม่ได้ หากเธอขวัญหนีดีฝ่อเสียก่อนหลินจยาอวี่จะแย่เอา

 

 

เธออดทนเก็บความตื่นตระหนกเอาไว้ในใจแล้วเอ่ยปลอบคุณแม่ตั้งครรภ์ที่อยู่ข้างกาย “จยาอวี่ เธอวางใจได้จะต้องไม่เป็นอะไร ลิฟต์นี้เกิดเหตุขัดข้องเป็นปกติ เดี๋ยวก็ดีขึ้น”

 

 

เมื่อสิ้นเสียง

 

 

ไฟในลิฟต์ทุกดวงก็ดับทันที

 

 

หลินจยาอวี่ที่ปกติดูเย็นชาแต่หัวใจค่อนข้างอ่อนไหว เธอไม่ได้สงบสติอารมณ์เหมือนอวี๋กานกานแล้วกรีดร้องอย่างควบคุมไม่ได้ “อ๊า!”

 

 

“ไม่ต้องกลัวนะไม่ต้องกลัวเมื่อ ลิฟต์ขัดข้องไฟมันต้องดับแน่นอนอยู่แล้ว…” อวี๋กานกานตะลีตะลานลูบหลังปลอบหลินจยาอวี่ มือข้างหนึ่งพยุงผนังลิฟต์เอาไว้ส่วนอีกข้างยื่นไปกดปุ่ม SOS ที่มีไฟส่องสว่างเพียงปุ่มเดียวในลิฟต์

 

 

แต่ไม่ว่ากดปุ่มกี่ครั้งก็ไม่มีการตอบสนองใดๆ เกิดขึ้น

 

 

หลินจยาอวี่ค่อยๆ เขยิบกายเข้ามาใกล้แล้วเกาะแขนอวี๋กานกานเอาไว้แน่น “เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงกดไม่ได้”

 

 

“ปุ่มอาจจะพังแล้วแต่ไม่เป็นไร ฟังจือหันกับลู่เสวี่ยเฉินรอเราอยู่ข้างล่าง ถ้าไม่เห็นว่าเราลงไปเดี๋ยวเขาก็ขึ้นมาตามหาเราเองแน่นอน”

 

 

ถ้าแค่ถูกขังไว้ในลิฟต์เฉยๆ ถือว่ายังโชคดี

 

 

แต่เกรงว่ามันจะร่วงลงไปข้างล่างกะทันหัน เพราะเมื่อครู่นี้ลิฟต์ขยับเขยื้อนถึงสองครั้ง…

 

 

แต่ว่าทำไมถึงบังเอิญขนาดนี้ถึงทำให้เธอประสบอุบัติเหตุเช่นนี้ล่ะ

 

 

อุบัติเหตุอย่างนั้นหรือ

 

 

ทำไมเธอถึงประสบอุติเหตุเช่นนี้อีกแล้ว เกิดอุบัติเหตุครั้งหนึ่งถือว่าฟาดเคราะห์กันไป แต่อุบัติเหตุเกิดขึ้นหลายครั้งหลายคราวจึงทำให้เธอไม่อยากจะเชื่ออีกว่านี่คืออุบัติเหตุทั่วไป ดูท่าทางเรื่องวันนี้อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอารองเจียงท่านนั้นแน่นอน

 

 

เธอทำให้หลินจยาอวี่พลอยติดร่างแหไปด้วย

 

 

แม้อวี๋กานกานจะปลอบอย่างไรแต่หลินจยาอวี่ก็อดที่จะอกสั่นขวัญแขวนไม่ได้

 

 

เธอไม่คิดว่าตัวเองจะกลัวตายขนาดนี้มาก่อน แต่ตอนนี้เธอกลัวมากจริงๆ มือข้างหนึ่งประคองหน้าท้องเอาไว้ส่วนอีกข้างเกาะแขนอวี๋กานกานแน่น

 

 

อวี๋กานกานรู้สึกถึงอุ้งมือที่เปียกชื้นอย่างชัดเจน

 

 

เธอกุมมือหลินจยาอวี่แน่น “ลิฟต์ตึกแถวคนพลุกพล่าน พอลิฟต์ค้างเดี๋ยวก็ต้องมีคนรีบมาเจอจนได้น่ะ”

 

 

หลินจยาอวี่ยิ้มตอบแต่ก็ยังคงหวาดกลัวอยู่

 

 

อวี๋กานกานล้วงโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมา โชคดีจริงๆ ที่ในลิฟต์ยังมีสัญญาณเข้าถึง

 

 

ทั้งสองดีใจกุลีกุจอโทรศัพท์หาฟังจือหัน

 

 

ถึงแม้จะมีสัญญาณแต่ก็ไม่ค่อยแรงนัก เมื่อต่อสายได้อวี๋กานกานจึงละล่ำละลักบอก “ฟังจือหันคะ เราติดอยู่ในลิฟต์ ปุ่ม SOS ในลิฟต์ก็ไม่ตอบสนอง”

 

 

เมื่อไม่มีเสียงตอบกลับมาจากอีกฝั่ง อวี๋กานกานจึงพูดซ้ำอีกครั้ง “ฟังจือหัน คุณได้ยินเสียงฉันไหม ฉันติดอยู่ในลิฟต์ที่ชั้นสิบเอ็ด คุณรีบตามคนมาเปิดลิฟต์ให้ที….”

 

 

พูดยังไม่ทันขาดคำก็มีเสียงตึงตังดังมาจากในลิฟต์

 

 

ทันทีที่ลิฟต์สั่นร่างทั้งสองก็ไหวตามไปด้วยแล้วส่งเสียงกรีดร้องตกใจโดยไม่รู้ตัว “กรี๊ดดด!”

 

 

หลินจยาอวี่และอวี๋กานกานกอดกันแน่นเพราะกลัวว่าในวินาทีถัดไปลิฟต์อาจจะร่วงลงไปข้างล่างเนื่องจากไร้น้ำหนัก

 

 

ในใจของอวี๋กานกานหวาดกลัวมากไม่แพ้หลินจยาอวี่เลย คนที่ยังใช้ชีวิตไม่คุ้มอย่างเธอเมื่อกำลังเผชิญหน้ากับความตายก็ไม่สามารถทำใจให้สงบนิ่งได้

 

 

เธอกัดปากควบคุมสติที่ตึงเครียดแล้วตะโกนออกไป “ฟังจือหัน คุณได้ยินเสียงฉันไหม ฟังจือหัน…”