เยี่ยเฟิงคุกเข่าลงต่อหน้าหลุมศพ จากนั้นก้มศีรษะสามครั้งและมองดูหมู่บ้านเสี่ยวเหอซึ่งถูกเผาเป็นซากปรักหักพังเป็นเวลานาน จากนั้นจึงก้าวเท้าไปยังหุบเขาพิศวิญญาณหลงเหลือไว้เพียงแผ่นหลังที่โดดเดี่ยวแต่มุ่งมั่น

ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากที่เยี่ยเฟิงจากไป เด็กสาวในชุดสีอ่อนและมีผ้าคลุมหน้ากก็เดินออกมาอย่างช้าๆ

ดวงตาของหญิงสาวจ้องมองไปทางแผ่นหลังที่เดินออกไปไกลของเยี่ยเฟิง ราวกับว่านางสามารถมองทะลุผ่านอะไรบางสิ่งได้

ภายในจวนของหานอ๋อง

กู้ชูหน่วนนำยาขวดหนึ่งไปมอบให้กับเยี่ยจิ่งหานที่กำลังอ่านหนังสืออยู่และพูดอย่างตรงไปตรงมา

“มาเจรจาข้อตกลงกันเสียหน่อยเถอะ หากท่านช่วยข้าช่วยเหลือยายของเยี่ยเฟิงออกมาได้อย่างปลอดภัยและฆ่าผู้นำกองธงกล้วยไม้เสีย เช่นนั้นจะกำจัดพิษเหมันต์ของท่านและพิษร้ายจากเลือดภายในครึ่งปีและแต่งงานกับท่าน”

ซู่……

ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ก็คาดไม่ถึงว่านางจะพูดเช่นนี้

ชิวเอ๋อร์ที่วิ่งตามเข้ามาก็ดึงแขนเสื้อของกู้ชูหน่วนด้วยความหวาดกลัว

การแต่งงานนี้เดิมกำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาของจักรพรรดิ พรุ่งนี้จะเป็นงานราชพิธีใหญ่ หรือว่าคุณหนูจะกล้าไม่ยอมแต่งงานอย่างนั้นหรือ?

อีกอย่าง……ไม่เพียงแค่ไม่ยอมเข้าพิธีแต่งงาน แต่กลับพูดกับท่านอ๋องเช่นนี้เพื่อผู้ชายคนอื่น เช่นนั้นแล้วท่านอ๋องจะยอมปล่อยคุณหนูของนางได้อย่างไร

เยี่ยจิ่งหานขมวดคิ้วและอ่านหนังสือต่อไปโดยไม่แม้แต่จะมองนางเลยด้วยซ้ำ

กู้ชูหน่วนดึงแขนเสื้อที่ถูกชิวเอ๋อร์ดึงไปและเดินไปข้างหน้าเพื่อจ้องมองตากับเยี่ยจิ่งหาน จากนั้นพูดย้ำอีกครั้งหนึ่ง “หากท่านช่วยข้าช่วยเหลือยายของเยี่ยเฟิงออกมาได้อย่างปลอดภัยและฆ่าผู้นำกองธงกล้วยไม้เสีย เช่นนั้นจะกำจัดพิษเหมันต์ของท่านและพิษร้ายจากเลือดภายในครึ่งปีและแต่งงานกับท่าน ”

เยี่ยจิ่งหานเงยหน้าขึ้นมา

เพียงเพราะใบหน้าของเขาที่ปกคลุมไปด้วยน้ำค้างแข็งและดวงตาที่เย็นชาของเขาก็ผสมด้วยความโกรธเล็กน้อย

“กู้ชูหน่วน อย่าคิดว่าเจ้ามีทักษะฝีมือการรักษาหน่อยเดียว ข้าก็จะไม่กล้าทำอะไรเจ้า?”

“บังเอิญเหลือเกิน หากข้าไม่มีทักษะฝีมือการรักษานี้ เช่นนั้นข้าจะรักษาท่านได้อย่างไร? และจะเจรจากับท่านได้อย่างไร?”

“หากอิงตามวิธีการของเจ้า ถึงแม้ว่าจะใช้เวลานานหน่อย แต่ข้าเชื่อได้ว่าพิษเหมันต์จะได้ถูกกำจัดสิ้นไม่ให้เหลือ รวมไปถึงยาที่ทางหมอหลวงจัดมาให้ก็สามารถกำจัดพิษใบไม้โลหิตไปได้ เจ้า……ไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้ว”

“จริงหรือ? หมอกระจอกพวกนั้นสามารถกำจัดพิษในร่างกายของท่านได้และสามารถทำให้ทั้งสองขาของท่านกลับมายืนขึ้นได้อีกครั้งอย่างนั้นหรือ?”

ชิงเฟิงพูดขึ้นมาด้วยความโกรธ “บังอาจ เจ้ากล้าที่จะไม่ทำการรักษาขาทั้งสองข้างของนายท่านหรือ”

“เจ้าน่ะสิที่บังอาจ คนเป็นเจ้านายกำลังพูดกันอยู่ แต่เจ้าที่เป็นคนใช้กลับพูดแทรกขึ้นมา ฝ่ามือรอบที่แล้วเจ้าลืมไปแล้วหรืออย่างไร?”

ชิงเฟิงรู้สึกโกรธจัด แต่ทีท่าของกู้ชูหน่วนนั้นแข็งแกร่งกว่าเขามาก

อีกทั้งยังมีความเย่อหยิ่งครอบงำในสายตาของนาง

เขา……ดูผิดไปหรือไม่? ทำไมท่าทางของนางแทบจะเหมือนนายท่านเลย

“เยี่ยจิ่งหาน ข้าจะไม่พูดอะไรมากกับท่าน หากท่านต้องการแต่งงานกับข้า หากท่านยังต้องการรักษาขาทั้งสองข้างของท่านเอาไว้ เช่นนั้นก็จัดการเรื่องทั้งสองให้กับข้า ไม่เช่นนั้น คนที่ข้าไม่อยากแต่งงานด้วย ต่อให้ท่านจะมีความสามารถมากแค่ไหนก็ไม่สามารถฝืนบังคับให้ข้าต้องแต่งงานด้วยได้”

“ในใจของเจ้า เยี่ยเฟิงมีความสำคัญมากเช่นนั้นเลยหรือ?” เยี่ยจิ่งหานถามด้วยความสงสัย

“ใช่ เขาเป็นเพื่อนที่ถูกกำหนดให้ข้ารู้จักในชาตินี้ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถทำร้ายเขาได้”

“เป็นเพียงแค่เพื่อนของเจ้าอย่างนั้นหรือ?”

“ไม่เช่นนั้นท่านอ๋องคิดว่าข้าและเขาเป็นอะไรกันหรือ”

ความโกรธของเยี่ยจิ่งหานลดลงเล็กน้อยและดวงตาที่แหลมคมคู่หนึ่งมีการสังเกตเล็กน้อย

ราวกับกำลังทดสอบความสัมพันธ์ที่แท้จริงของกู้ชูหน่วนและเยี่ยเฟิง

“หากข้ารู้ว่าความสัมพันธ์ของเจ้าและเขาเป็นเหมือนอย่างคนรักแม้แต่นิดเดียว ข้าจะทำให้เขาใช้ชีวิตที่ทุกข์ทรมานกว่าแต่ก่อนเป็นล้านๆ เท่า”

กู้ชูหน่วนกลอกตาขาว

“ทำไมหรือ หรือว่าท่านอ๋องรู้สึกหึงหวงอย่างนั้นหรือ?”

“ข้าเพียงแค่ไม่ต้องการถูกสวมเขาก่อนที่จะถึงวันงานแต่งงานก็เท่านั้น”

“วางใจได้ ข้าไม่ชั่วร้ายเช่นนั้น ท่านรีบจัดกองกำลัง หากช้าไปกว่านี้เกรงว่าจะไม่ทัน”