บทที่ 284: แมลงแห่งหายนะ

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

บทที่ 284: แมลงแห่งหายนะ

พวกมันดูเหมือนกับด้วงกว่างไม่มีผิด !

แต่ละตัวมีขนาดประมาณหนึ่งเมตร และร่างของมันก็ถูกหุ้มด้วยกระดองแข็งที่เปล่งประกายวาบวัวอ่อน ๆ ดวงตาของพวกมันลุกโชนด้วยเปลวไฟนรกสีแดงเข้ม หากมองเพียงผิวเผิน พวกมันดูเหมือนไม่มีอะไรแปลกเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อพวกมันเริ่มส่งเสียงร้องและเคลื่อนที่ไปบนพื้น คุณก็จะพบว่า… มีสิ่งที่ดูคล้ายกับใบหน้าซ่อนอยู่ภายใต้ปีกของมัน !

ใบหน้าที่วันนั้นมีปรากฏในทุกขนาดและรูปร่าง บางหน้าแก่ ในขณะที่บางหน้ายังดูอ่อนเยาว์ มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ไม้ขกสังปั๊งในมือกระแทกเข้ากับกระดองของมันโดยตรง แต่มันกลับไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ เลยแม้แต่น้อย มันไม่มีรอยร้าวหรือรอยที่บ่งบอกถึงการปะทะเลยสักนิด !

หึ่งงง… แมลงแห่งหายนะ 20 กว่าตัวหรือมากกว่านั้นถูกสะท้อนกลับออกไปโดยการโจมตีของฉินเย่ และปีกของพวกนั้นก็กระพือเสียงดังขณะที่มันบินไปมาราวกับสับสน ในทางกลับกัน ฉินเย่ไม่แม้แต่จะสนใจพวกมันเลยสักนิด เขายังคงจ้องไปยังปลายสุดของถนน

อาคารไม้ขนาดใหญ่ที่ได้รับการออกแบบอย่างวิจิตรซึ่งกินพื้นที่หลายตารางเมตรและสูงกว่า 30 ชั้นตั้งอยู่

โคมไฟสีแดงและผ้าม่านตกแต่งสีขาวจำนวนนับไม่ถ้วนถูกแขวนอยู่รอบอาคาร บรรยากาศโดยรอบถูกปกคลุมด้วยความกดดันและความโอ่อ่า คานแกะสลักที่อยู่รอบอาคารนั้นดูหรูหราเป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดก็คือคำว่า ‘ศาลาแห่งการรู้แจ้ง’ ที่ถูกเขียนด้วยตัวหนังสือสีแดงเลือดบริเวณเหนือทางเข้าหลักของอาคาร เขาทำได้เพียงจินตนาการถึงความยิ่งใหญ่ของมันในตอนที่วิญญาณจำนวนมากเดินทางเข้ามาและจากไปในวันทำงานปกติของยมโลกแห่งเก่า น่าเสียดายที่ตอนนี้มันกลับเงียบราวกับสุสานและปกคลุมไปด้วยความเงียบที่น่าขนลุกแทน

มันเป็นเรื่องดีที่แมลงแห่งหายนะยังไม่แพร่กระจายมาถึงตรงนี้… ฉินเย่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกขณะที่ค่อย ๆ เดินตรงไปที่เหล่าแมลงแห่งหายนะซึ่งยังคือกระพือปีกอยู่รอบ ๆ อย่างสับสน เขาเหวี่ยงอาวุธในมือเล็กน้อยก่อนจะแทงมันเข้าไปครั้งหนึ่งที่ใบหน้าบนหลังของแมลงปีกแข็ง

“เจ้าทำให้เด็กตัวน้อยอย่างข้าตกใจมากรู้ไหม… เจ้าจะชดใช้อย่างไรหากข้าหัวใจวายตาย ?!” เขาบิดไม้ขกสังปั๊งเพื่อปรับองศาในการแทง แผ่นหลังส่วนที่เปลือยเปล่าของมันนั้นนุ่มและบอบบางต่อการโจมตีมากกว่ากระดองแข็ง ๆ ของมันมาก

ความสุขของการทำลาย ความตื่นเต้นของการสังหาร และความสุขที่เห็นอีกฝ่ายไม่สามารถต้านทานการโจมตีของตนได้ทำให้ฉินเย่รู้สึกราวกับเด็กน้อยที่กำลังบีบเยลลี่ มันน่าพึงพอใจอย่างถึงที่สุด !

อ่าา… แทงเข้าไป ! เอาอีก !

แทงมัน ! แทงอีก ! แทงไปเรื่อย ๆ! …เขายังคงแทงไม้ขกสังปั๊งในมือไปในองศาต่าง ๆ จนกระทั่งมันทะลุร่างอีกฝั่งหนึ่งของแมลงแห่งหายนะและแทงลงไปที่พื้น มันเป็นตอนนั้นเองที่จอมซาดิสต์ฉินเย่ยอมหยุดลงในที่สุด

“อ่าาา… ดูเหมือนว่าเราเลยเถิดไปหน่อยแฮะ…” เขาพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงขี้เล่นก่อนจะดึงอาวุธของตนออกมาและเดินตรงไปที่อาคารไม้ตรงหน้า แต่ทันใดนั้นเอง แมลงแห่งหายนะที่ฉินเย่เพิ่งแทงไปก็ขยายตัวและน้ำพุพลังหยินที่สูงหลายเมตรก็พุ่งออกมาจากร่างของมัน จากนั้น ในเสี้ยววินาทีต่อมามันก็เปล่งเสียงร้องมีแหลมสูงซึ่งไม่เหมาะกับขนาดร่างกายของมันเลยแม้แต่น้อยออกมา !

วี๊ดดดดดดดดด !!

เสียงร้องของมันดังจนพื้นที่เขายืนอยู่สั่นสะเทือนเล็กน้อย เสียงกรีดร้องอันน่าสังเวชของมันดูเหมือนจะดังก้องไปทั่วไม่รู้จบ ครืนนน… พื้นดินและอาคารที่อยู่โดยรอบสั่นไหวเล็กน้อย ฉินเย่ตกตะลึงกับสถานการณ์ที่พลิกผันนี้เป็นอย่างมาก พร้อมกับปากที่อ้าค้างอย่างตกตะลึง เขาหันหลังและรีบวิ่งออกไปทันที

ในวินาทีที่เขาจะกลายร่างเป็นพายุพลังหยินเพื่อหลบหนีจากที่เกิดเหตุ อาคารโดยรอบก็เริ่มส่งเสียงออกมาราวกับเครื่องบินของฝูงบินขับไล่ หนึ่ง… สิบ… จนกระทั่ง แมลงแห่งหายนะกว่าร้อยตัวเริ่มส่งเสียงคำรามออกมาในอากาศ ราวกับตอบรับเสียงของกันและกัน สามวินาทีต่อมา พวกมันเริ่มพุ่งเข้าหาฉินเย่จากทุกทิศทางราวกับคลื่นขนาดใหญ่แมลงแห่งหายนะ !

“ให้ตายเถอะ… ทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ ?!” ใบหน้าของฉินเย่ซีดเผือด ทั้งหมดมันเป็นความผิดของการกระทำโง่ ๆ ของนายนั่นแหละ ! มันจะไม่เป็นไรหากจากดื่มด่ำกับความสุขของชีวิตสักครั้ง แต่… นี่มันเกินไปแล้ว ! แบบนี้นายจะไม่เหนื่อยตายเลยเหรอ ?!

คลื่นแมลงแห่งหายนะสีดำถาโถมเข้าใส่อย่างไม่รู้จบ ปกคลุมทั้งถนนด้านหลังขณะที่พวกมันพุ่งมาข้างหน้าราวกับภัยพิบัติอันร้ายแรง พุ่งตรงเข้าหาเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวตรงหน้า ฉินเย่ !

จิตวิทยาการอยู่เป็นฝูง

เกินมาพร้อมกับสัญชาตญาณในการอยู่รอด

เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าแท้จริงแล้วแมลงแห่งหายนะไม่ได้ไร้ความรู้สึกเลยสักนิด พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียบง่ายและทำทุกอย่างตามสัญชาตญาณ

“อีกไม่ช้าก็เร็วเราคงได้บีบคออาร์ทิสจนตายเข้าสักวัน !” เด็กหนุ่มบ่นออกมาขณะที่พุ่งตัวออกไปด้วยความเร็วสูงสุดพร้อมกับแมลงแห่งหายนะนับร้อยที่บินตามเขาไปติด ๆ ประตูทางเข้าหลักของศาลาแห่งการรู้แจ้งยังคงอยู่ห่างจากเขาอีกประมาณ 20 เมตร และเขาก็สามารถมองเห็นทางเข้าของอาคารที่กว้างสิบเมตรได้ราง ๆ ตอนนี้แมลงแห่งหายนะยังไม่ได้กัดกินไปถึงอาคาร ถ้าเขาพุ่งเข้าไปในศาลาตอนนี้ นั่นจะไม่เท่ากับการเชิญหมาป่าที่หิวโซเข้าบ้านหรอกหรือ ?

ทำอย่างไรดี… เขาควรทำอย่างไรดี ?!

เด็กหนุ่มกวาดสายตามองไปรอบ ๆ พยายามหาทางออกให้กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่… มันไม่มีเวลาแล้ว !

คลื่นพลังหยินมากมายพุ่งเข้าไปในทางเข้าหลักของศาลาแห่งการรู้แจ้ง ไม่กี่วินาทีต่อมา พร้อมกับเสียงอื้ออึงของปีกที่กระพืออย่างรุนแรง แมลงแห่งหายนะพุ่งเข้าไปในอาคารและกัดกินไปทั่ว ประตูและหน้าต่างทั้งหมดถูกทำลายไม่มีชิ้นดี

“เวรเอ้ย… นี่มันไม่ต่างกับการแหย่รังแตนเลยชัด ๆ!” ฉินเย่สบถออกมาเสียงเบา มันเป็นไม่ได้เลยที่จะกำจัดพวกมันออกไป กระดองบนหลังของแมลงพวกนี้หนาจนแทบไม่น่าเชื่อ และหากพวกมันตามเขาทัน มันก็ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าเขาจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ในการเอาตัวเองออกจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสถานการณ์ด้านบนของอาคารในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง…

ดังนั้น เด็กหนุ่มรู้ดีว่าทางออกที่ดีที่สุดของเขาตอนนี้ก็คือการอาศัยกลยุทธ์คอขวด

เขาจำเป็นต้องหาช่องแคบ ๆ ที่สามารถหยุดจำนวนแมลงแห่งหายนะที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่

ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่อาจหนีจากการโจมตีของพวกมันได้เมื่อมันเริ่มมาเกาะบนตัวของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ เขาจะยอมเสียงมรดกอันล้ำค่าพวกนั้นไปได้อย่างไร ?

ฉินเย่กวาดสายตาไปรอบ ๆ ฉากกั้น โต๊ะรับรอง ที่นั่ง แจกัน… ไม่มีสิ่งใดที่เขาสามารถใช้ได้เลย ! ล็อบบี้ของศูนย์ราชการนั้นย่อมกว้างและใหญ่ มีพื้นที่มากเป็นธรรมดา และขณะที่เขาเริ่มสับสนเพราะไม่มีทางเลือก สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นที่แห่งหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองมันอีกที

มันคือทางขึ้นที่นำไปสู่ชั้นสองของอาคาร

มันไม่ได้กว้างมากนัก ความกว้างของมันอยู่ที่ประมาณสามเมตรเท่านั้น อย่างน้อยที่สุด มันก็แคบกว่าทางเข้าที่เขาผ่านเข้ามาก่อนหน้านี้มาก ยิ่งกว่านั้น เขายังเห็นรูปปั้นขนาดใหญ่ที่วางอยู่ตรงทางเข้าสู่ชั้นที่สองอีกด้วย

ไม่มีเวลาให้คิดแต่อย่างใด เขาสูดหายใจเข้าช้า ๆ และพุ่งขึ้นไปที่ชั้นสองทันที เสียงหึ่ง ๆ ที่ฟังดูราวกับเครื่องบินไอพ่นดังตามมาติด ๆ

เจ้าแทงข้าหนึ่งที ข้าจะตามไปเอาชีวิตของเจ้า !

ทางเข้าดังกล่าวไม่ได้อยู่ไกลมากนัก ขณะที่เขาพุ่งไปข้างหน้าในร่างของพายุ ไม้ขกสังปั๊งก็เริ่มก่อตัวขึ้นเบื้องหน้าของเขา จากนั้น ทันทีที่มาถึงชั้นที่สอง พลังหยินอันหนาแน่นก็เข้าปกคลุมร่างของเขาอย่างรวดเร็ว และฉินเย่ก็ปรากฏตัวขึ้นในร่างยมทูตอีกครั้งก่อนเขาจะกลับหันหลังไป…

ทางเข้าสู่ชั้นที่สองนั้นเป็นสีดำสนิท แต่เสียงหึ่ง ๆ ของการกระพือปีกก็ไม่ได้หยุดลงเลยแม้แต่น้อย ทันใดนั้นดวงตาสีแดงวาวโรจน์หลายร้อยคู่ก็ปรากฏขึ้นในความมืดขณะที่จ้องเขม็งมาที่ฉินเย่อย่างน่าสะพรึงกลัว ในเวลาเดียวกัน เด็กหนุ่มควบคุมพลังหยินในร่างของตน ส่งผลให้แผ่นยันต์บนไม้ขกสังปั๊งของตนปลิวไปมาอย่างรุนแรงและกางออก ปิดกั้นทางเข้าทั้งหมดในคราวเดียว

เขากำลังจะเผชิญหน้ากับคลื่นพลังหยินเป็นครั้งแรก

ฟึ่บ… แผ่นยันต์บนไม้ขกสังปั๊งค่อย ๆ หมุนไปมา ฉินเย่สามารถมองเห็นกระแสน้ำที่มืดมิดของแมลงแห่งหายนะที่อยู่ด้านนอกผ่านช่องว่างระหว่างยันต์ 20 เมตร… 10 เมตร… จากนั้นขณะที่พวกมันใกล้เข้ามา เขาก็กัดนิ้วของตัวเองและปาดนิ้วไปบนไม้ขกสังปั๊งของตัวเอง

ประกายแสงสีดำที่มีแรงกดดันมหาศาลพลันระเบิดออกมาจากไม้ขกสังปั๊ง และแผ่นยันต์จำนวนมากก็สว่างขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อคลื่นสีดำมาถึงตรงหน้าของฉินเย่ในที่สุด ร่างที่มีความสูงประมาณหนึ่งนิ้วก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของไม้ขกสังปั๊ง ร่างเล็กก่อตัวขึ้นจากพลังหยินที่หนาแน่น เขายืนอยู่กับที่ อ้าปากหาวอย่างเบื่อหน่ายขณะที่ยังคงนิ่งเฉยแม้ว่าจะเผชิญหน้ากับแมลงแห่งหายนะตรงหน้า

ปลดปล่อยจิตวิญญาณใบมีด !

ทั่วทั้งสถานที่เงียบลงในทันที

กระแสน้ำสีดำของแมลงแห่งหายนะอยู่ห่างจากฉินเย่อีกไม่ถึงสามเมตร แต่พวกมันกลับถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็วทันทีที่ชายร่างเล็กปรากฏ อันที่จริง ฉินเย่มองเห็นว่ามีดวงตาสีแดงก่ำแปดคู่อยู่ตรงหน้าของเขา แต่พวกมันทั้งหมดกลับแน่นิ่งไปด้วยความหวาดกลัว

มันราวกับว่าทุกอย่างถูกแช่แข็งไป จากนั้น ในเสี้ยววินาทีต่อมา เหล่าแมลงแห่งหายนะที่นำมาด้านหน้าต่างร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว มันหมุนตัวและเริ่มที่จะดิ้นรนเพื่อที่จะหนี

สัญชาตญาณของตัวมันกำลังส่งเสียงร้อง เตือนพวกมันว่าหากก้าวไปข้างหน้าอีกแม้เพียงเล็กน้อย นั่นอาจหมายถึงชีวิต

ฟึ่บ… กระแสน้ำขนาดใหญ่ของแมลงแห่งหายนะดูราวกับสายน้ำที่เชี่ยวกรากที่ล้อมรอบศาลาแห่งการรู้แจ้งเอาไว้ แต่อย่างไรก็ตาม มันสายเกินไปเสียแล้ว

การปลดปล่อยจิตวิญญาณใบมีดของยมทูตหมายถึงการเสียเลือด !

วินาทีนั้น ชายร่างเล็กค่อย ๆ ลืมตาขึ้น และคลื่นพลังหยินที่น่าเกรงขามได้กระเพื่อมออกมาและปกคลุมไปทั่วสถานที่ ส่งผลให้ชั้นบรรยากาศโดยรอบบิดเบี้ยวไปหมด มันราวกับมีเปลวไฟนรกที่มองไม่เห็นถูกจุดขึ้นที่จุดกึ่งกลางของอาคาร หลังจากนั้น ชายร่างเล็กอ้าปากและปล่อยเสียงคำรามที่ดุดันออกมา

กรรรรร !!!!

ตู้ม ! ฉึก ฉึก ฉึก !

บริเวณโดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรง เสียงคำรามที่ดุร้ายแฝงไปด้วยใบมีดจำนวนนับไม่ถ้วนพลันพุ่งออกไปราวกับระเบิดทำลายล้าง ทำลายทุกสิ่งอย่างที่ขวางหน้า แมลงแห่งหายนะที่ตามมาด้านหลังไม่มีเวลาแม้แต่จะส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะถูกหั่นและกลายเป็นผุยผง

แกร๊ก แกร๊ก… พื้นของอาคารเกิดรอยร้าวขึ้น แต่ถึงกระนั้น ฉินเย่ก็ไม่ได้สนใจเลยว่าชายร่างเล็กจัดการกับพวกแมลงที่เหลืออย่างไร เขารีบพุ่งขึ้นไปยังชั้นสอง และทิ้งไม้ขกสังปั๊งของตนไว้ด้านหลัง ปิดกั้นทางเข้าด้านหลังจากแมลงแห่งหายนะที่เหลืออยู่โดยรอบ

“ให้ตายเถอะ…” เขานั่งลงบนรูปปั้นอย่างอ่อนแรงและใช้มือซ้ายของตัวเองตีลงบนมือขวาของตนอยู่หลายที “ไอ้มือบ้า ! ไม่รู้จักยับยั้งตัวเองไว้บ้าง !”

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เด็กหนุ่มยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากก่อนจะมองไปรอบ ๆ

มันถูกออกแบบในสไตล์จีนโบราณ

ยิ่งใหญ่และหรูหรา ไม่ต่างอะไรจากสิ่งที่เคยเห็นในแดนมนุษย์ ตัวอาคารถูกสร้างด้วยเนื้อไม้สีน้ำตาลแดง แต่ลายแกะสลักบริเวณนี้แตกต่างออกไป หากเป็นอาคารในแดนมนุษย์จะถูกแกะสลักเป็นรูปธรรมชาติ นก สัตว์ต่าง ๆ ในขณะที่ภาพแกะสลักที่นี่จะเป็นรูปของขุมนรกแห่งการลงทัณฑ์ทั้ง 18

ชั้นสองของอาคารมีเพียงพื้นที่ของสำนักงาน จากความเข้าใจของเขา ถุงเอกภพคงจะไม่ถูกเก็บอยู่ที่ขั้นสองของอาคารอย่างแน่นอน หรือต่อให้มี ของที่อยู่ด้านในก็คงไม่ได้มีความสำคัญมากนัก

ทันใดนั้นเอง ฉินเย่ก็ได้ยินเสียงหึ่ง ๆ ดังมาจากรอบ ๆ อาคาร เขาสบถออกมาเสียงดังและลุกขึ้นยืน ด้วยรู้อยู่แล้วว่าเรื่องมันคงจะไม่จบลงง่าย ๆ!

การปลดปล่อยจิตวิญญาณใบมีดของเขาในครั้งนี้รุนแรงกว่าก่อนหน้านี้มาก และมันก็สามารถโจมตีศัตรูที่อยู่ห่างออกไปร้อยเมตรได้อย่างง่ายดาย แต่… กลุ่มแมลงแห่งหายนะพวกนั้นไม่ได้ถูกกำจัดไปทั้งหมด

มันย่อมมีบางส่วนที่หลบหนีไปได้… ซึ่งมันก็เหมือนกับสารเสพติด เมื่อเริ่มไปแล้ว มันจะไม่สามารถหยุดมันได้ อันที่จริง มันจะต้องการมากเรื่อย ๆ จนกระทั่งถูกครอบงำในที่สุด

อาคารขนาดใหญ่เช่นนี้จะต้องมีแผ่นป้ายแสดงรายละเอียดอาคารอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นเหล่าเจ้าหน้าที่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งใหม่จะเดินไปไหนมาไหนได้ถูกต้องได้อย่างไร ?

พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ !!!! ในขณะที่เขากำลังจะเริ่มเดินหาแผ่นป้ายดังกล่าว แสงสว่างภายในอาคารก็เริ่มกะพริบ นอกจากนี้เขายังได้ยินเสียงหึ่ง ๆ ดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ราวกับเครื่องบินทิ้งระเบิดเพิ่งเริ่มออกตัว

หากพูดกันตามตรง มันดังกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด เมื่อฉินเย่เงยหน้าขึ้น ภาพที่ต้อนรับเขาก็ทำให้หางตาของเด็กหนุ่มกระตุกอย่างไม่สามารถควบคุมได้

ด้านนอกของหน้าต่าง กลุ่มก้อนสีดำที่อยู่ห่างออกไปมีขนาดใหญ่กว่ากลุ่มที่เขาได้ปะทะด้วยก่อนหน้านี้มาก และพวกมันทั้งหมดก็กำลังมุ่งหน้ามาที่ศาลาแห่งการรู้แจ้ง !

“เวรเอ้ย !!…” แม้แต่ฉินเย่ก็รู้สึกว่าหัวของเขาอื้อไปชั่วขณะเมื่อเห็นจำนวนแมลงแห่งหายนะที่มุ่งหน้ามาหาตน นี่มันมากเกินไปแล้ว… ก่อนหน้านี้มันมีแค่ไม่กี่ร้อยตัว แต่ตอนนี้มันจะต้องมากกว่าพันตัวอย่างแน่นอน !

เขารีบย่อตัวลง แมลงแห่งหายนะฝูงใหญ่มาถึงที่อาคารภายในไม่ถึงวินาที ปิดล้อมอาคารจนดูราวกับเชือกขนาดใหญ่ที่ปกปิดแหล่งกำเนิดแสงทั้งหมด มันใช้เวลาเพียงไม่นานก่อนที่ศาลาแห่งการรู้แจ้งจะถูกล้อมรอบโดยแมลงแห่งหายนะฝูงใหญ่

เสียงร้องแหลมและเสียงกระพือปีกดังสนั่นไปมั่ว ปกคลุมพื้นที่ทั้งหมดจนกลายเป็นภาพที่น่าขนลุกสำหรับผู้ที่พบเห็น

จากนั้น ในวินาทีต่อมา

ฉินเย่เงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้าเคร่งขรึมขณะที่แมลงแห่งหายนะซึ่งยังคงรวมตัวกันรอบศาลาแห่งการรู้แจ้ง และทันใดนั้น มันก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันและพุ่งเข้ามาในตัวอาคาร!

เพล้ง ! คาน เสา และหน้าต่างทั้งหมดพังทลาย ตัวอาคารที่ไม่ได้ถูกปกป้องโดยอาณาเขตเวทของยมโลกแห่งเก่าเริ่มพังทลายลงภายใต้แรงโจมตีมหาศาลของแมลงแห่งหายนะนับพัน !