“เอ๊ะ นี่มันเรื่องอะไรกัน ?”
ตอนนี้เอง มีเสียงที่แสดงความประหลาดใจดังขึ้น
จากนั้น ก็มีชายวัยกลางคนเดินลงมาจากรถปอร์เช่คาเยนน์
“พ่อครับ !”
เมื่อเห็นชายวัยกลางคน โจวห้าวก็รีบตะโกนเสียงดังทันที
ชายวัยกลางคนผู้นี้ก็คือพ่อของโจวห้าว เป็นผู้นำตระกูลโจว โจวยี่
“ลูกพ่อ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมมายืนอยู่ตรงประตูแบบนี้ ? ยังไม่รีบเข้าไปอีก !”
โจวยี่เห็นโจวห้าวลูกชายของตนเอง ก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย
โจวห้าวพูดด้วยสีหน้าบูดบึ้ง : “พ่อครับ พวกเราถูกบรรจุรายชื่อลงในบัญชีดำ ห้ามเข้าครับ”
“อะไรนะ ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น โจวยี่ก็ขมวดคิ้วทันที
“คุณพ่อสามี คุณคงต้องออกหน้าแทนพวกเราแล้ว ช่วยสั่งสอนพวกสุนัขเฝ้าประตูพวกนี้ให้พวกเราหน่อย !”
เวลาเดียวกันนี้ พวกของหลันเจิ้นเดินเข้ามา แล้วพูดเสียงดังด้วยความโมโห
โจวยี่หันมองหลันเจิ้น แล้วถามด้วยความประหลาดใจ : “ผู้นำตระกูลหลัน พวกคุณเองก็ถูกห้ามไม่ให้เข้าไปเหมือนกันหรือ ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนในตระกูลหลันล้วนทำสีหน้าไม่พอใจ
เมื่อเห็นดังนั้น โจวยี่ยิ้มแล้วพูดว่า : “ฮ่า ๆ ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะพาพวกคุณเข้าไปเอง”
“ขอบคุณมากคุณพ่อสามี !”
“ขอบคุณมากผู้นำตระกูลโจว !”
เมื่อได้ยินคำพูดของโจวยี่ ทุกคนในตระกูลหลันต่างพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น
โจวยี่ยิ้มอย่างภูมิใจ จากนั้นจึงเดินสาวเท้าที่ประตู
เมื่อมาถึงประตูทางเข้า ทันใดนั้นโจวยี่ก็หันไปเห็นเย่เทียน จึงผงะไปในทันที
“ผู้นำตระกูลเย่ หรือว่าคุณเองก็มีรายชื่อในบัญชีดำ ถูกห้ามไม่ให้เข้าไปด้วยเหมือนกันหรือ ?”
“หึ !”
เย่เทียนฟึดฟัดด้วยความโมโห แต่ไม่ได้เอ่ยตอบ
เมื่อเห็นดังนั้น โจวยี่ก็แสดงสีหน้าเหมือนมีความสุข อยู่บนความทุกข์ของคนอื่นออกมา
ตระกูลโจวและตระกูลเย่ ต่างเป็นตระกูลอันดับรองของตงไห่ ทั้งสองฝ่ายมีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้นอยู่ลับ ๆ
โดยเฉพาะโครงการเขตอุตสาหกรรมในครั้งนี้ ที่ถูกตระกูลโจวช่วงชิงโอกาสไปได้ ทำให้ตระกูลเย่รู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง
“ช้าก่อน โปรดแสดงบัตรเชิญด้วยครับ !”
ขณะที่โจวยี่กำลังจะเดินเข้าไปด้านใน ก็ถูกบอดี้การ์ดที่ประตูขวางเอาไว้
โจวยี่ยิ้ม แล้วยิ่นบัตรเชิญของตนเองออกไป
“ขอโทษด้วยครับ คุณมีชื่ออยู่ในบัญชีดำ ห้ามเข้า !”
บอดี้การ์ดหันมองบัตรเชิญ แล้วพูดอย่างไม่แยแส
ได้ยินดังนั้น สีหน้าของโจวยี่ก็แข็งทื่อในทันที
“พวกนายเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ฉันจะมีรายชื่ออยู่ในบัญชีดำได้อย่างไร ?”
โจวยี่ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถาม
บอดี้การ์ดพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ไม่มีอะไรเข้าใจผิดหรอกครับ เชิญคุณไปยืนด้านข้างก่อน อย่าขวางทางแขกท่านอื่น”
โจวยี่คิดจะอาละวาด แต่เมื่อเห็นตระกูลเย่และตระกูลหลันเองก็ถูกขวางอยู่ด้านนอก เขาจึงทำได้เพียงแค่ถอยหลังมายืนอยู่ด้านข้างด้วยความไม่พอใจ
“พ่อครับ ทำไมพ่อเองก็มีชื่ออยู่ในบัญชีดำด้วยล่ะครับ ?”
“นั่นนะสิ คุณพ่อสามี นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?”
เมื่อเห็นโจวยี่เองก็ถูกขวางอยู่ด้านนอก คนของตระกูลหลันและโจวห้าว ก็อดถามขึ้นด้วยความสงสัยไม่ได้
โจวยี่สีหน้าเย็นชาเหมือนน้ำ และพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์นัก : “ฉันจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้น ? ไม่แน่ว่าอาจถูกพวกคุณดึงให้ติดร่างแหไปด้วยก็ได้ !”
เอ๊ะ ?
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนของตระกูลหลันก็หุบปากในทันที
“เหอะ ๆ !”
เมื่อเห็นโจวยี่เองก็ถูกขวางอยู่ด้านนอก เย่เทียนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ
เมื่อเห็นดังนั้น สีหน้าของโจวยี่ก็หมองหม่นยิ่งขึ้น
……
“พ่อคะแม่คะ พวกเรามาถึงแล้วค่ะ !”
ในเวลาเดียวกันนี้ ครอบครัวของเย่เมิ่งเหยียนก็เดินลงมาจากรถฮัมเมอร์
“โอ้โห นี่คือสถานที่ที่เศรษฐีหม่าจัดงานเลี้ยงในวันนี้อย่างนั้นหรือ ?”
“รถหรูและชนชั้นสูงที่มีชื่อเสียงมากมายขนาดนี้ ช่างเป็นบรรยากาศที่หรูหราจริง ๆ !”
หลังจากหลันซินลงจากรถ ก็แสดงความประหลาดใจออกมาราวกับบ้านนอกเข้าเมือง
เย่ไห่อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น : “คุณวางตัวดี ๆ หน่อยได้ไหม นี่มันงานเลี้ยงของเศรษฐีหม่านะ”
หลันซินหันไปถลึงตาใส่เขาแล้วพูดว่า : “คุณหุบปากไปเลย ที่นี่คุณไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้น”
เมื่อได้ยินดังนั้น เย่ไห่ก็หุบปากทันที
หลันซินหันมองเย่เมิ่งเหยียน แล้วเอ่ยถามด้วยความกัวล : “เมิ่งเหยียน ลูกว่าพวกเราเดินเข้าไปแบบนี้ จะถูกขวางเอาไว้ด้านนอกไหม ?”
“คงไม่หรอกค่ะ หยางเฟิงบอกแล้วว่า บัตรเชิญใบนี้เป็นของจริง !”
เย่เมิ่งเหยียนถือบัตรเชิญทองคำบริสุทธิ์อยู่ในมือ แล้วพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น
หลันซินถอนหายใจเบา ๆ แล้วพูดว่า : “มาถึงขั้นนี้แล้ว คงต้องลองพึ่งดวงดูแล้ว”
ขณะที่พูด สีหน้าของหลันซินก็ดุดันขึ้นมา แล้วพูดว่า : “ถ้าหยางเฟิงกล้าหลอกฉันละก็ ฉันจะไม่มีวันปล่อยเขาไปเด็ดขาด !”
ครอบครัวเย่เมิ่งเหยียนไม่มัวเสียเวลาอีก รีบเดินตรงไปที่ประตูทางเข้าทันที
“พ่อคะแม่คะ คุณตา คุณปู่……ทำไมทุกคนมายืนกันอยู่ตรงนี้ล่ะคะ ?”
เมื่อพวกของเย่เมิ่งเหยียนเดินมาถึงประตู ก็เห็นคนของตระกูลเย่และตระกูลหลันทั้งหมดยืนอยู่ตรงประตูทางเข้า จึงถามด้วยความประหลาดใจทันที
เมื่อเห็นครอบครัวของเย่เมิ่งเหยียนเดินมา คนของตระกูลเย่และตระกูลหลัน ก็มีสีหน้าไม่สบอารมณ์ทันที
“เย่เมิ่งเหยียน ครอบครัวของเธอก็คิดจะมาร่วมงานเลี้ยงอย่างนั้นหรือ ?”
ตอนนี้เอง เย่ชิวก้าวออกมา แล้วถามอย่างประชดประชัน
“แน่นอน เย่ชิว ขาของนายเป็นอะไร ? หรือไปล่วงเกินใครเข้า ก็เลยถูกตีจนหัก ?”
เย่เมิ่งเหยียนหันมองขาของเย่ชิว แล้วถามขึ้นด้วยความตกใจ
“หึ !”
เย่ชิวส่งเสียงฟึดฟัดด้วยความโมโห และไม่พูดอะไร
“ใครใช้ให้พวกแกมา ? เดี๋ยวพวกแกถูกขวางอยู่ด้านนอก จะไม่เป็นการทำให้ตระกูลหลันของเราต้องขายหน้าอย่างนั้นหรือ ?”
ตอนนี้เอง หลันเจิ้นก็ตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความโกรธ จนสีหน้าเขียวคล้ำ
“ใช่แล้ว เย่ไห่ แกเป็นลูกหลานที่ไม่ได้เรื่อง มีสิทธิ์อะไรที่แกเองก็มาร่วมงานเลี้ยงของเศรษฐีหม่าด้วย ? แกอยากจะให้ตระกูลเย่ต้องขายหน้าจนสิ้นอย่างนั้นหรือ ?”
เย่เทียนหันมองเย่ไห่ แล้วถามขึ้นด้วยความไม่พอใจ
“พ่อครับ พวกเราไม่ได้……” เย่ไห่รีบพูดอธิบาย
“ฮ่า ๆ ๆ ครอบครัวของพวกแกคงไม่คิดจริง ๆ หรอกนะว่า บัตรเชิญทองคำบริสุทธิ์ของหยางเฟิงใบนั้นเป็นของจริง ?”
เย่ไห่ยังไม่ทันจะพูดจบ เมื่อโจวห้าวเห็นบัตรเชิญที่อยู่ในมือของเย่เมิ่งเหยียน ก็หัวเราะเสียงดังและพูดออกมา
บัตรเชิญทองคำบริสุทธิ์ ?
เมื่อได้ยินดังนั้น พวกของเย่เทียนก็หันสายตาไปมองบัตรเชิญทองคำบริสุทธิ์ที่อยู่ในมือของเย่เมิ่งเหยียน และแววตาก็เป็นประกายออกมาทันที
เป็นที่รู้กันดีว่า บัตรเชิญทองคำบริสุทธิ์ เป็นบัตรเชิญที่มีเกียรติที่สุดของหม่าตง ได้ยินว่า คนที่มีสิทธิ์จะได้รับบัตรเชิญใบนี้ ในตงไห่มีไม่เกินสามคน !
แต่เมื่อได้ยินว่าหยางเฟิงเป็นคนได้รับบัตรเชิญทองคำบริสุทธิ์ ทุกคนก็แสดงสีหน้าดูถูกออกมา
“ของปลอม จะต้องเป็นของปลอมแน่ ๆ !”
“ไอ้สวะหยางเฟิงนั่น เป็นแค่ลูกเขยของตระกูลเย่ ได้ได้รับบัตรเชิญทองคำบริสุทธิ์ได้อย่างไร ?”
“พวกแกถือบัตรเชิญปลอมใบนี้มา เท่ากับหาเรื่องขายหน้าตนเองชัด ๆ !”
คนของตระกูลเย่และตระกูลหลันหันมองครอบครัวเย่เมิ่งเหยียน แล้วค่อย ๆ หัวเราะเยาะออกมา
เมื่อหลันซินและเย่ไห่ได้ยินดังนั้น ก็แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาทันที
“พ่อคะแม่คะ อย่าไปสนใจพวกเขาเลยค่ะ พวกเราเข้าไปกันเถอะ !”
พูดจบ เย่เมิ่งเหยียนก็เดินเข้าไป
“สวัสดีครับ โปรดแสดงบัตรเชิญด้วยครับ”
บอดี้การ์ดตรงประตูทางเข้าพูดขึ้น
เย่เมิ่งเหยียนสูดหายใจเข้าเต็มปอด แล้วยื่นบัตรเชิญทองคำบริสุทธิ์ที่อยู่ในมือออกไป
ในเวลาเดียวกันนี้ หลันซินและเย่ไห่เองก็อยู่ในอาการตื่นเต้น
กลัวว่าหากบัตรเชิญเป็นของปลอม อีกเดี๋ยวพวกเขาคงถูกไล่ออกมา
คนของตระกูลหลันและตระกูลเย่ยิ้มเยาะ
พวกเขาต่างไม่เชื่อว่า บัตรเชิญทองคำบริสุทธิ์ใบนี้จะเป็นของจริง
ทุกคนต่างยิ้มอย่างสะใจ รอดูเรื่องขายหน้าของครอบครัวเย่เมิ่งเหยียน
เมื่อบอดี้การ์ดเห็นบัตรเชิญทองคำบริสุทธิ์ของเย่เมิ่งเหยียน สีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที
“คุณคือคุณหนูเย่ เย่เมิ่งเหยียนใช่ไหมครับ ?” บอดี้การ์ดเอ่ยถาม
เย่เมิ่งเหยียนพยักหน้าแล้วพูดว่า : “ใช่แล้วค่ะ ฉันคือเย่เมิ่งเหยียน !”
เมื่อได้ยินดังนั้น บอดีการ์ดกว่าสิบคนที่ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้า ก็คุกเข่าลงทันที
“ยินดีต้อนรับคุณหนูเย่ครับ !”
“คืนนี้ คุณคือแขกผู้มีเกียรติที่สุดของเรา !”
บอดี้การ์ดทุกคน ตะโกนออกมาเสียงดังโดยพร้อมเพรียงกัน
เมื่อได้ยินดังนั้น คนของตระกูลเย่และตระกูลหลันก็ตกตะลึงอย่างที่สุด !