ตอนที่1237 กับดัก

 

“พี่ใหญ่ ดูท่าพวกมันจะไม่ได้ตามเรามาแล้ว”

อิ้งหมัวหู่กล่าวขึ้นพร้อมความกังวลที่ระเหยไปจากจิตใจ

แต่สีหน้าการแสดงออกของเย่หยวนกลับมิได้ดีนัก

 

“หากข้าเดาไม่ผิด ถึงเราจะเพิ่งออกจากถ้ำเสือได้ ทว่ากลับเผลอเข้าถ้ำหมาป่าอีกครา!”

เย่หยวนกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มสุดขมขื่นใจ

 

อิ้งหมัวหู่ตัวแข็งทื่อไปโดยพลัน เขาค่อนข้างงุนงงกับคำกล่าวของเย่หยวน

นี่มิได้เป็นแค่ป่าดอกท้ออันสวยงามหรอกรึ?

 

เห็นท่าทีฉงนงุนงงของอีกฝ่าย เย่หยวนกล่าวต่อว่า

“ภายในป่าดอกท้อแห่งนี้ห้อมล้อมไปด้วยค่ายกลศักดิ์สิทธิ์เร้นแฝงอยู่ทั่วทุกพื้นที่ นอกจากนี้มันทั้งลึกล้ำซับซ้อนยิ่ง กระทั่งข้าเองก็ไม่สามารถแก้ได้โดยง่าย!”

 

อิ้งหมัวหู่ที่ได้ฟังดังนั้นถึงกับสีหน้าแปรเปลี่ยน ตั้งแต่นั้นมันเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นเป็นสองเท่าทวีทันทีต่อป่าดอกท้อแห่งนี้

นับเป็นเรื่องน่าเสียดายนัก ที่อิ้งหมัวหู่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับศาสตร์แห่งค่ายกลเลย ดังนั้นจึงไม่สามารถรับรู้สิ่งเหล่านี้ได้แม้แต่น้อย

 

“อย่าทำให้ข้ากลัวสิพี่ใหญ่!”

อิ้งหมัวหู่กล่าวเสียงอ่อน

 

เย่หยวนเองก็กล่าวเสียงค่อยอย่างไร้เรี่ยวแรง

“จะแกล้งให้เจ้ากลัวเพื่ออันใด? ต้นดอกท้อเหล่านี้คือรากฐานของค่ายกลขนาดใหญ่ รูปแบบโครงสร้างของมันช่างซับซ้อนยิ่งนัก แถมยังกินพื้นที่ทั่วทั้งบริเวณ ช่างน่าอัศจรรย์เกินไป! หากคาดไม่ผิด คงเป็นค่ายกลศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกเซียนอาณาจักรพระเจ้าสร้างทิ้งเอาไว้!”

 

อิ้งหมัวหู่กล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจว่า

“ไม่มีทางใช่ไหม? ไม่ว่าจะดูยังไงมันก็เป็นแค่ต้นดอกท้อธรรมดาทั่วไปชัดๆ? ทั้งหมดนี้คือค่ายกลจริงๆหรือพี่ใหญ่? แล้วไฉนเราถึงไม่เผาทิ้งให้สิ้นซาก?”

 

เย่หยวนส่ายหัวและกล่าวว่า

“พวกนี้ไม่สามารถเผาทิ้งได้! การทำเช่นนั้นเท่ากับประมาทอย่างยิ่ง และนั้นอาจหวนกลับมาทำร้ายพวกเราเสียเอง!”

 

สีหน้าท่าทางของอิ้งหมัวหู่เผยถึงความกลัวอยู่หลายส่วน ในที่สุดเขาก็ทราบถึงความอันตรายที่แฝงซ่อนอยู่ในป่าดอกท้อแห่งนี้

เขาย่อมทราบ เย่หยวนไม่มีทางกล่าวไร้สาระหรือไม่มีมูลความจริงแน่นอน ถึงแม้ศาสตร์แห่งค่ายกลของเย่หยวนจะสูงส่ง ทว่าเขาก็ไม่สามารถแก้ไขหรือทำลายค่ายกลเหล่านี้ได้เช่นกัน นี่จึงแสดงให้เห็นว่า ค่ายกลที่อยู่ภายในนี้น่าสะพรึงกลัวพียงใด

 

“เช่นนั้นแล้ว…เราควรทำอย่างไรต่อไปดีพี่ใหญ่?”

 

“รอให้ข้าฟื้นพลังกลับคืนมาก่อน!”

เย่หยวนกล่าว

 

อีกสองวันให้หลัง ความอ่อนล้าอ่อนเพลียของเย่หยวนก็หายเป็นปลิดทิ้ง จากนั้นเขาก็เริ่มสำรวจป่าดอกท้อแห่งนี้โดยละเอียด ยิ่งตรวจสอบมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตื่นตะลึงมากขึ้นเท่านั้น

ปรากฏว่าเบื้องหน้าต่อจากนี้ พวกเขามีตัวเลือกทั้งหมดสามเส้นทางให้เดินสำรวจไปต่อ

 

ป่าดอกท้อแห่งนี้ดูสงบรื่นรมย์เป็นอย่างมาก ทว่าเย่หยวนทราบ หากผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว นั้นเท่ากับไปกระตุ้นกับดักที่ซุกซ่อนอยู่ในทำงานขึ้นทันที

 

อิ้งหมัวหู่หันมองเย่หยวนอยู่หลายคราด้วยความวิตกอยู่เคียงข้าง ทว่าเขาเองก็ไม่กล้าเอ่ยปากเข้ารบกวนอีกฝ่ายเช่นกัน

ซึ่งเวลาผ่านไป อิ้งหมัวหู่ก็พลันพบว่า บนหน้าผากของเย่หยวนเองก็ปรากฏเม็ดเหงื่อมากมายชโลมชุ่มไม่ต่าง! ดูท่างานนี้จะมิใช่เรื่องง่ายจริงๆ!

เห็นได้ชัดว่า เย่หยวนประสบปัญหาที่ยากเกินจะแก้ไขเข้าให้แล้ว!

 

เย่หยวนหยุดอยู่นิ่งๆเช่นนี้เป็นเวลาหนึ่งวันเต็ม!

 

หากเป็นก่อนหน้านี้ อิ้งหมัวหู่ไม่กล้าเชื่อลงจริงๆว่า เย่หยวนต้องใช้เวลานานขนาดนี้กว่าจะก้าวย่างได้ก้าวหนึ่งบนพื้นที่ค่ายกล

ดูท่าค่ายกลอันนี้จะพิเศษโดดเด่นจริงๆ

 

 

“เห้ออ…”

เมื่อได้เห็นเย่หยวนถอนหายใจเสียงยาวออกมา อิ้งหมัวหู่พลันผ่อนคลายลงตามไปด้วย

ในขณะที่ลี่เอ๋อเอื้อมมือไปเช็ดเม็ดเหงื่อที่ชโลมชุ่มบนหน้าผากเย่หยวนให้ พร้อมสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเห็นอกเห็นใจสะท้อนออกมา

ตลอดหนึ่งวันที่ผ่านมา เย่หยวนมุ่งความสนใจไปยังการศึกษารูปแบบค่ายกลอันซับซ้อนนี้เป็นจุดเดียว ซึ่งนางเองก็ไม่กล้าเข้าไปขัดขวางใดๆ

 

“เป็นอย่างไรบ้างพี่ใหญ่? เราควรไปยังเส้นทางไหน?”

อิ้งหมัวหู่กล่าวถาม

 

ท่าทางการแสดงออกของเย่หยวนในยามนี้ค่อนข้างเหนื่อยล้าไม่น้อย แต่เขายังคงกัดฟันฮึดและกล่าวว่า

“ทางขวาน่าจะปลอดภัย”

ต่อหน้าวาจาคำพูดนี้ของเย่หยวน อิ้งหมัวหู่ไม่ทันสังเกต ทว่าลี่เอ๋อกลับหันมองเย่หยวนพร้อมสีหน้าเจือประหลาดใจเล็กน้อย

ในครั้งนี้ เย่หยวนใช้คำว่า‘น่าจะ’ นี่แสดงให้เห็นว่าแม้กระทั้งเขาเองก็ไม่มั่นใจ!

 

เย่หยวนตรวจสอบค่ายกลเบื้องหน้านี้โดยละเอียดเป็นเวลาหนึ่งวันเต็ม แต่สิ่งที่ได้กลับเป็นคำตอบอันคลุมเครือ

ค่ายกลนี้จะน่ากลัวเกินไปแล้วจริงๆ!

 

“ข้าจะไปเอง!”

ลี่เอ๋อเสนอตัวขึ้นโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

เมื่อกล่าวจบนางก็เตรียมย่างเท้าออกไปเดินบนเส้นทางด้านขวาทันที

 

เย่หยวนถอนหายใจเฮือกใหญ่ไม่หยุดหย่อน เขาทราบความคิดความอ่านของลี่เอ๋อได้โดยธรรมชาติ นางจะต้องตระหนักถึงความไม่มั่นใจผ่านวาจาคำพูดของเขาเป็นแน่ จึงเลือกที่จะทดสอบด้วยตัวนางเอง

 

เพียงปลายเส้นผม เท้าของลี่เอ๋อก็จะสัมผัสกับพื้นเส้นทางแล้ว ทว่าทันใดนั้นหนึ่งความคิดพลันโฉบแล่นเข้าสู่ห้วงความคิดเย่หยวนดุจสายฟ้าฟาด!

 

“เดี๋ยวก่อน!”

เย่หยวนตะโกนขึ้นทันใด

อีกนิดเดียวเท่านั้น ปลายเท้าของลี่เอ๋อก็จวนจะสัมผัสกับพื้นดินอยู่แล้ว ทันทีที่ได้ยินเสียงเตือนของเย่หยวน ลี่เอ๋อก็เร่งถอนปลายเท้าออกมาโดยไม่ตั้งใจ

 

“มีอันใดรึพี่ใหญ่หยวน?”

ลี่เอ๋อเอ่ยถามขึ้นอย่างฉงนใจ

 

ในขณะนี้ทั่วทั้งร่างของเย่หยวนเปียกโชกชโลมไปด้วยเหงื่อเย็น หากปลายเท้าของลี่เอ๋อสัมผัสกับพื้นดินเท่าใด ชีวิตนางจะมลายสูญทันที!

 

“ข้าขอโทษลี่เอ๋อที่เกือบทำร้ายเจ้าแล้ว เส้นทางนั้นจุดจบคือความตาย! ค่ายกลแห่งนี้มีจิตสังหารแอบแฝงซ่อนอยู่ ยามที่ข้ากล่าวคาดคะเนออกไปเช่นนั้นและเจ้ากำลังจะย่างก้าวเข้าทดสอบ ในเสี้ยวจังหวะนั้นกลับปรากฏร่องรอยจิตสังหารออกมาจากเส้นทางขวา แม้เพียงเศษอึดใจ แต่นั้นชัดเจนมาก!”

เย่หยวนเผยสีหน้าครั่นคร้ามออกจากจากใจจริง ป่าดอกท้ออันแสนงดงามและร่มรื่นแห่งนี้เร้นแฝงไปด้วยหายนะทุกขณะจิต!

 

หนึ่งความผิดพลาด เท่ากับหนึ่งชีวิตที่ตายลง

ก่อนหน้านี้เย่หยวนพยายามอนุมานทุกความเป็นไปได้ที่เกิดขึ้น คล้ายกับการจำลองภาพเหตุการณ์ทั้งหมดไว้ในหัวหากเกิดความผิดพลาดขึ้น!

ซึ่งถ้าหากเมื่อครู่เย่หยวนกล่าวเตือนช้าไปกว่านี้อีกเพียงเสี้ยวอึดใจ พวกเขาทั้งคู่จะถูกความตายแยกจากกันตลอดกาล!

 

ทว่าลี่เอ๋อกลับยิ้มให้เย่หยวนอย่างไร้กังวลและกล่าวว่า

“พี่ใหญ่หยวนใจดีเกินไปแล้ว อย่าลืมเสีย นี่เป็นถึงค่ายกลที่ถูกสร้างขึ้นโดยเซียนอาณาจักรพระเจ้าขนานแท้ ผิดพลาดกันบ้างมิใช่เรื่องแปลกอันใด ไยต้องขอโทษข้าด้วย? ในรอบแรกนี้ กลับเป็นท่านคือฝ่ายชนะต่างหาก!”

 

เย่หยวนถอนหายใจอย่างลับๆเมื่อได้ยินแบบนี้ ลี่เอ๋อเป็นคนใจเย็นและมากล้นด้วยน้ำใจเสมอมา แม้เกือบโดนไฟคลอกตายอีกแค่ปลายเส้นผม นางยังไม่ถือโทษตำหนิเย่หยวนเลยสักนิด

หากมีภรรยาดีเลิศเช่นนี้ สามียังต้องการอันใดอีก?

เขาตัดสินใจแล้วว่า หากเขาสามารถกำราบเผ่าปีศาจและยังไม่ตาย เขาจะจัดงานสมรสที่หรูหราและยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้แก่ลี่เอ๋อ!

 

อิ้งหมัวหู่ที่หน้าซีดเผือกอยู่เคียงข้างประหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้เข็มตลอดเวลา ยามนี้กล่าวขึ้นว่า

“พี่ใหญ่ เช่นนั้นแล้วเส้นทางใดกันที่ถูกต้อง?”

 

“ไม่มีเส้นทางใดถูกต้องเลย!”

เย่หยวนกล่าวตอบอย่างเคร่งขรึม

 

เมื่อได้ฟังดังนั้น ทั้งอิ้งหมัวหู่และลี่เอ๋อพลันตกกะใจกันยกใหญ่ พวกเขาไม่ทราบเลยว่านั้นหมายความอย่างไรกันแน่

 

เย่หยวนชี้นิ้วไปทางดงป่าอันรกร้างและกล่าวว่า

“เป็นทางนั้น”

 

อิ้งหมัวหู่และลี่เอ๋อตื่นตกใจเป็นทวีเท่า เพราะเส้นทางอันรกร้างนั้น ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็เป็นทางตัน!

 

“พี่ใหญ่ เอ่อ…”

อิ้งหมัวหู่มองไปตามที่เย่หยวนชี้นิ้วไปพลางจับจ้องอย่างโง่งม

 

เย่หยวนมิได้อธิบายอันใดอื่น พร้อมสืบเท้าตรงเข้าไปทันที

 

ทว่าภาพฉากต่อจากนั้นทำเอาอิ้งหมัวหู่และลี่เอ๋อประหลาดใจสุดขีด

จู่ๆร่างของเย่หยวนก็อันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตาพวกเขา!

 

ทั้งคู่แลกเปลี่ยนสายตากันเล็กน้อย ก่อนเร่งติดตามเย่หยวนไปทันที

 

ทั้งสองเสมือนรู้สึกว่า วิสัยทัศน์เบื้องหน้าพล่ามัวบิดเบี้ยวไม่เหลือทรง พวกเขาได้เข้าไปยังประตูมิติลับที่ซ่อนไว้อะไรสักอย่าง

ทว่าความน่าประหลาดใจยังไม่หมดสิ้น เมื่อทั้งคู่รู้สึกฟื้นสติขึ้นอีกครั้ง สภาพแวดล้อมโดยรอบกลับไม่ต่างอะไรกับก่อนหน้าเลย!

 

ประหนึ่งว่าพวกเขาหลงอยู่ในภาพลวงตา เมื่อทั้งคู่เดินเข้าประตูมิติลับไป กลับโผล่ออกมาอยู่ที่เดิมเหมือนเมื่อครู่ไม่มีผิดเพี้ยน!

 

“พี่ใหญ่หยวน นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือเป็นไปได้ไหมว่า ป่าดอกท้อแห่งนี้คือดินแดนลวงตา?”

ลี่เอ๋อกล่าวถามด้วยความประหลาดใจยิ่ง

 

เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า

“ความจริงกับภาพลวงตากลับต่างกันแค่เส้นกั้นบางๆ ความจริงบางอย่างถูกปฏิบัติราวกับภาพลวง และภาพลวงบางอย่างก็ถูกปฏิบัติราวกับความจริง สิ่งที่น่ากลัวกว่าภาพลวงตาคือ ความจริงที่ถูกเติมแต่งจนเหมือนภาพลวงตา! บุคคลที่สร้างค่ายกลนี้มีระดับแนวคิดที่สูงส่งเกินหยั่งถึงเกินไป สวนต้นดอกท้อเหล่านี้เป็นของจริง ทว่าถูกสร้างให้เหมือนกันหมดตลอดเส้นทาง เพื่อลวงหลอกพวกเรา ทว่าเส้นทางรอดกลับมีเส้นทางเดียว และเราต้องเดินให้ถูกตลอดเส้นทางตั้งแต่แรกจนท้ายที่สุด มิฉะนั้นจะไม่มีวันออกไปได้อีกตลอดกาล!”

 

เมื่อทั้งสองได้ฟังเช่นนั้นก็ตกใจอย่างมาก เพื่อสร้างค่ายกลสวนดอกท้อให้เหมือนกันทุกระเบียบนิ้วขนาดนี้ได้ บุคคลผู้นั้นจะต้องเชี่ยวชาญศาสตร์แห่งค่ายกลเพียงใดกัน

ฝีไม้ลายมือของเซียนอาณาจักรพระเจ้า กลับมิใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถจินตนาการหยั่งถึงได้โดยแท้

 

ก่อนหน้าที่ลี่เอ๋อกล่าวให้กำลังใจไปเช่นนั้น ก็ทำให้เย่หยวนที่อ่อนล้าทั้งกายใจกลับมากระตือรือร้นพร้อมเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจอีกครั้ง!

เย่หยวนสัมผัสได้ว่า ผู้ที่สร้างค่ายกลทั้งหมดเหล่านี้จะต้องเป็นเซียนอาณาจักรพระเจ้าที่บ่มเพาะฝึกฝนมาบนเส้นทางแห่งค่ายกลมาโดยเฉพาะ

เขาค่อยๆแก้ทางค่ายกลนี้ไปทีละขั้นตอนอย่างใจเย็น มีหลายต่อหลายครั้งที่เขาเกือบเสียรู้ให้แก่เซียนผู้สร้างค่ายกลนี้เข้าให้แล้ว

 

เมื่อเผชิญหน้ากับค่ายกลอันทรงพลังนี้ เย่หยวนรู้สึกราวกับว่าตนกำลังลูบคมของเซียนอาณาจักรพระเจ้าท่านั้นก็มิปาน

หลังจากได้รับกำลังใจจากลี่เอ๋อ เย่หยวนในปัจจุบันเสมือนถูกเสริมแกร่ง พร้อมความมั่นใจอันล้นเหลือ!

 

เซียนอาณาจักรพระเจ้าแล้วอย่างไร?

วันนี้ ข้า,เย่หยวนจะกำราบเซียนอาณาจักรพระเจ้าให้ดูเป็นขวัญตา!