ตอนที่ 297 กำลังเสริมที่น่าสิ้นหวัง

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

“เหอะๆ ฉันแข็งแกร่งมาตลอดไหมเล่า”

อันหลินสะบัดผมแล้วเดินไปหาเถียนหลิงหลิง

เขามองใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารัก รวมถึงรูปร่างเล็กกะทัดรัดของหญิงสาว บ่นขึ้นมาอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ว่า “เฮ้อ ผ่านมาสองปีแล้ว ทำไมเธอยังไม่สูงขึ้นอีกล่ะ”

“นี่! นักพรตจอมปลอมพูดอะไรของนายเนี่ย!”

เถียนหลิงหลิงโมโหทันทีที่ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับความสูง ไม่สนว่าอันหลินจะแข็งแกร่งขึ้นหรือไม่ ปล่อยหมัดชกอันหลิวรัวๆ

ต้าไป๋ทำหน้าผิดหวัง “พี่อัน นี่น่ะหรือสาวสวยแดนมนุษย์ที่เจ้าว่า เจ้าตาบอดหรือข้าตาบอดกันแน่ โฮ่ง!”

เถียนหลิงหลิงชะงักไป มองสุนัขสีขาวข้างๆ อย่างงุนงง

ภาษาที่ต้าไป๋ใช้เป็นภาษาของสัตว์ภูต ความหมายสื่อตรงถึงใจมนุษย์ได้ ไม่ต้องแปลความหมาย

“นี่! แม้แต่สัตว์เลี้ยงของนายยังพูดจาทำร้ายฉันเลย จิตใจทำด้วยอะไร!”

เธอเคยถูกหมาด่าที่ไหนกัน ยามนี้ทุบอันหลินแรงขึ้นกว่าเดิมแล้ว

อันหลิน “…”

ส่วนเซียนกระบี่ชิงเหอกลับหัวเราะร่าเมื่อเห็นอันหลิน เป็นฝ่ายเดินเข้ามา “สหายอันหลิน ขอบคุณมากที่นายช่วยเหลือ!”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก คนรู้จักกันทั้งนั้น” อันหลินโบกมือ

ในตอนนั้นเอง นักพรตเจ็ดคนก็เหาะลงมาจากท้องฟ้าด้านหลังเขา

นักเรียนเหล่านี้ไม่ปิดบังกลิ่นอายของตน แต่ละคนล้วนท่วมท้นและลึกล้ำ ให้ความรู้สึกไม่อาจเทียบเทียมได้

“ฮ่าๆ ๆ คนพวกนี้ก็คือกำลังเสริมที่ฉันพามา ศัตรูของพวกคุณอยู่ไหนล่ะ พวกเขาอยากบริหารมืออยู่พอดี” อันหลินหัวเราะแล้วพูดกับเซียนกระบี่ชิงเหอ

หนังตาของเซียนกระบี่ชิงเหอกระตุก อยากจะกระอักเลือด

กำลังเสริมระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณแปดคนงั้นเหรอ

ให้ตายสิ แค่อันหลินคนเดียวก็กำจัดลัทธิเพลิงพิษได้แล้ว ตอนนี้โผล่มาแปดคนงั้นเหรอ

นี่มันใช้ปืนใหญ่โจมตียุงไม่ใช่หรือไง!

เถียนหลิงหลิงเองก็ตกใจเช่นกัน คิดไม่ถึงเลยว่าอันหลินจะพานักพรตลหล่อเลี้ยงวิญญาณกลุ่มหนึ่งมาบริหารมือ

อีกฝ่ายเหลือแค่ลัทธิกาฬเวทแล้ว จะบริหารมืออย่างไร ถ่มน้ำลายคนละทีเหรอ

ณ เขาเบญจรงค์ เหล่านักพรตของลัทธิกาฬเวทฉี่เล็ดแล้ว

“คุณพระ! นักพรตพวกนี้โผล่มาจากไหน!”

เจี่ยงเผิงแข้งขาอ่อนแรง นัยน์ตาจ้องนักพรตทั้งแปดที่อยู่ไกลออกไปอย่างอึ้งๆ

รอกำลังเสริมจากลัทธิเพลิงพิษอย่างยากเย็น กำลังเตรียมจะบุกออกไปเปิดฉากสังหาร

ปรากฏว่าเพียงชั่วพริบตา ลัทธิเพลิงพิษก็ถูกคนคนหนึ่งฆ่ายกกลุ่มแล้วงั้นหรือ

จากนั้นก็มีนักพรตหล่อเลี้ยงวิญญาณเจ็ดคนมาเสริม

จะสู้อย่างไร เขาจะสู้กับผีอะไร!

ไม่นานนักพรตหล่อเลี้ยงวิญญาณก็เริ่มปิดล้อม

“เร็วเข้า ปักหลักคุ้มกัน กระตุ้นค่ายกลให้ถึงขีดสุด!”

เจี่ยงเผิงตะโกนให้เหล่านักพรตกระตุ้นค่ายกล ขณะเดียวกันก็กดโทรแบบกลุ่ม

นี่เป็นกลุ่มที่มีชื่อ ‘พิษพิษพิษ’

ราชันกาฬเวท “สหายทุกท่าน ข้าถูกนักพรตหล่อเลี้ยงวิญญาณเก้าคนปิดล้อมที่เขาเบญจรงค์ ไม่ทราบว่าทำอย่างไรจึงจะหลุดพ้น รออยู่นะ ด่วนมาก!”

ไม่นานในกลุ่มก็ฮือฮาขึ้นมา

ตะขาบผู้ยิ่งใหญ่ “พับผ่าสิ ราชันกาฬเวท ก่อนออกจากบ้านเจ้าไม่ได้ดูดวงหรือ นักพรตหล่อเลี้ยงวิญญาณเก้าคนล้อมโจมตีเจ้าหรือ”

ผู้รู้แจ้งศพทองแดง “เจ้าไปทำเรื่องผิดศีลธรรมอะไรมา”

ราชันกาฬเวทหน้าตาไหลพราก “เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว รีบบอกข้าหน่อยว่าจะหลุดพ้นได้อย่างไร จะตายอยู่แล้ว!”

ผู้รู้แจ้งศพเงิน “ราชันเพลิงพิษไปช่วยเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ”

ราชันกาฬเวท “ราชันเพลิงพิษเพิ่งพาคนของลัทธิเขามาถึง ก็ถูกนักพรตหนึ่งในนั้นสังหารในเสี้ยววินาที”

ตะขาบผู้ยิ่งใหญ่ “…”

ผู้รู้แจ้งศพทองแดง “…”

ผู้รู้แจ้งศพเงิน “…”

นักพรตงูสีชาด “…”

เจี่ยงเผิงเห็นจุดไข่ปลาเป็นก่ายกอง ก็ร้อนรนจนจะกระอักเลือดแล้ว รีบพูดเป็นพัลวัน

ราชันกาฬเวท “สหายทุกท่านรีบช่วยหน่อยเถอะ! ข้าจะตายแล้วจริงๆ!”

แกรก จู่ๆ หน้าจอสนทนาในมือถือก็อันตรธานหายไป

ระบบแจ้งเตือนว่า ‘นักพรตงูสีชาดเตะคุณออกจากกลุ่มสนทนาพิษพิษพิษ’

เจี่ยงเผิง “…”

ครืน!

ทันใดนั้น ค่ายกลพิทักษ์ขุนเขาก็พังทลาย

“เกิดอะไรขึ้น ไม่มีการปะทะครั้งรุนแรงเลยด้วยซ้ำ ค่ายกลพังได้อย่างไร!” เจี่ยงเผิงตะโกนลั่นอย่างหวาดผวา

“ไม่รู้เหมือนกันขอรับ…ท่านประมุข เหมือนว่าตาค่ายกลบางแห่งจะถูกทำลาย!” นักพรตคนอื่นตกใจจนหน้าถอดสี มองนักพรตที่เหาะมาทางพวกเขาอึ้งๆ

เจี่ยงเผิงไม่พูดพร่ำทำเพลง หลบหนีไปไกลสุดชีวิต

เสียงโหยหวนของนักพรตลัทธิกาฬเวทดังไล่หลังมา สามอึดใจต่อมา จู่ๆ ก็มีเสียงหนักอึ้งดังขึ้นข้างหลัง

“เจ้าน่ะหรือผู้แข็งแกร่งนอกรีตในแดนมนุษย์ มารบกับข้าหน่อยไหม”

เจี่ยงเผิงสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยิน

เขารีบเหลียวหลัง กลับเห็นนักพรตสี่คนเหาะมาปิดล้อมเขาทั้งซ้ายขวาและบนล่างแล้ว

“เจ้าเลือกสักคนดีไหม”

ชายชุดดำใบหน้าเรียบเฉยอีกคนเอ่ยปาก

เจี่ยงเผิงจะร้องไห้แล้ว บัดซบ เลือกคนหนึ่งงั้นหรือ

ยังเลือกได้ด้วยหรือ

หมื่นกีฏเขมือบ!

เจี่ยงเผิงสั่นไปทั้งตัว หมอกสีดำแผ่กระจายไปทั่วทุกสารทิศประหนึ่งเกลียวคลื่น

นี่เป็นท่าไม้ตายทีเด็ดของเขา หมอกสีดำก่อตัวจากแมลงเวทกระหายเลือดนับไม่ถ้วน มันเป็นแมลงน่าสะพรึงที่เขมือบทุกสรรพสิ่ง นักพรตทั่วไปสัมผัสอาจถึงตายได้

“โอ้โฮ ผายลมด้วยหรือ!”

สิ้นเสียงดังลั่น นักพรตสี่คนก็ตกใจจนเว้นระยะห่างกับเขา

เจี่ยงเผิงยังไม่ทันได้หายใจหายคอ ปราณกระบี่ไร้เทียมทานยาวสิบจั้งก็เฉือนร่างของเขา ตามมาด้วยเปลวไฟ ระเบิดอัสนี กระบี่บิน…

ตูม!

กลุ่มแสงพลังงานหลากหลายสีสันแตกกระจายกลางเวหา สะเทือนฟ้าดิน

หลังดอกไม้ไฟพ้นผ่านแล้ว ท้องฟ้าก็กลับมาปลอดโปร่งอีกครั้ง

ส่วนราชันกาฬเวทถูกระเบิดจนเป็นควันดำแล้ว

ถังซีเหมินถอนหายใจเบาๆ “บริหารมือแค่กระบวนท่าเดียวก็จบแล้วหรือ”

หูก้วนเองก็รู้สึกว่ายังไม่ค่อยหนำใจ “เป็นเพราะพวกเราโจมตีพร้อมกัน ถ้าทำทีละคนอาจจะได้ประมือหลายท่า”

เซวียนหยวนเฉิงกับเหยาหมิงซีก็รู้สึกเบื่อ จึงย้อนกลับเขาเบญจรงค์เงียบๆ

อันขี่ต้าไป๋เป็นศูนย์กลางของเหล่านักพรต เชิดหน้ายึดอก

“นักพรตจอมปลอม ใช้ได้นี่นา ไม่คิดเลยว่านายจะมีสัตว์เลี้ยงหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลาย”

เถียนหลิงหลิงลูบขนขาวนุ่มสลวยของต้าไป๋ด้วยความตื่นเต้นไม่หยุด

เนื้อสัมผัสดีเยี่ยมเหลือเกิน ดีกว่าของเล่นระดับพรีเมียมเสียอีก หยุดไม่ได้เลย

“สาวน้อย กรุณาอย่าทำกิริยาชั้นต่ำกับข้า โฮ่ง!”

ต้าไป๋เหลือบมองเถียนหลิงหลิง แลบลิ้นพูดอย่างไม่พอใจ

เถียนหลิงหลิงกลอกตา ไม่สนใจคำพูดของต้าไป๋ ยังคงลูบต่อไป

อืม น่าลูบไล้จริงๆ ทั้งอ่อนทั้งนุ่มทั้งอบอุ่น!

“อันหลิน ทำธุระเสร็จแล้ว ไปอินเตอร์เน็ตคาเฟ่กับข้าหน่อยดีไหม” หลิวเชียนฮ่วนเดินไปหาอันหลิน ยิ้มอย่างเริงร่า ยักคิ้วงามเล็กน้อย

“นี่ อย่าลืมนะว่าพวกเรามาทำอะไร อีกเจ็ดวันสุสานโสว่หยางก็จะเปิดแล้ว อย่าให้เสียงานล่ะ” อันหลินพูดอย่างเคร่งขรึม

“รู้แล้วน่าๆ งั้นข้าจะไปลากกัปตันอย่างเจ้าออกนอกลู่นอกทางแล้ว ข้าจะไปเที่ยวเล่นสักสี่ห้าวัน แล้วเจอกันที่สระสวรรค์เขาฉางไป๋” หลิวเชียนฮ่วนโบกมือ เท้าย่ำคทาแล้วลอยขึ้นฟ้า “แล้วเจอกันนะ!”

อันหลิน “…”

“นักพรตจอมปลอม ดูเหมือนกัปตันอย่างนายจะไม่ค่อยน่าเกรงขามนะ” เถียนหลิงหลิงหัวเราะเยาะ

“สหายอันหลิน อย่างไรเสียก็ไม่มีธุระอะไรแล้ว ข้าจะไปหาเพื่อนๆ ในแดนมนุษย์สักหน่อย อีกห้าวันพบกันที่เขาฉางไป๋” ถังซีเหมินก็เข้ามาบอกลาเช่นกัน

“ข้าจะไปแลกอาวุธสังหารกับหวงซานซานหน่อย มีอะไรติดต่อกันทางมือถือนะ” เซวียนหยวนเฉิงก็เข้ามาตบไหล่อันหลินปุๆ แล้วจากไป

“ฮ่าๆ ข้าก็จะพาซูเฉี่ยนอวิ๋นไปชมความงดงามและวัฒนธรรมในแดนมนุษย์” สวีเสี่ยวหลานจับมือซูเฉี่ยนอวิ๋นมาบอกลาอันหลิน

อันหลินนวดขมับ พูดอย่างระอาใจว่า “เอาเถอะ เชิญทุกคนตามอัธยาศัย อีกห้าวันรวมตัวกันที่สระสวรรค์เขาฉางไป๋”

“ไม่…พี่อัน ท่านไปไหน ข้าไปด้วย!” เหยาหมิงซีพูดด้วยแววตาที่ลุกวาว

“ไม่ทิ้งกัน!” หูก้วนก็พูดอย่างจริงใจ

อันหลินหน้ามืด

พับผ่าสิ สาวๆ ไปกันหมดแล้ว แต่ผู้ชายสองคนจะเกาะติดเขางั้นเหรอ

“ไปเลย! พวกเจ้าไปให้พ้น! ไม่ต้องมาตามข้า!” อันหลินตวาดลั่น

“พรืด! ฮ่าๆ ๆ…” เถียนหลิงหลิงทนไม่ไหวแล้ว กุมท้องหัวเราะ “นักพรตจอมปลอม ไม่เจอกันสองปี ไม่คิดว่าดวงความรักของนายจะดีขนาดนี้”

อันหลินทำหน้าระอิดระอา ชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดกว่าจะไล่แฟนคลับทั้งสองคนไปได้

เซียนกระบี่ชิงเหอกับนักพรตที่ปิดล้อมลัทธิกาฬเวทก็ทยอยอำลา จนเหลือแค่อันหลินกับเถียนหลิงหลิง

“ทำไมเธอไม่ไปล่ะ” อันหลินกะพริบตาปริบๆ มองเถียนหลิงหลิงด้วยความสงสัย

ใบหน้าเล็กสวยได้รูปของเถียนหลิงหลิงแดงเรื่อ พึมพำว่า “ไม่ได้เจอกันตั้งสองปี อยากคุยกับนายสักหน่อยนี่นา…”

มุมปากของอันหลินกระตุกยิกๆ “หากไม่ใช่เพราะมือเธอยังลูบต้าไป๋ไม่หยุด ฉันคงจะเชื่อแล้ว”

ต้าไป๋ “…”

เถียนหลิงหลิง “…”